[CR] จอร์แดน...ดินแดนมหัศจรรย์ (ตอน 2) - Amman Citadel, Al Salt, Mount Nebo, Madaba, Ma'In Hot Springs

สวัสดีครับ มาต่อตอนที่ 2 ของจอร์แดน ดินแดนมหัศจรรย์ ในตอนที่ 2 กันเลยนะครับ หากใครอยากอ่านตอนที่แล้ว ติดตามที่ link นี้เลยนะครับ 
https://ppantip.com/topic/38993569

วันนี้ผมจะขอรวบการเที่ยวในวันที่ 2 และ 3 เข้าไว้ด้วยกัน เพราะสถานที่ต่างๆไม่ได้มีอะไร อ่านเพลินๆรวดเดียวได้ครับ เรามาเริ่มต้นที่แรกกันที่ Amman Citadel ซึ่งเป็นร่องรอยอารยธรรมโรมันมีหลงเหลือให้เห็นในเมืองหลวงอัมมาน นอกเหนือจากเจราชที่เราไปเที่ยวมาเมื่อวาน Amman Citadel สร้างอยู่บนเนินเขา Jebel al-Qala’a ซึ่งสูงที่สุดในอัมมาน ที่ข้างบนจะมีสถานที่สำคัญ เช่น Temple of Hercules และ Umayyad Palace

มาเริ่มกันที่ Temple of Hercules กันก่อนครับ อ่อ เรื่องค่าเข้าชมสถานที่ ทุกสถานที่ท่องเที่ยวต้องจ่ายเงินครับ แต่เนื่องจากผมซื้อ Jordan pass มาแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องเสียค่าอีก Jordan pass นี่ดีนะครับ นอกจากลดความยุ่งยากแล้ว ยังได้รับส่วนลดและเหมารวมค่า Visa on Arrival ไปด้วย แต่ Jordan Pass จะไม่ได้รวมค่าเข้าที่เขาเนโบ และที่สำคัญต้อง print มาด้วยนะครับ เพราะบางที่เค้าจะประทับตราลงไปด้วย
จากตรงนี้เราสามารถมองเห็น Roman Theater จากมุมสูง เป็นอีกหนึ่ง landmark ในกรุงอัมมาน ซึ่งผมจะแวะมาเที่ยวอีกในวันกลับ


เดินอ้อมมาด้านหลังจะเป็น Umayyad Palace ซึ่งได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและได้รับการบูรณะบางส่วนขึ้นภายหลัง โดยถ้าเราเดินผ่านตัวโบสถ์ออกมา จะสามารถมองเห็นวิวเมืองอัมมานอีกด้าน พร้อมกับ landmark ที่สำคัญอีกแห่งของเมืองนี้ นั่นก็คือเสาธงชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่แน่ใจว่าตอนนี้โดนล้มแชมป์ไปแล้วหรือยัง และไทยเองก็เตรียมก่อสร้างเสาธงที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เชียงรายเช่นกัน

ผมเที่ยว Amman Citadel เสร็จตอนเที่ยง เอาจริงๆไม่ได้ตั้งใจใช้เวลาเยอะ เพราะผมยังเหลือเวลาในวันสุดท้ายที่เมืองหลวงนี้อีก จึงคิดว่าค่อยกลับมาเก็บรายละเอียดทีหลัง และก็เป็นไปตามสุภาษิตที่ว่า อย่าหวังเอาน้ำบ่อหน้า เพราะวันสุดท้ายที่ผมกลับมาก็เจอฝนตกเลยครับ แล้วจะมาเล่าให้ฟัง yuck

เราขับรถออกจากอัมมาน มุ่งหน้าสู่เมือง Al Salt เพื่อเดินตลาดและทานข้าวก่อนที่จะไปเขาเนโบต่อ อันที่จริง Al Salt ไม่ใช่เมืองทางผ่านไปเขาเนโบ ออกจะอ้อมหน่อยๆ แต่ด้วยนิสัยชอบเดินตลาดท้องถิ่น เลยยอมเสียเวลานิดหน่อยครับ

Al Salt อยู่ไม่ไกลจากอัมมานมากนัก ขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมง และเส้นทางขับง่าย เป็นถนนสี่เลนส์โดยตลอด แต่ความท้าทายหลักของ Al Salt คือ ที่จอดรถสำหรับผู้ขับรถมาเอง เพราะรอบๆตลาดรถจะเยอะมาก และไม่มีที่จอดรถ สิ่งหนึ่งต้องเราต้องปรับตัวคือไม่ต้องคิดว่าเรื่องระเบียบวินัย และกฏเกณฑ์ใดๆ แค่ไม่ล้ำมาบนถนน จะจอดทิ่มไปตรงไหนก็ไม่มีใครว่า smile

เอาจริงๆ ตลาดที่ Al Salt ก็ไม่มีอะไร ผมเดินไปถ่ายรูปเสร็จได้ไม่นานนัก และได้ผ้าโพกผมราคาย่อมเยาว์ และตะเกียงแก้วสวยๆมาหนึ่งอัน นอกนั้นมันก็คือตลาดธรรมดาๆ แต่ highlight ของตลาดนี้กลับอยู่ที่ร้านอาหารข้างๆครับ ร้านนี้ควรค่าแก่การแวะ และเสียเวลาออกนอกเส้นทาง เพราะเป็นอาหารแขกที่อร่อยครับ ปกติอาหารประเทศนี้ไม่ใช่แนวผม แต่ร้านผมว่าผ่านครับ โดยเฉพาะฮัมมุสเนื้ออร่อยอย่าบอกใครเลย

อิ่มตัวแตกก็เดินทางต่อ จุดหมายต่อไปของผมคือเขาเนโบ เราจะไปตามหาโมเสสกัน ผมเปิด google map หาเส้นทาง ปรากฏอากู๋เสนอทางลัดครับ ถึงไวในชั่วโมงเดียว แต่นี่เป็นวันแรกๆของผมกับการขับรถในจอร์แดนและใช้ google map ที่นี่ ผมยังแยกไม่ออกระหว่างเส้นทางปกติ และเส้นทางไต่เขามหาโหด และนับจากนี้เองผมก็ได้ประสบการณ์ใหม่ เอาเป็นว่าผมไม่ได้รูประหว่างทางเลยครับ ทั้งที่วิวสวยดี นั่นเพราะต้องนั่งลุ้นตลอดทางเลนส์ครึ่งที่เลาะเหว ใช่ครับมันคือเหวแบบชิดตัวเลยไม่มีแผงกั้น และรถสวนทางก็ขับเร็วคือถ้าเบียดนิดเดียวก็ตกเขาเลยครับ ถ้าใครจะมาเที่ยว ลองเลี่ยงทางที่เป็นเส้นคดๆไปมานะครับ นั่นคือทางไต่เขาเลย และมีแต่คนท้องถิ่นที่ชำนาญทางเค้าจะใช้กัน! แต่ถ้าใครขับรถขึ้นดอยจนชำนาญก็ไม่มีปัญหาครับ


ผมว่าจอร์แดนมีภูมิประเทศแปลกตา แม้จะเป็นเขาแห้งแล้งแต่มันก็น่ามองครับ ผมไต่เขามากมายจนตัวเกร็ง ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าก็เข้าเขตเขาเนโบครับ

ทันทีที่ถึงเขาเนโบ เมื่อเราลงจากรถอาจจะได้ยินเสียงคนร้องเพลง When you beleive จากภาพยนตร์ The Prince of Egypt ก็ไม่ต้องแปลกใจครับ เรามาถึงสถาานที่ในตำนานแล้วจริงๆ 555 อ่อ ที่นี่ใช้ Jordan pass ไม่ได้นะครับ ต้องจ่ายเงินเพิ่ม 

สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักเขาเนโบ ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญของชาวคริสต์ครับ เพราะเชื่อว่าเป็นสถานที่ฝังศพโมเสส (Moses) ผู้เป็นเจ้าของตำนานปลดปล่อยทาสชาวยิวจากอียิปต์ และนำทางพวกเขาสู่ดินแดนพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งปัจจุบันก็คืออิสราเอลนั่นเอง ทั้งนี้ในตำนานของโมเสสก็มีเหตุการณ์มหัศจรรย์ปาฏิหารย์ให้คนได้จดจำ ทั้งการใช้อำนาจบันดาลให้ทะเลแดงที่ขวางคณะผู้อพยพไว้แหวกออก เปิดทางให้พวกเขาหนีกองทัพอียิปต์ที่ตามมาได้สำเร็จ หรือการใช้ไม้เท้าเรียกน้ำเพื่อผู้ช่วยผู้อพยพระหว่างทาง โดยผมจะเที่ยว Moses spring ที่ปากทางเข้าเมืองเพตราในวันต่อไป

แต่เพราะเหตุการณ์เรียกน้ำนี้เองที่ส่งผลต่อชีวิตต่อโมเสสด้วย เพราะเมื่อเขาเดินทางมาบริเวณนี้ ชาวผู้อพยพก็เกิดหิวน้ำขึ้น และโมเสสได้ขอน้ำต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยให้ใช้ไม้เท้ากระทุ้งพื้น 1 ครั้ง แต่โมเสสใจร้อนใช้ไม้เท้ากระทุ้งพื้นมากกว่า 1 ครั้ง อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งพระผู้เป็นเจ้า ทำให้โมเสสถูกลงโทษให้ขึ้นมาบนเขา และมองไปเบื้องหน้าที่เป็นดินแดนพันธสัญญา แต่โมเสสจะได้แค่เห็น ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะโมเสสต้องตายลงที่นี่ ซึ่งโมเสสถูกฝังอยู่ที่นี่แต่ก็ไม่ใครทราบว่าบริเวณใด จนกระทั่งปี พ.ศ. 850-950 ได้มีการโบสถ์บนยอดเขาเนโบ และเชื่อว่าศพโมเสสถูกฝังอยู่ใต้ยอดเขาแห่งนี้

ตัวโบสถ์นี้บูรณะขึ้นมาใหม่ครอบรากฐานเดิมครับ โดยปิดบูรณะมาทั้งสิ้น 10 ปี เพราะตัวโบสถ์เดิมได้รับความเสียหายทั้งจากแผ่นดินไหว และสงครามโลก ทั้งในภายในโบสถ์ยังมีร่องรอยพื้นชั้นล่างของโบสถ์เดิมขึ้นทำปูด้วยกระเบื้องโมเสคสวยงาม ส่วนพื้นโบสถ์ชั้นบนสุดได้รับการลอกและแปะไว้ที่ฝาผนัง โดยรูปแบบพื้นโมสคที่เก่าสุดจะเป็นเพียงกระเบื้องสีขาวที่ไม่มีลาย พวกเรานักเที่ยวสามารถเดินชมผ่านทางเดินยกพื้นที่ทำใหม่

ออกมาจากโบสถ์ก็มาเจอสถาปัตยกรรมอีกชิ้นคือรูปไม้ของโมเสสพันด้วยงู ที่สร้างสมัยสมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ได้สถาปนาขึ้น หากทุกคนจำได้ไม้เท้าของโมเสสเป็นไม้เท้าที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ เมื่อครั้งโมเสสขึ้นเข้าเขาไปรับบัญญัติ 10 ประการ ชาวยิวรู้สึกว้าเหว่จึงสร้างรูปวัวไว้เคารพบูชาแทนพระเจ้า เมื่อโมเสสกลับลงมาเจอก็โกรธมาก เอาแผ่นบัญญัติ 10 ประการฟาดลงพื้น และไม้เท้าก็กลายเป็นงูไปกัดชาวยิวจนตายมากมาย ต่อมาพระผู้เป็นเจ้ารู้สึกสงสารจึงบันดาลให้คนที่สบตากับงูฟื้นคืนชีพ ดังนั้นรูปงูพันไม้เท้าจึงหมายถึงชีวิต และไทยเราก็ใช้เป็นสัญลักษณ์ขององค์การเภสัชกร

ลงเขาจากเมาท์เนโบ เราก็ไปกันต่อที่เมือง Madaba ครับ และเราจะค้างคืนกันที่นี่ ที่เมืองมาดาบา เราสามารถเที่ยวในเมืองได้ โดยที่นี่มีวัดคริสต์ที่สำคัญคือ Greek Othodox Basilica of Saint George หรือ Church of the Map เพราะที่พิ้นของโบสถ์มีการปูกระเบื้องโมเสสเป็นรูปแผนที่ประเทศในแถบนี้

รวมถึง Church of St John the Baptist ซึ่งไม่มีอะไร ผมถ่ายรูปจากด้านนอก และไปเลย ถ้าจะเข้าไปต้องเสียค่าเข้านะครับ Jordan pass หมดสิทธิ์

เมือง Madaba เป็นเมืองเล็ก ถ้าค้างคืนที่นี่ตอนเย็นจะเดินบริเวณตลาดก็ได้นะครับ มีร้านขายของหลายร้านโดยเฉพาะกระเบื้องโมเสส ก่อนจบวันผมลาแสงสุดท้ายของ Madaba ด้วยภาพนกบินกลับรังเหนือหลังคามัสยิดครับ

ชื่อสินค้า:   จอร์แดน Jordan
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่