ผมเห็นคนตอบในกระทู้นึงแล้วบอกว่า เงินส่วนลด ไม่ควรเอาไปลดในเงินดาวน์ แต่ควรไปลดในราคารถเลย มันดีจริงหรือเปล่า ? ผมเลยทำตารางมาให้ดู 3 กรณี ระหว่าง
กรณี 1 ลดในค่ารถเลย (แยก 1.1 เป็นดาวน์ 15%ของราคารถ กับ 1.2 ดาวน์ Fixed เงินไว้เลย)
กรณี 2 ลดเงินดาวน์
กรณี 3 เพิ่มเงินดาวน์
ได้ผลตามตารางนี้
สรุป
หมายความว่า กรณี "เพิ่มเงินดาวน์" ที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง อาจจะประหยัดที่สุด แต่ต้องคำนวณความต่างของดอกเบี้ยด้วย (ตัวอย่างผมใส่ 3% ลดเหลือ 2.5%)
ส่วนกรณี เอาส่วนลด ไป "ลดเงินดาวน์" ยังไงก็ทำให้ยอดรวม แพงที่สุด *ซึ่งคนขายรถมักจะโฆษณาวิธีนี้มากที่สุด แม้แพงสุดแต่ก็มีข้อดีคือเราจะใช้เงินดาวน์ออกรถได้น้อยลงมากๆ
สรุปของสรุป ทำอย่างไรก็ได้ที่เราจ่ายเงินดาวน์มากที่สุด และให้เสียดอกเบี้ยน้อยที่สุดจะ ประหยัดสุดครับ
หมายเหตุ : เป็นตัวอย่างให้เห็นภาพ ถ้าจะซื้อรถแบบผ่อนจริงลองคำนวณทุกรูปแบบจะมีความถูกต้องกว่าครับ (ผมมี File excel อยู่ใน สปอย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.dropbox.com/s/8ayt1hfp56xsm1z/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%96.xlsx?dl=0
ส่วนลดเวลาซื้อรถ ควรลดที่ ราคาค่ารถ , ลดเงินดาวน์ หรือ ส่วนเพิ่มเงินดาวน์ อันไหนจะดีกว่ากัน ลองคำนวณให้ดูเล่นๆ
กรณี 1 ลดในค่ารถเลย (แยก 1.1 เป็นดาวน์ 15%ของราคารถ กับ 1.2 ดาวน์ Fixed เงินไว้เลย)
กรณี 2 ลดเงินดาวน์
กรณี 3 เพิ่มเงินดาวน์
ได้ผลตามตารางนี้
สรุป
หมายความว่า กรณี "เพิ่มเงินดาวน์" ที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง อาจจะประหยัดที่สุด แต่ต้องคำนวณความต่างของดอกเบี้ยด้วย (ตัวอย่างผมใส่ 3% ลดเหลือ 2.5%)
ส่วนกรณี เอาส่วนลด ไป "ลดเงินดาวน์" ยังไงก็ทำให้ยอดรวม แพงที่สุด *ซึ่งคนขายรถมักจะโฆษณาวิธีนี้มากที่สุด แม้แพงสุดแต่ก็มีข้อดีคือเราจะใช้เงินดาวน์ออกรถได้น้อยลงมากๆ
สรุปของสรุป ทำอย่างไรก็ได้ที่เราจ่ายเงินดาวน์มากที่สุด และให้เสียดอกเบี้ยน้อยที่สุดจะ ประหยัดสุดครับ
หมายเหตุ : เป็นตัวอย่างให้เห็นภาพ ถ้าจะซื้อรถแบบผ่อนจริงลองคำนวณทุกรูปแบบจะมีความถูกต้องกว่าครับ (ผมมี File excel อยู่ใน สปอย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้