ผมมองว่า ในหนังแนวแอ็คชั่นสายเอเชีย ดูมาตั้งแต่เด็กจนโต มีหลายเรื่องที่สนุกและชอบ แต่สำหรับหนังสามเรื่องนี้ผมมองว่าเป็นหนังแนวแอ็คชั่นโชว์ความสามารถของตัวนักแสดงในการต่อสู้ ศิลปะป้องกันตัวได้ดีเยี่ยม
Ip Man ไตรภาค ที่ดอนนี่ เยน ก็ถือว่าเป็นหนังชีวประวัติของปรมจารย์
ยิปมัน ผสมผสานทั้งแอ็คชั่นและดราม่าที่ลงตัว หนัง
ฮ่ฮงกงเรื่อง SPL ที่ภาคแรก ดอนนี่ เยน แสดง และภาคสอง เป็น จา พนม หรือ โทนี่ จา มาแสดงเป็นพระเอกคู่กับพระเอกชาวฮ่ฮงกง ผมว่าก็เป็นหนังแอ็คชั่นสายเลือดเอเชียที่สนุกใช้ได้ เนื้อเรื่องเข้มข้น มีดราม่าเยอะหน่อยโดยเฉพาะภาคสอง ฉากแอ็คชั่นมีเว่อร์ กระโดดปีนป่าย ใช้สลิงในซีนกระโดดเตะเหินเวหาแบบเห็นได้ชัดเจนตามสไตล์หนังบู๊
ฮ่ฮงกง ดู fake ไปหน่อย แต่โดยรวมตัวหนังก็ทำออกมาได้ดี หรือหนังแอ็คชั่นจากเกาหลีอย่างเรื่อง The Man From Nowhere ก็เป็นหนังที่ทำฉากการต่อสู้ที่ดีไม่แพ้หนังแอ็คชั่นของฮฮลลีวู้ดเลย
แต่สำหรับผม ผมชอบอะไรที่ดิบๆกว่านั้น ไม่ต้องใส่ดราม่าหรือเรื่องราวอะไรมากมาย ขึ้นชื่อว่า เป็นหนังขาย
แอ็คชั่น งานภาพอาร์ตๆ ให้พอเป็นเส้นเรื่องให้น่าติดตามก็พอ เพราะ องค์ประกอบหลักคือ ขายแอ็คชั่นให้พระเอกโชว์ศิลปะป้องกันตัว ซึ่งหนังบู๊เอเชียหลายเรื่องทำออกมาได้ดี แต่หลายเรื่องก็ใส่ประเด็นความดราม่าของตัวละครมากไป มีซีนดราม่า เศร้าโศรก โมเม้นกับเรื่องครอบครัวมากไป คือ ผมว่าไม่ใช่ว่าไม่ดีนะที่ใส่มาให้เห็นชีวิตของตัวเอก เรื่องครอบครัว ปมในอดีต แต่บางเรื่องใส่มากไปเลยดูน่าเบื่อไปนิด กว่าจะมีฉากแอ็คชั่นกันได้ ก็ไปเน้นความเป็นดราม่ามากไป
แต่สำหรับหนังสองเรื่องที่ จา พนม แสดง "องค์บาก" และ "ต้มยำกุ้ง" นั่นถือว่าทำออกมาได้ลงตัว ไม่ได้ดราม่าเกินไป หรือ แอ็คชั่นอย่างเดียวจนเนื้อเรื่องอ่อน ไม่น่าติดตาม ทุกอย่างมันลงตัวทั้งงานภาพ การออกแบบการต่อสู้ การเซ็ตฉากต่างๆ บท ตัวละคร เนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง การแสดง คือ ออกมา
เพอร์เฟ็กต์มาก ซึ่งหนังไทยสองเรื่องนี้ผมชอบดูมาตั้งแต่เด็กจนโตมาดูใหม่ก็ยังได้ฟิวเดิม มันหยด แถมหนังสองเรื่องนี้ ไม่ได้มันอย่างเดียว ตัวผู้กำกับ ปรัชญา ปิ่นแก้ว แกใส่ความเป็นไทยสื่อให้ต่างชาติเห็นด้วย ทั้งเรื่องความศรัทธานับถือในพุทธศาสนา เกี่ยวกับพระพุทธรูป และเรื่องของช้าง ที่เปรียบเสมือนสิ่งที่คนไทยผูกพันธ์และศรัทธาและเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ที่ยกระดับในการนำเสนอที่ดูดี โกอินเตอร์
การแสดงของพระเอก พี่จา พนม แกมาจากสายสตั้นแมน ก็อาจจะแอคติ้งแสดงสีหน้าอารมณ์ได้ไม่เก่งนักเท่ากับดาราทั่วๆไป บทพูดไม่ได้มีเยอะ แต่แกก็มาทดแทนด้วยลีลาการบู๊ ผสมผสานทั้งมวยไทย ยิมนาสติก และศิลปะการต่อสู้แขนงอื่นๆ เอามาโชว์ให้ดูในหนัง ซึ่งผมอยากเก็บความประทับของหนังสองเรื่องนี้ ไว้ที่ภาคแรกพอ เพราะภาคต่อๆมาไม่ค่อยโอเคกับทั้งฉากแอ็คชั่นและตัวเนื้อเรื่องเท่าไหร่ ไม่เคยจำด้วยว่า องค์บาก กับ ต้มยำกุ้ง มีภาคต่อ
การฉากแสดงเสี่ยงตายผาดโผน ปีนป่าย โหนนู้นนี่นั้น ทำอะไรที่หวาดเสียวเพิ่มเติมจากฉากแอ็คชั่นมือเปล่า พี่จา พนม ก็แสดงเองหมด เพราะมาจากสายสตั้นด้วย และเพื่อหนังออกมาดูไม่ fake ไม่มีแสตนอินแทน ถ้าเทียบกับดาราหนังฮฮลลีวู้ดที่ชอบรับบทแสดงหนังแนวแอ็คชั่นที่ไม่ค่อยใช้สตั้น ก็มี
ทอม ครูซ, เจสัน สเตแธม,
บรูซ วิลลิส, คีอานู รีฟส์ เป็นต้น แต่ก็ยังมีใช้บ้างในหลายฉากจะเห็นเป็นสตั้นชัดเจน แต่สำหรับ จา พนม ไม่เลยครับ ดูจากเบื้องหลังการถ่ายทำพี่แกแสดงเองหมดทุกฉากยิ่งกว่าดาราฮฮลลีวู้ดสายบู๊หลายคน ดูแล้วพี่แกนี่แหละของจริงในการแสดงบทแอ็คชั่น ย้ำนะว่าเฉพาะการแสดงฉากแอ็คชั่น เพราะ การแสดงบทดราม่า บทพูด สีหน้า แกยังดูแข็งๆไม่ค่อยธรรมชาติซะเท่าไหร่
หนังแอ็คชั่นเอเชียเป็นส่วนใหญ่ในฉากการต่อสู้ อาจจะดูเว่อร์ ไม่สมจริงอยู่บ้าง หลายคนจึงไม่ค่อยชอบ ไปดูหนังฝรั่งฮฮลลีวู้ดจะดูออกแบบการต่อสู้ที่สมจริงกว่า เช่น หนังเอเชีย พระเอกคนเดียวสู้กับพวกตัวร้ายเป็นกองทัพ เลือดตกยางออกไม่มาก สู้กันที 1 ต่อ 100 แล้วชนะ อะไรแบบนี้ ที่ดูไม่สมเหตุสมผล หรือ การเน้นโชว์ศิลปะป้องกันตัวมากไป จนคิดว่า ตัวร้ายพวก
ก็มีมีดมีปืน ทำไมไม่เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในเมื่ออยู่ว่าพระเอกมันเก่งซะขนาดนั้น มัวแต่เข้าไปมือเปล่าให้เขาอัดเล่น หรือการเข้ามาทีละคนจากจำนวนเป็น 100 ที่เห็นอยู่ว่าพระเอกตัวคนเดียว ถ้าเข้าไปรุมเลยพระเอกตายแน่นอน แตก็มิวายเข้าไปมือเปล่าทีละคนสองคนให้พระเอกกระทืบ แต่ก็นี่แหละหนังบู๊ดิบๆสไตล์เอเชีย
The Raid คือ ความดิบเถื่อน เลือดสาด หนังเรต 18+ เรต R ตรงที่ฉากแอ็คชั่นโหดดิบกว่าเรื่อง องค์บาก และ ต้มยำกุ้ง แต่ทีมงานผู้สร้างหนังเรื่องนี้ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังไทยสองเรื่องนี้เช่นกัน เพราะ เป็นหนึ่งในหนังเอเชียที่ไดไปฉายแล้วฝรั่งต่างชาติยอมรับและชื่นชอบ
ในเรื่อง องค์บาก และ ต้มยำกุ้ง ตัวพี่จา พนมแกแสดงเป็นคนบ้านนอก หน้าตาซื่อ ใส่เสื้อผ้าเชยๆ แต่เรียนรู้การต่อสู้จากพ่อและอาจารย์แต่เด็ก เลยเก่ง แต่สำหรับเรื่อง The Raid นั่นพระเอก ที่นำแสดงโดย ฮิวโก้ ฮูไวท์ ในเรื่องภาคแรกเป็นตำรวจหน่วยสวาทของอินโดนีเซียในภาคสองเปลี่ยรสถานะเป็นนายตำรวจสายสืบนอกเครื่องแบบที่ต้องแฝงตัวอยู่กับพวกมาเฟีย ดูจากโทนเรื่อง เนื้อเรื่อง มันดูคล้ายกับหนังบู๊จีน ฮ่ฮงกงสมัยก่อนหลายเรื่อง ที่พระเอกชอบทำอาชีพเป็นตำรวจสานสืบไปแฝงตัวกับผู้ร้าย อะไรแบบนี้
แต่เรื่อง The Raid จะเน้นความดิบกว่า โหดกว่า รุนแรงกว่า มีสไตล์เป็นของตัวเองกว่า และ โทนเรื่องดาร์กๆหม่นๆ กว่าเรื่อง องค์บาก, ต้มยำกุ้ง หรือ หนังฮ่ฮงกงพล็อตเรื่องแนวๆเดียวกันหลายเรื่อง
ในหนัง The Raid การถ่ายทำก็ดูไม่ได้ลงทุนด้านโปรดักชั่นเสื้อผ้าหน้าผมมากมาย รวมถึงกล้องที่ถ่ายทำ ในหนังจะสังเกตุว่าภาพมันดูมืดๆ มีจุดๆ ด้วยหนังที่ไม่ได้ลงทุนมาก ผมว่าหนังเรื่อง องค์บาก กับ ต้มยำกุ้ง ตัวหนังดูลงทุนกว่ามาก แต่สำหรับเรื่อง The Raid ในภาคแรก ลงทุนน้อย ถ่ายอยู่ในโลเคชั่นเดียว ในตึก
อพาร์เม้นต์ เน้นอารมณ์กดดัน ลุ้นระทึกด้วยแหละ ถ้าเทียบกับสถานการณ์ในหนังเหมือนกำลังดูหนังฝรั่งเรื่อง Die Hard ภาคแรก ตึกปิดตาย ถูกไล่ล่า พระเอกต้องสู้กับพวกตัวร้าย แก้ไขสถานการณ์ เอาแค่ความคล้ายกันของสถานการณ์ในหนังนะครับ เพราะยังไงหนัง Die Hard ก็ดีกว่าอยู่แล้ว เพราะมันเป็นหนังพล็อตระดับตำนานที่หนังหลายเรื่องพยายามทำตาม แต่ไปไม่สุดทุกเรื่อง แต่สำหรับ The Raid มันขายความดิบดวล ป่าเถื่อนมากๆ เล่นฆ่ากันที มีปิดตาได้
ภาคสอง หนังดูลงทุนมากขึ้นทั้งการถ่ายทำ ทีมนักแสดงที่มากขึ้น โลเคชั่นเปิดกว่าขึ้นกว่าการมาไล่ล่ากันในตึกเพียงอย่างเดียว เนื้อเรื่องมีความเข้มข้นและมีอะไรน่าสนใจกว่าภาคแรกอยู่เยอะในภาคนี้ ในภาคแรกยังคงความดิบ เถื่อนยังไง ภาคสองสานต่ออยู่อย่างนั้นแต่ดูเถื่อนกว่า เลือดสาดกว่า ดูแล้วแบบว่าหลายๆฉากที่สู้กัน เลือดมันเยอะไปป่าวว่ะเนี่ย เลือดสาดยังกะดูหนังแอ็คชั่นฝรั่งเน้นโชว์เลือสาดแบบเรื่อง Kill Bill กับ Watchmen ไงอย่างงั้น แทงกันที เตะต่อย ใช้ค้อนทุบ ไม่เบสบอลตี ยิงกัน เลือดพุ่งออกจากตัวแบบดูเว่อร์ไป แต่มันเป็นสไตล์ที่ทำออกมาเวิร์คนะ ผมว่า
โดยรวมผมว่าหนังไทยสายแอ็คชั่น องค์บาก และ ต้มยำกุ้งรวมถึงหนังแอ็คชั่นเรื่อง The Raid จากอินโดนีเซีย ถือเป็นหนังแนวแอ็คชั่นในเอเชียที่โดยส่วนตัวผมชอบมากที่สุดล่ะกัน ถึงจะเป็นหนังแนวแอ็คชั่นเหมือนกันแต่การนำเสนอเนื้อเรื่องและฉากแอ็คชั่น ดูต่างกัน แต่มีสไตล์และเสน่ห์ที่ดีทั้งคู่
อัพเดตหน่อย ตอนนี้พี่ โทนี่ จา ของเราหลังไปร่วมแสดงในหนังฮฮลลีวู้ดฟอร์มใหญ่ในเรื่อง Fast & Furious 7 และเรื่อง xXx The Return Of Xander Cage ตอนนี้พี่แกเพิ่งถ่ายทำหนังใหม่เสร็จเรื่อง Monster Hunter ที่สำคัญคือ แกแสดงเป็นพระเอกคู่กับนางเอกชื่อดังอย่าง มิล่า โจโชวิช จากหนังตระกูล Resident Evil คือ น่าติดตามดูมากๆ เพราะ แกแสดงเป็นพระเอกในหนังฮฮลลีวู้ดกับนางเอกชื่อดัง และพี่แกก็ออกมาอัพเดตว่าเร็วๆนี้จะมีหนังที่พี่แกแสดงเป็นตัวเอกคู่กับพระเอกชื่อดังมากฝีมือที่เคยคว้ารางวัลออสการ์ อย่าง
นิโคลัส เคจ อีกด้วย
ส่วนพี่ฮิวโก้ ฮูไวท์ แกได้ไปโกอินเตอร์ แสดงหนังฮฮลลี
วู้ดเหมือนกับจา พนม ไปแสดงโผล่ในเรื่อง Star War Rogue One เป็นตัวประกอบกับทีมสตั้นสองจากเรื่อง The Raid และผลงานล่าสุดของแกในฮฮลลีวู้ด คือ เรื่อง Mile 22 ที่แสดงประกบพระเอกฮฮลลีวู้ดชื่อดังอย่าง มาร์ค วอล์หเบิร์ก แต่น่าเสียดายที่หนังไม่ประสบผลดีทั้งรายได้ทั่วในอเมริกาและทั่วโบกรวมถึงคำวิจารณ์ในเชิงลบด้วย แต่ถึงยังไง ก็ยังคงติดตามผลงานในฮฮลลีวู้ดของพี่แกอยู่
หนังแอ็คชั่นสายเลือดไทยอย่าง "องค์บาก" "ต้มยำกุ้ง" ปะทะ "The Raid" หนังแอ็คชั่นเลือดสาดของอินโดนีเซีย