กับการตั้ง BNK48 Films ขึ้นมาเพื่อต่อยอดเรื่องการแสดงของน้องๆ
จากบทสัมภาษณ์ของผู้กำกับคงเดช ที่ทางบริษัทติดต่อมาให้แกทำหนังเพื่อโชว์ศักยภาพของน้องๆ คือ ขอให้ทำหนังที่เอาใครก็ได้ใน BNK48 ไปเล่น ไม่เกี่ยงบท ไม่เกี่ยงแนว ซึ่งผลออกมา ใครที่ได้ดูกันแล้วก็คงรู้ว่าหนังมันเป็นยังไง ซึ่งในความคิดผม หนังมันอยู่ห่างจากคำว่าหนังแมส หนังเมนสตรีม เยอะทีเดียว
ทั้งๆที่ถ้าจะทำหนังที่เอาเงินจริงๆ มันก็มีแนวทางที่ทำได้ไม่ยาก เหมือนที่พี่จีนช่อง Viewfindขer 2559 พูดไว้ BNK48 นั้น มีแฟนคลับที่พร้อมจะจ่ายเงินกับการที่น้องๆไลฟ์ผ่าน Application หรือเสียเงินเพื่อไปจับมือกันอยู่แล้ว แค่ทำหนังทุนน้อยๆแต่เน้นเซอร์วิสแฟนคลับ เช่นขายคู่จิ้น ต่อเรือ อะไรทำนองนั้น (แต่เอาจริงๆ งบ 18 ล้านนี่ก็ถือว่าไม่เยอะเท่าไรนะในปัจจุบัน) ก็คงทำได้ไม่ยาก ไม่ต้องลำบากทำหนังแนวดูยาก ขายยากแบบ Where we belong ก็ได้
แต่เขาก็เลือกจะให้หนังเรื่องแรกของ BNK48 Films ออกมาแล้วมีความเป็นอาร์ตสูงขนาดนี้
จากที่คุณคงเดชบอก อาจจะเพราะคุณต้อมเอง เคยทำ (หรืออาจจะยังทำ) บริษัทผลิตสื่อและนำเข้าภาพยนตร์มาก่อน (Rose Media) และชื่นชอบหนังสไตล์ญี่ปุ่น ทำให้มีความเข้าใจในเรื่องหนังเอามากๆ และจากที่คุยกัน คุณต้อมยังชื่นชอบหนังเรื่อง SNAP ของเขาด้วย จึงเลือกเขามาเป็นผู้กำกับ และไม่แตะต้องในเรื่องบทอะไรเลยทั้งสิ้นตั้งแต่ต้นจนจบ
แม้หนังมีแววว่าจะไม่คืนทุนในเร็วๆนี้ (พูดง่ายๆ ไม่น่าได้ทุนคืนในการฉายในโรงภาพยนตร์บ้านเรา อาจต้องรอไปตลาดต่างประเทศหรือช่องทางอื่นๆต่อไป) แต่ตัวหนังก็กวาดคำชม เสียงวิจารณ์ในแง่บวกมากๆจากหลายสำนัก รวมถึงคนทำหนังรุ่นใหญ่เองหลายๆท่านก็ให้ความชื่นชมอย่างมากในเรื่องการแสดงของน้องๆ โดยเฉพาะ เจนนิษฐ์กับมิวสิค น่าจะต้องตาต้องใจ ผกก.คนอื่นๆหลายๆคนเลยทีเดียว
ไม่แน่ใจว่าหลังจากนี้ จะมีหนังจาก BNK48 Films ออกมาให้ดูอีกเมื่อไร (ไม่รับ Real Me ที่คงปิดกล้องไปแล้ว รอแค่เวลาฉาย) แต่ก็อยากให้ทำต่อไปนะ ไม่ต้องถี่มากก็ได้ อาจจะ 2 ปีเรื่องก็ได้ เพราะเป็นอีกแนวทางนึงที่จะให้น้องๆได้โชว์ศักยภาพหลายๆด้านออกมา แม้เรื่องบท อาจจะต้องทำหนังให้แมสขึ้นมาบ้าง + แฟนเซอร์วิสบ้างเพื่อเรื่องของรายได้ก็ตาม
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://adaymagazine.com/kongdech-where-we-belong/ 
หลังจากดู Where we belong จบ ก็รู้สึกนับถือคุณต้อมขึ้นมาเรื่องนึงเลย
จากบทสัมภาษณ์ของผู้กำกับคงเดช ที่ทางบริษัทติดต่อมาให้แกทำหนังเพื่อโชว์ศักยภาพของน้องๆ คือ ขอให้ทำหนังที่เอาใครก็ได้ใน BNK48 ไปเล่น ไม่เกี่ยงบท ไม่เกี่ยงแนว ซึ่งผลออกมา ใครที่ได้ดูกันแล้วก็คงรู้ว่าหนังมันเป็นยังไง ซึ่งในความคิดผม หนังมันอยู่ห่างจากคำว่าหนังแมส หนังเมนสตรีม เยอะทีเดียว
ทั้งๆที่ถ้าจะทำหนังที่เอาเงินจริงๆ มันก็มีแนวทางที่ทำได้ไม่ยาก เหมือนที่พี่จีนช่อง Viewfindขer 2559 พูดไว้ BNK48 นั้น มีแฟนคลับที่พร้อมจะจ่ายเงินกับการที่น้องๆไลฟ์ผ่าน Application หรือเสียเงินเพื่อไปจับมือกันอยู่แล้ว แค่ทำหนังทุนน้อยๆแต่เน้นเซอร์วิสแฟนคลับ เช่นขายคู่จิ้น ต่อเรือ อะไรทำนองนั้น (แต่เอาจริงๆ งบ 18 ล้านนี่ก็ถือว่าไม่เยอะเท่าไรนะในปัจจุบัน) ก็คงทำได้ไม่ยาก ไม่ต้องลำบากทำหนังแนวดูยาก ขายยากแบบ Where we belong ก็ได้
แต่เขาก็เลือกจะให้หนังเรื่องแรกของ BNK48 Films ออกมาแล้วมีความเป็นอาร์ตสูงขนาดนี้
จากที่คุณคงเดชบอก อาจจะเพราะคุณต้อมเอง เคยทำ (หรืออาจจะยังทำ) บริษัทผลิตสื่อและนำเข้าภาพยนตร์มาก่อน (Rose Media) และชื่นชอบหนังสไตล์ญี่ปุ่น ทำให้มีความเข้าใจในเรื่องหนังเอามากๆ และจากที่คุยกัน คุณต้อมยังชื่นชอบหนังเรื่อง SNAP ของเขาด้วย จึงเลือกเขามาเป็นผู้กำกับ และไม่แตะต้องในเรื่องบทอะไรเลยทั้งสิ้นตั้งแต่ต้นจนจบ
แม้หนังมีแววว่าจะไม่คืนทุนในเร็วๆนี้ (พูดง่ายๆ ไม่น่าได้ทุนคืนในการฉายในโรงภาพยนตร์บ้านเรา อาจต้องรอไปตลาดต่างประเทศหรือช่องทางอื่นๆต่อไป) แต่ตัวหนังก็กวาดคำชม เสียงวิจารณ์ในแง่บวกมากๆจากหลายสำนัก รวมถึงคนทำหนังรุ่นใหญ่เองหลายๆท่านก็ให้ความชื่นชมอย่างมากในเรื่องการแสดงของน้องๆ โดยเฉพาะ เจนนิษฐ์กับมิวสิค น่าจะต้องตาต้องใจ ผกก.คนอื่นๆหลายๆคนเลยทีเดียว
ไม่แน่ใจว่าหลังจากนี้ จะมีหนังจาก BNK48 Films ออกมาให้ดูอีกเมื่อไร (ไม่รับ Real Me ที่คงปิดกล้องไปแล้ว รอแค่เวลาฉาย) แต่ก็อยากให้ทำต่อไปนะ ไม่ต้องถี่มากก็ได้ อาจจะ 2 ปีเรื่องก็ได้ เพราะเป็นอีกแนวทางนึงที่จะให้น้องๆได้โชว์ศักยภาพหลายๆด้านออกมา แม้เรื่องบท อาจจะต้องทำหนังให้แมสขึ้นมาบ้าง + แฟนเซอร์วิสบ้างเพื่อเรื่องของรายได้ก็ตาม
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://adaymagazine.com/kongdech-where-we-belong/