สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ผมไม่แน่ใจว่าสามีคุณรู้เรื่องว่าลูกโดนขโมยของหรือเปล่า
หรือเข้าใจแค่ว่าเด็กทำหายเอง
ถ้าไม่รู้ คุณสองคนควรรีบคุยกันนะครับ
สิ่งแรกที่ลูกคุณต้องการมากที่สุด ไม่ใช่ยางลบ ดินสอ หรือไม้บรรทัดอันใหม่
แต่เป็นการที่คนในครอบครัวเข้าใจปัญหาของเขาครับ
ทั้งคุณและสามีคุณต้องอยู่ข้างลูกในเรื่องนี้
ต่อมาอย่าผลีผลามไปคุยกับผู้ปกครองฝั่งนั้นโดยตรง
เพราะคิดว่าเรื่องแค่นี้ ฉันจัดการได้
เรื่องลูกฉันลูกเธอ มันไม่เคยง่ายแบบนั้นสักเคสเลยครับ
ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่เด็กฝั่งนั้นจะรู้พฤติกรรมของลูกตัวเองไหม
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า "ยอมรับได้ไหม ว่าลูกตัวเองนิสัยไม่ดี"
เหตุการณ์มันอาจจะพลิกกลับแล้วทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก
คนที่จะซวยที่สุด คือลูกคุณตอนอยู่โรงเรียนครับ
เพราะฉะนั้น คุยผ่านครูครับดีที่สุด
โรงเรียนคือสถานที่เกิดเหตุ และครูคือคนที่ดูแลเด็กสองคนนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว
คาดว่าก่อนหน้านี้ครูอาจจะแค่แก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพราะมองแค่ว่าเป็นเรื่องเด็กๆเล่นกัน
ลองส่งหลักฐานเหล่านี้ให้ดู และให้ครูเป็นคนคุยกับฝั่งนั้นครับ
ถ้าเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น
ค่อยนัดเจอกับฝั่งนั้นที่โรงเรียนครับ
แต่ทั้งหมดทั้งมวล คุยกันเฉพาะผู้ใหญ่นะครับ
ไม่ต้องลากเด็กมานั่งฟังด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากเสียสุขภาพจิตเด็กเปล่าๆ
เพื่อนจะพาลยี้ใส่แล้วไม่เล่นด้วยไปอีก
สุดท้าย
ผมมองว่าเดี๋ยวมันก็จะมีปัญหาตามมาอีกครับ
ถึงพ่อแม่เด็กฝั่งนั้นจะรับรู้และปรามลูกไปแล้ว
แต่เด็กคนนั้นก็อาจจะหาเรื่องแกล้งลูกคุณอื่นๆอีกก็ได้หลังจากนี้
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ทั้งคุณและสามีคุณต้องแก้ไขปัญหานั้นด้วยเหตุผล
ค่อยๆคิด ค่อยๆช่วยกันวางแผนไป
และอย่าใช้อารมณ์เด็ดขาดไม่ว่าจะกับฝั่งไหนก็ตาม
บางอย่างได้ไม่คุ้มเสีย
บางอย่างปล่อยดีกว่าแลก
ปัญหาเด็กโดยส่วนใหญ่ค่อนข้าง Sensitive
แรงเกินไปนิดเดียวความรู้สึกมันก็ขาดกระจุยได้ง่าย
และบางทีมันก็ยากเกินกว่าจะต่อกลับมาเป็นแบบเดิมครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
หรือเข้าใจแค่ว่าเด็กทำหายเอง
ถ้าไม่รู้ คุณสองคนควรรีบคุยกันนะครับ
สิ่งแรกที่ลูกคุณต้องการมากที่สุด ไม่ใช่ยางลบ ดินสอ หรือไม้บรรทัดอันใหม่
แต่เป็นการที่คนในครอบครัวเข้าใจปัญหาของเขาครับ
ทั้งคุณและสามีคุณต้องอยู่ข้างลูกในเรื่องนี้
ต่อมาอย่าผลีผลามไปคุยกับผู้ปกครองฝั่งนั้นโดยตรง
เพราะคิดว่าเรื่องแค่นี้ ฉันจัดการได้
เรื่องลูกฉันลูกเธอ มันไม่เคยง่ายแบบนั้นสักเคสเลยครับ
ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่เด็กฝั่งนั้นจะรู้พฤติกรรมของลูกตัวเองไหม
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า "ยอมรับได้ไหม ว่าลูกตัวเองนิสัยไม่ดี"
เหตุการณ์มันอาจจะพลิกกลับแล้วทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก
คนที่จะซวยที่สุด คือลูกคุณตอนอยู่โรงเรียนครับ
เพราะฉะนั้น คุยผ่านครูครับดีที่สุด
โรงเรียนคือสถานที่เกิดเหตุ และครูคือคนที่ดูแลเด็กสองคนนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว
คาดว่าก่อนหน้านี้ครูอาจจะแค่แก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพราะมองแค่ว่าเป็นเรื่องเด็กๆเล่นกัน
ลองส่งหลักฐานเหล่านี้ให้ดู และให้ครูเป็นคนคุยกับฝั่งนั้นครับ
ถ้าเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น
ค่อยนัดเจอกับฝั่งนั้นที่โรงเรียนครับ
แต่ทั้งหมดทั้งมวล คุยกันเฉพาะผู้ใหญ่นะครับ
ไม่ต้องลากเด็กมานั่งฟังด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากเสียสุขภาพจิตเด็กเปล่าๆ
เพื่อนจะพาลยี้ใส่แล้วไม่เล่นด้วยไปอีก
สุดท้าย
ผมมองว่าเดี๋ยวมันก็จะมีปัญหาตามมาอีกครับ
ถึงพ่อแม่เด็กฝั่งนั้นจะรับรู้และปรามลูกไปแล้ว
แต่เด็กคนนั้นก็อาจจะหาเรื่องแกล้งลูกคุณอื่นๆอีกก็ได้หลังจากนี้
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ทั้งคุณและสามีคุณต้องแก้ไขปัญหานั้นด้วยเหตุผล
ค่อยๆคิด ค่อยๆช่วยกันวางแผนไป
และอย่าใช้อารมณ์เด็ดขาดไม่ว่าจะกับฝั่งไหนก็ตาม
บางอย่างได้ไม่คุ้มเสีย
บางอย่างปล่อยดีกว่าแลก
ปัญหาเด็กโดยส่วนใหญ่ค่อนข้าง Sensitive
แรงเกินไปนิดเดียวความรู้สึกมันก็ขาดกระจุยได้ง่าย
และบางทีมันก็ยากเกินกว่าจะต่อกลับมาเป็นแบบเดิมครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
แสดงความคิดเห็น
ปวดใจเมื่อเห็นลูกชายวัยป.1โดนเพื่อนเอาเปรียบ จะแก้ปัญหานี้อย่างไรได้บ้างคะ
จนเมื่อคาดคั้นบ่อยเข้าจึงได้รับคำตอบมาว่า เพื่อนเอาไป เพื่อนเอาซ่อน ซึ่งเป็นแบบนี้มาอาทิตย์กว่าแล้ว สอบถามไปที่คุณครู คุณครูบอกว่าจะแยกให้ลูกและเพื่อนคนนั้นนั่งคนละที่กัน แต่เมื่อมานั่งใกล้กันวันไหนก็จะเกิดเหตุการณ์เดิมๆอีก แม่ควรจะพูดคุยกับผู้ปกครองของเพื่อนลูกอย่างไรดีคะ
ตอนนี้สงสารลูก เพราะเค้าจะไม่ค่อยบอกปัญหานี้เค้าบอกว่าเดี่ยวเพื่อนจะไม่เล่นด้วย
ในรูปคือเค้าพิมพ์บอกพ่อของเค้าว่าของหายก่อนจะเข้าบ้าน เพราะกลัวพ่อดุเรื่องของหายค่ะ