[รีวิวที่ 269] The Hummingbird Project :สงครามเนิร์ด โคตรดุเดือด นั่งไม่ติดเบาะ by ตั๋วหนังมันแพง

[รีวิวที่ 269] The Hummingbird Project

:สงครามเนิร์ด โคตรดุเดือด นั่งไม่ติดเบาะ

คะแนน: 8/10

by ตั๋วหนังมันแพง

เรื่องย่อ: เนิร์ดแห่งวงการตลาดหุ้นกลุ่มหนึ่งเกิดคิดโปรเจกต์พารวยขึ้นมาได้ นั่นก็คือการวางสายไฟเบอร์ออปติก “เส้นตรงดิ่ง” จากศูนย์ข้อมูลหุ้นในแคนซัสยาวไป 1000 ไมล์จนถึงนิวยอร์ก เพื่อจะได้รับรู้ราคาหุ้น “เร็วกว่าคนอื่น” 1 มิลลิวินาที แล้วจะทำกำไรได้มหาศาล

แค่อ่านก็รู้แล้วว่ามันเป็นโปรเจกต์ที่บ้าบอสิ้นดี คำว่า “ตรงดิ่ง” หมายถึงตรงแบบไม่อ้อมไม่เลี้ยวใดๆ ทั้งสิ้น จะฝ่าหนอง ลงห้วย หรือต้องเจาะภูเขาก็ต้องทำให้ได้

ทำได้หรือไม่ได้ มาดูกัน

.
.

1.ตอนแรกคิดว่าจะเป็นหนังสงครามไอทีฮาๆ ทั่วไป ที่ไหนได้ โอ้โหหหหหห คุณเอ๊ย หนังแม่มโคตรเดือด บอกเลยว่าผมนั่งแทบไม่ติดเบาะ ดูแล้วลุ้นตามตลอด ทั้งที่หนังมันไม่ได้มีฉากวูบวาบหรือแอ็กชั่นอะไรเลยนะ แค่มันพูดคุยกันผมก็สนุกแล้ว มันพูดกันน้ำไหลไฟดับจนเราเห็น passion ของหนังเลย

2.บทแสดงนำแบบนี้น่าจะเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดของ Jesse Eisenberg มันคือตัวตนของแกเหมือนที่เคยวาดลวดลายเอาไว้ใน The Social Network เป๊ะ คือเป็นเนิร์ดคนหนึ่งที่พูดพล่ามถึงแนวคิดตัวเองไปเรื่อยๆ มีความหมกมุ่นกับเป้าหมาย และพร้อมอุทิศทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้มันสำเร็จ

3.นอกจากเจสซี่แล้ว แคสต์ทั้งชุดก็เฉียบมาก ต้องชื่นชมเลยว่าหนังไม่จำเป็นต้องใช้ดาราชุดใหญ่มาชูเรื่องเลย ก็สามารถเล่าอุปนิสัยใจคอของแต่ตัวละครได้อย่างละเอียดถีถ้วน ได้กลิ่นอายของตัวละครบ้านๆ ที่น่าจดจำมาก

4.ถามว่าความสนุกของเรื่องอยู่ตรงไหน? ก็อยู่ตรงที่ความบ้าคลั่งในการไล่ตามความฝันของตัวละครนี่แหละ ให้เราได้ลุ้นว่าคนเราจะ “ยอมเลว” ได้ขนาดไหนเพื่อบรรลุเป้าหมายตัวเอง และในสงครามเทคโนโลยีย่อมมีการต่อสู้กัน ถึงแม้มันจะไม่ใช่ cyber-war แบบที่เราคุ้นเคยกัน แต่มันกลับเรียลจับต้องได้เหลือเชื่อ

5.สิ่งที่ผมชอบก็คือ “ความสมจริง” ที่หนังนำเสนอ คือถึงแม้ไอ้โปรเจกต์ขุดข้ามรัฐมันจะเกิดขึ้นจากคนสองสามคน แต่ในท้ายที่สุดตอนลงมือมันก็กลายเป็นเรื่องจริงจัง เป็นโครงการขนาดใหญ่ มีบริษัทห้างร้านนับสิบเข้าร่วมด้วย ต้องเจรจากับนายทุน ต้องดำเนินตามกฎหมายให้ถูกต้อง (ไม่งั้นทุกอย่างก็ไร้ค่า)

6.ส่วนที่อาจกลายเป็นจุดเสียของหนังก็คือ “ความยากและสับสน” ของมันนี่แหละ คือมันคร่อมประเด็นระหว่างวงการหลักทรัพย์และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ผลก็คือเนื้อหามันเข้มมากกก ถ้าไม่ตั้งใจดูดีๆ ก็อาจจะงงหลงทางไปเลย แต่ถ้าคุณมีพื้นฐานเนิร์ดๆ อยู่แล้ว รับรองว่าคุณจะชอบมันแน่นอน

7.สุดท้ายแล้ว ผมก็ไม่รู้จะเล่าอะไรอีกนอกจากบรรยายซ้ำว่า “มันสนุกจริงๆ โว้ยคุณ” และที่น่าเศร้าคือโรงฉายมันน้อยมากๆ อาภัพพอๆ กับ Rocketman เลยมั้ง (ทั้งที่เป็นสัปดาห์แรก)

-- คนอื่นอาจจะแอนตี้รักสองปีฯ หรืออาจจะเชียร์ Where We Belong กัน

… แต่ผมเชียร์ The Hummingbird Project ครับ

#ตั๋วหนังมันแพง #Review #The HummingbirdProject

ตัวอย่างหนัง: 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่