ประสบการณ์ หมอผ่าฟันคุดโดนเครื่องมือบาดปาก

จากการเข้ารักษาฟันคลินิคแห่งหนึ่ง 
ใกล้เคียงสถานศึกษาแห่งหนึ่งและห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จ.ตรัง (ไม่ขอเอ่ยชื่อคลินิค)
เมื่อวันศุกร์ ได้ไปผ่าฟันคุด 
แล้วขณะทำการรักษา หมอที่ทำไม่ใช่เจ้าของคลินิค
หมอผู้รักษา เป็นหมอผู้ชาย วัยรุ่น (ไม่ขอเอ่ยนาม) จบมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆในกรุงเทพมหานคร
คาดว่าไม่ใช่หมอเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการผ่าฟันคุด (ไม่ทราบแน่ชัด)
ก็ได้ใช้เครื่องมือ ที่เรียกว่า ตะไบหลอฟัน หรือเครื่องมืออะไรไม่ทราบสำหรับการผ่าฟันคุด
ขณะทำการรักษาเครื่องมือผ่าตัด ได้บาดโดนบริเวณด้านในปากจนถึงริมฝีปาก
ทำให้ได้รับบาดเจ็บและเป็นแผล จากการกระทำของหมอในครั้งนี้ 
ขณะรักษา ตอนแรกเลยนะ เขาก็ฉีดยาชา
ละเราก็ทำหน้าเศร้าๆเครียดๆ ด้วยความรู้สึกกลัวว่าจะเจ็บ และธรรมดาของการรักษาฟันก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว
หมอพูดว่า ไม่ต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น (ละหัวเราะคนไข้)
ซึ่งหมอก็ไม่ควรจะหัวเราะคนไข้ เพราะมีวิธีตั้งมากมาย ที่จะทำให้คนไข้รู้สึกไม่กลัวมากไปกว่าเดิมในขณะรักษา 
แล้วหลังฉีดก็รอยาชาสักพัก ทำการรักษาต่อ ด้วยตะไบ แล้วตะไบที่หมอใช้ครั้งแรก
อันเล็กและไม่มีกำลังพอ เพราะฟันแข็งแรง จึงทำให้หลอฟันไม่ออก 
แล้วหมอก็เปลี่ยนตะไบก้านยาวกว่าเดิม โดยพูดกับผู้ช่วยว่า ‘ลอง’ ลองก่อนนะ 
ด้วยตัวคนไข้เองก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าลองอะไร แต่ก็ตกใจ ละแบบในใจตอนนั้น คือสั่นไปหมดละ 
จุดนั้นอยากจะวิ่งออกไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ 
ที่ทำให้รู้ว่าคำว่าลองคืออะไร (ลองเปลี่ยนตะไบ)
ก็เป็นเพราะหมอเอาตะไบก้านยาว อันใหญ่กว่าเข้าไป
แล้วก็หลอฟันคุด จนบาดปากเราเป็นที่เรียบร้อย
แล้วพูดว่า โดนก้านยาวเข้าไปบาดปากเลย...
สงสารจัง แล้วก็ทาวาสลีน นี่ก็แบบสะอึกสะอื้นในใจ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่เห็นแผล
ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นความประมาทของหมอโดยล้วน

โดยวันแรกที่ได้รับบาดแผล หมอผู้กระทำได้รับทราบถึงสิ่งที่ตนกระทำกับคนไข้ 
แต่ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบ แต่อย่างใด พูดเพียงแค่ สงสารบ้าง ปากคนไข้เล็กบ้าง 
ทำให้ผ่าตัดยาก และทาวาสลีนให้หลังผ่าตัดเสร็จ แล้วบอกแค่ให้ทาวาสลีนเยอะๆ
หลังจากออกมาก็ได้ถามว่า หมอมียาให้ทาบ้างมั้ย 
หมอก็บอกว่าไม่มี ให้ทาวาสลีน 

ทั้งๆที่ หมอควรจะแสดงความรับผิดชอบ ตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ได้รับบาดเจ็บที่นอกเหนือ
จากการเข้ารับการรักษาฟันคุด แต่หมอก็ละเลย ที่สำคัญคือแค่คำ "ขอโทษ" ก็ไม่มีสักคำ

แล้วผ่านไป1วัน คือวันที่2 
ทั้งหมอและคลินิคไม่ได้มีการติดต่อกลับมา 
เลยรู้สึก ว่าถ้าหากหมอรับรู้การกระทำในครั้งนี้แล้ว 
และเราได้รับความเสียหายทั้งทางกายและทางใจ
แล้วไม่เรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง ก็คงไม่ใช่

จนถึงวันที่3 ไปที่คลินิคอีกครั้ง
แต่ไม่ได้พบหมอ หมอที่ทำไม่อยู่ + คลินิคจะปิด
ตอนนั้นเข้าไปคลินิคก็ได้พบเพียงผู้ช่วย 
ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับคนที่ช่วยกันกับหมอ
ในวันที่เข้ารับการรักษาในวันนั้น
ก็ได้ถามว่า ทางหมอกับคลินิคจะรับผิดชอบยังไง 
เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาขอดูแผลที่ปาก
แล้วเอาแต่จะโทษคนไข้ว่า น้องปากเล็ก อ้าปากได้น้อย ฟันคุดมันอยู่ซี่ในสุด ผ่ายาก
ก็เลยทำให้เครื่องมืออาจจะไปโดนได้บ้าง “นิดเดียว เดี๋ยวก็หาย”
ซึ่งคำว่า ‘นิดเดียว เดี๋ยวก็หาย’ นี่แหละ 
ผู้ที่ได้รับบาดแผล มันไม่ใช่แค่นั้นอะ
ความรู้สึกที่เลือกจะมาทำที่คลินิคนี้ คือ ไม่เหลือละ 
และคิดว่าจากนี้คงจะไม่กล้ามารักษาอีกแล้วและตลอดไป (เกิดอาการเสียขวัญ)
หลังจากนั้น เขาก็ยังพูดไปเรื่อย เอาแต่โทษคนไข้ว่าปากเล็กอยู่นั่น
นี่ก็ถามซ้ำว่า แล้วจะรับผิดชอบยังไง
พี่ผู้ช่วยบอกว่า งั้นมาพบหมอ พรุ่งนี้มั้ย สัก18.30 น.
ก็โอเคถามย้ำไปว่า คือ พรุ่งนี้ ได้พบคุณหมอเลยใช่มั้ย
เขาบอกว่า ใช่ ก็โอเค ออกจากคลินิคไป...

ก่อนหน้านี้ก็ไปให้หมอที่ โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ตรวจแผลที่ปากมาแล้ว 
ได้รับยามาทาและในส่วนนี้มีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย
แล้ววันนี้ ก็ได้ไปพบหมอตามที่นัดไว้ แต่หมอที่ผ่าฟันให้ครั้งแรกไม่อยู่อีก 
ทั้งๆที่เมื่อวานถามย้ำแล้วว่า ได้พบหมอเลยใช่มั้ย
พอเอาเข้าจริง ก็ไม่ได้พบ (ทราบเพียงแค่หมอไม่อยู่ ด้วยเหตุอื่นใดไม่อาจทราบ)
ก็เลยต้องขอพบหมอเจ้าของคลินิค
จากนั้นก็เจรจากับหมอเจ้าของคลินิคมีการกระทบกระทั่งทางวาจากันเล็กน้อย 
แต่หมอเจ้าของ มีเหตุมีผลในการจะแสดงความรับผิดชอบนะ 
หาวิธีการช่วยเหลือคนไข้ ว่าจะทำยังไงได้บ้างให้คนไข้รู้สึกดีขึ้น
แต่ก็ไม่ได้จะยอมรับทั้งหมดว่ามันผิดพลาดอะไรยังไง ซึ่งก็จริงของหมอเจ้าของคลินิค 
(ในส่วนนี้อาจเป็นเพราะไม่ได้เกิดจากการกระทำของเจ้าของคลินิค + เขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์) 
ไม่โทษเจ้าของคลินิค
หลังจากนั้นก็พูดคุยกันต่อ (ในส่วนนี้ไม่สำคัญมากนักเพราะไม่ได้พูดกับหมอที่ทำเราบาดเจ็บ)
จากนั้นหมอที่เป็นเจ้าของคลินิคก็ได้ทำการตรวจสภาพตรงที่ได้รับบาดเจ็บ 
และให้อุปกรณ์ล้างแผล + ยาทาแผล อธิบายวิธีการใช้ยาต่างๆ มาตามลำดับ
ซึ่งควรจะได้มาตั้งแต่วันแรกที่ได้รับบาดแผลแล้ว (แต่วันแรกก็ไม่ได้มา)
ตรวจเสร็จหมอเจ้าของก็ถามว่า คนไข้ต้องการอะไรอีกมั้ย คนไข้ลองบอกหมอก็ได้ 
อยากได้อะไรเพิ่มเติมมั้ย มีอะไรที่ไม่สบายใจอีกบ้าง
นี่ก็ได้เรียกค่ารักษาพยาบาลไป ที่เป็นเงินเพียงจำนวนเล็กน้อย 
ถึงแม้ว่าเงินจะเป็นเงินจำนวนมากหรือน้อย หรือเท่าไรก็ตาม ต่อให้ได้คืนมาก็ไม่สามารถ
ทำให้ความรู้สึกทางใจ ดีขึ้นได้เหมือนเดิม (สำหรับการรักษาคลินิคนี้)
แต่เราก็ต้องทำการเรียกร้อง เนื่องจาก ได้รับความเสียหายจากการเข้ารักษาในครั้งนี้จริงๆ

ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับหมอที่กระทำเราสักคำ เพราะหมอไม่เข้ามาคลินิคเลย
เราไม่ได้โทษว่าหมอมีเจตนาในการกระทำ เพราะหมอคงไม่ได้เจตนาจะทำให้โดนปาก 
แต่หมอกระทำไปโดยประมาทเลิ่นเล่อ 
จริงๆแล้ว แค่หมอออกมายอมรับ แสดงถึงความเป็น ‘หมอ’ สักหน่อย
ก็ดูน่าจะไม่ได้แย่อะไรเลยนะ อาจจะเป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำ
การแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนได้กระทำ
เพราะคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าหมอทำคนไข้ได้รับบาดเจ็บแล้วแหละ

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 
ก่อนที่จะผ่าตัดควรจะสวดมนต์ ภาวนาสิ่งดีๆ
ควรจะศึกษาทั้งหมอและคลินิคให้ดี ก่อนจะรักษา
เช็คให้ละเอียด ให้ครบถ้วน
อย่าไว้ใจเพียงแค่คลินิคนี้ดูแล้วสวยงาม น่าเชื่อถือ 
ซึ่งจริงๆก็น่ากลัวด้วยกันทั้งนั้น ถ้าหมอกระทำไปโดยไม่ระมัดระวัง!

ฝากถึงคนที่จะผ่าฟันคุดหรือรักษาฟันหรือทำอะไรที่เกี่ยวกับฟัน 
ศึกษาดูให้ดีก่อนจะไปรักษานะ
ไม่อยากให้ใครได้รับบาดเจ็บ แล้วต้องมาเสียใจแบบนี้Facepalm

เดี๋ยวแผลก็หาย ซึ่งมันก็จริง 
เมื่อทายา แผลก็ต้องดีขึ้นตามลำดับ
แต่การไม่แสดงความรับผิดชอบตั้งแต่แรก 
จากผลที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน 
ละต้องมาอ้าปากได้แค่นิดเดียว กินได้แค่โจ๊ก,ข้าวต้ม นม 
แค่จะยิ้ม หาว หัวเราะ ยังกลัวแผลจะฉีกเลย ต้องทรมานใจขนาดไหน...
ถึงแม้ว่าจะรักษาที่ไหนก็ปวด ก็จริง แต่ขอให้เป็นการปวดตรงการรักษา 
ที่ร่างกายตอบสนองขึ้นมาเอง ไม่ใช่ที่นอกเหนือจากนั้น
กลายเป็นเรื่องราวน่าปวดใจสำหรับการรักษาฟันด้วยคลินิค 
ซึ่งโดยปกติค่ารักษาก็มักจะแพงกว่าโรงพยาบาลทั่วไปอยู่แล้ว

แต่แล้วเรื่องราวเหล่านี้ เมื่อเกิดขึ้นกับเราแล้ว
ก็คงเป็นเหมือนเรื่องตลกร้ายที่วันหนึ่งมันจะดีขึ้นและหายดีไปในที่สุด

 อุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาบาดแผลที่ทางคลินิคมอบให้

ละหมอบอกต้องล้างแผลก่อนจะติดเชื้อ 
อย่ารอให้คนไข้ติดเชื้อ แล้วพึ่งจะรักษาให้
แต่ก็ขอบคุณทางคลินิค ที่หาวิธีช่วยเหลือคนไข้ 
และรับผิดชอบให้กันในสิ่งเหล่านั้น 
ส่วนหมอที่ทำ...ไม่รู้ไม่ชี้ละค่ะ ไม่รู้จัก55555
เมินจ้า ทำคนไข้เจ็บแล้วไม่มารักษา ไม่มาพูดจากัน

วิธีการใช้
• น้ำเกลือ : อมบ้วน เพื่อล้างแผล
• น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซีดีน : ป้องกันการติดเชื้อช่องปากและลำคอ 
อมกลั้ว หลังแปรงฟัน 30นาที ปริมาณ15 cc 
• ยาทาแผล kamistad-Gel เป็นยาอันตราย ใช้เฉพาะที่ 
มีกลิ่นค่อนข้างแรง ใช้แล้วจะทำให้ปากชาๆหน่อยนะ 
ทางที่ดีอย่าทาเยอะ จากที่ถามหมอ ยาตัวนี้มีผสมยาชา 
และมี ยาคาโนโลน + ไตรโนโลน เป็นยาทาแผลที่ปากทั่วไป 
หาซื้อได้ง่าย ตามร้านขายยาเภสัช มีทั้งแบบซองและแบบหลอด
และเราใช้ทาสลับกัน แผลด้านในปากก็ดีขึ้นนะ
แต่ด้านนอกตรงริมผีปากยังไม่หาย เนื้อแหว่งไปนิดนึง

ส่วนตัวเชื่อว่า หลายคนก็คงเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
ได้รับบาดแผลที่แตกต่างกันออกไป
ไม่ว่าใครก็ตามมักปวดแผลได้ไม่เท่าปวดใจ แต่เดวก็หายในสักวันหนึ่ง

ปล. *เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ซึ่งวันที่ประสบไม่ตรงกับวันที่มาโพสต์นะ*
เนื่องจาก ยังต้องรับการตัดไหมที่คลินิคอีกครั้ง จึงมาโพสต์หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว
ซึ่งวันตัดไหม หมอเจ้าของเป็นผู้ตัดให้ค่ะ 
ส่วนเรื่องแผลที่ปาก หมอได้บอกว่า หมอไม่นัดต่อนะ แต่ถ้ามีอะไรก็เข้ามาคลินิคได้
ปล.1 รายละเอียดมีเยอะกว่านี้ แต่บางตอนก็จำไม่ได้ + ไม่น่าจดจำบ้าง เท่าที่จำได้ก็ตามนั้น
ปล.2 บางคนอาจจะมองว่ารักษาฟันแล้วได้รับบาดแผลจากหมอฟัน 
เป็นเรื่องปกติหรือเล็กน้อย ก็ได้นะ แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ไม่ว่ากัน 
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์และเหตุผลส่วนตัว ที่อยากมาแชร์ให้อ่าน 
อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการตัดสินใจสำหรับคนที่จะรักษาฟันได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้กับทุกคน และทุกเมื่อที่เข้ารับการรักษา
ส่วนตัวมองว่า เครื่องมือที่ใช้ในการรักษาก็เป็นสิ่งสำคัญนะ 
หากเกิดอุบัติเหตุขณะรักษา แต่เครื่องมือสะอาด ปลอดภัย และใช้งานได้ปกติ
อาจทำให้สามารถดูแลรักษาบาดแผลได้ดีกว่า เครื่องมือที่สกปรกหรือเกิดสนิม 
อย่าละเลย...
ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถรับรู้เครื่องมือที่ใช้ในการรักษาก็ตาม 
แต่เราเป็นผู้เลือกสถานที่จะรักษาได้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
ปล.3 ตรงนี้ขอไม่แปะภาพแผลเนอะ ไม่น่ารัก

นี่เป็นเพียงประสบการณ์ของเรา ที่มาแชร์ให้อ่านไว้เป็นอุทาหรณ์ต่อตัวเองและผู้อ่านนะ

ขอให้ผู้ที่พบเจอเหตุการณ์แบบเรา 
ดีขึ้นและหายเจ็บปวดในเร็ววันนะ
จะได้กลับมากินอาหารได้ปกติ เย้❣️

จบ / ขอบคุณค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่