(SPOIL) Where we belong หนังวัยรุ่นที่แซะจิกกัดการเมือง มาดูกันว่าคงเดชใส่สัญลักษณ์ในหนังแซะเรื่องอะไรไว้บ้าง

ก่อนอื่นต้องขอบคุณหลายๆท่านที่ช่วยแกะสัญลักษณ์นะครับว่าหนังพี่คงเดชแซะเรื่องอะไรไว้บ้าง บางอย่างผมก็เข้าใจตั้งแต่ดู แต่บางอย่างคนอื่นเขาแกะได้ก็มาบอกกันเลยรวมเป็นกระทู้นี้

คงเดช จาตุรันรัศมี ผู้กำกับสายอินดี้ที่มีลายเซ็นในหนังตัวเองชัดเจนมาก โดยปกติเวลาเราไม่พอใจอะไรหรืออยากจะแซะอะไรเราคงเลือกที่จะโพสลงเฟสบุ๊คหรือสื่อSNSอื่นๆ แต่สำหรับคงเดชแล้ว เขาจะโพสลงในภาพยนตร์หรือหนังสือที่คงเดชทำ ซึ่งผลงานล่าสุดWhere we belongนั้น เหมือนจะเป็นหนังอินดี้เกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่น แต่มันเป็นหนังที่ถ้าเราตีความและเก็ทไปกับมันหละก็จะรู้เลยว่าคงเดชแซะการเมืองไว้เยอะมากๆ ตามนิสัยของคงเดชที่จะชอบแซะเรื่องต่างๆในสังคใลงไปในภาพยนตร์

วันนี้ก็เลยจะมาแกะให้อ่านครับว่าเขาแซะเรื่องไหนฉากไหนไว้บ้าง

1.ไม่ไหวกับที่นี่ย้ายไปต่างประเทศดีกว่า
มาเริ่มจากประเด็นง่ายๆที่โผล่มาให้เราตีความจากตัวอย่างหนัง ตามตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมาเราจะเห็นว่า ซู อยากจะย้ายไปต่างประเทศเพราะไม่ชอบที่นี่รู้สึกว่ามันไม่น่าอยู่ซะเลย ตรงนี้คงเดชจะแซะเรื่อง ความน่าอยู่ของประเทศไทย ที่มีแต่เรื่องแย่ๆผู้นำก็ทำให้ไม่น่าอยู่จนรู้สึกไม่ไหวเลยอยากจะหนีออกไปต่างประเทศ แม้จะไม่รู้ว่าไปทำไม แต่ยังไงมันก็คงดีกว่าทนอยู่กับที่เส็งเคร็งแบบเจ็บปวดนี้ต่อไป

2.โตไปเราจะเป็นผู้ใหญ่แบบไหนวะ 
ง่ายๆเลยประโยคนี้จากหนังที่จะสื่อก็คือ โตไปไม่โกง

3. รักแรกของคุณยายของเบล
อันนี้ขออญูญาตกอปความเห็นของท่านนึงมานะครับ ผมว่าเขาเขียนได้ค่อนข้างดีเลย น่าจะอธิบายได้ดีกว่าผม
การที่คุณย่าถูกชายหนุ่มแปลกหน้าจับนม (ซึ่งถ้าเป็นปกติต้องรู้สึกว่าตัวเองถูกลวนลามแล้วร้องโวยวาย ไม่ยอมให้จับอีก หรือต้องเอาเรื่องแล้ว) แต่คุณย่าดันชอบ ยอมให้เค้าจูบเสียด้วยซ้ำ เค้านัดว่าจะมาอีกก็ดันยอมไปรอให้เค้ามาหา เค้าไม่มาก็เฝ้าคร่ำครวญหาเค้า อยากจะเจอเค้า อยากจะถูกจับนมอีก เค้าไม่มาจับก็จับก็คลึงนมตัวเอง 
สัญญะมันคือ คนรุ่นเก่าที่ชอบการปกครองแบบเผด็จการทหาร ถูกเค้าลวนลามก็ชอบใจ เค้าจะจูบจะลูบจะคลำอะไรก็ยอม เค้าจากไปแล้วก็ยังถวิลหาเรียกร้อง อยากถูกเค้าลวนลามปู้ยี่ปู้ยำอยู่ร่ำไป พ่อเบลมาห้ามว่าอย่าทำ ๆ อายเด็กมัน ก็สื่อถึงคนรุ่นกลางที่พยายามปรามคนรุ่นเก่าที่ยังจมปลักในระบอบเผด็จการทหารว่าพอได้แล้ว ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว จะไปเรียกหาสิ่งเลวร้ายเก่า ๆ ให้อายเด็กมันทำไม

ผู้ชายที่เป็นรักแรกเข้ามาลวนลาม=คสช.ที่มายึดอำนาจและเอาเปรียบประชาชน
ยายของเบลที่ชอบผู้ชายคนนั้นและรอวันที่เขาจะมาอีก=ประชาชนที่สนับสนุนฝั่งเผด็จการ 

4."ลุงโกหก" ประโยคสั้นๆจากหนัง
https://www.youtube.com/watch?v=qtR7wnZxdrk&feature=youtu.be
ซูถามว่าไหนลุงบอกว่ามันจะเวิร์ค มันก็เหมือนกับที่คนไปทวงถามลุงกำนันหลายเรื่อง 
ทั้งที่บอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แล้วไหนล่ะปฏิรูป ไหนว่ามันจะดีขึ้น สรุปคือลุงโกหก

5.พ่อของซูที่เซ็นยินยอมบริจาคหัวใจของแม่ซูไปให้คนอื่นโดยที่ไม่ถามซูก่อนสักคำเดียว และหัวใจนั้นตกไปอยู่กับสก๊อย
หัวใจ=ประชาธิปไตย
พ่อก็เปรียบเสมือนคนรุ่นเก่าที่ใกล้จะหมดวาระจากโลกนี้แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าปล่อยๆให้เขาเอาไปเหอะหัวใจ(ประชาธิปไตย) ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย(คนมาปกครองประเทศ) แต่ไม่ถามซู(คนรุ่นใหม่)สักคำ ทั้งๆที่ตัวซูนั้นจะต้องอยู่ต่ออีกนานและต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดที่พ่อทิ้งไว้ให้ แถมหัวใจนั้นถ้าไปอยู่ในมือคนดีก็ว่าไปอย่างแต่กลายเป็นว่าไปอยู่กับสก๊อยที่ทำตัวขวางโลกแถมไม่มีความเป็นคนเลยสักนิด(นายกคนปัจจุบัน)  

6.คุณยายที่นั่งบีบนมตัวเองรอคอยให้รักแรกตัวเองกลับมาหา
ก็ง่ายๆเลย ผู้ชายคนนั้นบอกว่าจะกลับมา แต่ไม่เห็นกลับมาตามที่บอกเลยไหนว่าจะทำตามสัญญาไง? 

7.เอาหัวใจแม่กรูคืนมา!
เป็นประโยคที่ซูพูดกับสก๊อยที่พ่อมอบหัวใจของแม่ไปให้ สก๊อยคนนั้นได้ชีวิตใหม่แต่กลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าซะเหลือเกิน จนซูต้องไปทวงทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย แต่อย่างน้อยก็ขอให้มันรู้ตัวหน่อยเหอะว่าเป้นคนยังไง ที่จะสื่อตรงนี้คือ คนรุ่นใหม่ที่ต้องการจะทวงประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับมา แต่ถึงจะรู้ว่าไม่มีทางได้ แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขารู้กันว่าคนที่ช่วงชิงไปเป็นคนที่"ห่วย"ขนาดไหน 

8.เพื่อนของสก๊อยที่รุมตบซูและเบลตอนที่ซูไปทวงหัวใจคืน
อันนี้ก็น่าจะพอนึกออกนะครับ เพื่อนของสก๊อย=คนที่สนับสนุนลุง ประมาณว่าพวกเอ็งไม่มีสิทธิมาทำอะไร ถ้ามาทักท้วงหละก็เจอดีแน่ๆนะ!

9.แฟนของซูที่เป็นคนเลี้ยงโลมาพูดว่า "ให้อาหารไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็เชื่องเองแหละ"
โลมาเป็นสัตว์ที่ใกล้เคียงมนุษย์มากอีกพันธ์นึง
แฟนของซู=นายก 
อาหาร=บัตรสวัสดิการ
ฉะนั้นประโยคที่ว่า "ให้อาหารไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็เชื่องเองแหละ" นั้นหมายถึง ถ้าเราให้เงินเขาไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็หุบปากและเชื่อฟังเราเอง

10.แม่ของเบลไม่ให้เบลกินข้าวผัดกุ้ง
หมายถึง ประชาชนมีสิทธิเลือกในสิ่งที่ตัวเองอยากได้รึป่าว?

11."หนูอายุ18แล้วนะคะ" "แล้วหนูเลือกตั้งได้รึยังหละ"
เป็นบทสนทนาบทนึงในหนัง ซูแม้จะอายุ18แล้วแต่ก็ไม่มีสิทธิที่จะทำอะไรชอบสักทีเหมือนถูกจำกัดกรอบตัวเอง

12.โตไปเราอาจจะเป็นผู้ใหญ่แบบที่เราเกลียดก็ได้นะ
ตรงนี้น่าจะเป็นการตั้งคำถามกับคนรุ่นใหม่ว่า พวกนายแน่ใจกันจริงๆใช่มั้ยว่าถ้าหากนายได้สิ่งที่ต้องการกลับมาแล้วพวกนายจะไม่เป็นแบบเขาหนะ เราเป็นรุ่นใหม่ในวันนี้แต่ในอนาคตก็มีคนที่ใหม่กว่าเข้ามาแทน และความคิดเราอาจจะเป็นแบบคนที่เราต่อต้านในตอนนั้นก็ได้นะเว้ย เอาให้แน่นะ

อันนี้เป็นเกล็ดเล็กๆน้อยๆ ที่มีคนช่วยคอยตีความว่า ตัวละครแต่ละคนเป็นตัวแทนบุคคลใดบ้าง

วงดนตรีสตราโตสเฟียร์=คณะราษฎร์
มิว=ปรีดี พนมยงค์
ป่าน=ป๋วย อึ๊งภากรณ์

ถ้าใครตีความได้มากกว่านี้ก็ช่วยมาบอกกันด้วยนะครับ! หนังเรื่องนี้ตีความสนุกมากกกกกกกกกกกก เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปจัดอีกสักรอบ เผื่อจะเจออะไรเพิ่ม

---------------------------------------------------------
ถ้าใครอยากไปแกะสัญลักษณ์ในหนังว่าเขาสื่อถึงเรื่องอะไรบ้าง สามารถไปดูได้แล้วที่โรงหนังSF เรื่องWhere we belong ที่ตรงนั้นมีฉันรึป่าว
การันตีคุณภาพหนังด้วยรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังปูซาน และกระแสจากนักวิจารณ์หนังและสำนักต่างๆที่ไปทางบวก100%
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ถ้า จขกท ตีความแบบนี้ก็คงไม่แปลกสินะว่า BNK ได้เลือกแล้วว่าจะอยู่การเมืองฝ่ายไหน อนุมัติให้หนังเรื่องนี้ผ่านมาได้
เพราะ จขกท ตีความมาได้ด้านเดียวแบบเห็น ๆ

เอาจริง ๆ ใครมันก็ตีความเข้าข้างตัวเองกันทั้งนั้นแหละ ยกตัวอย่างแบบลองมุมกลับ
6.คุณยายที่นั่งบีบนมตัวเองรอคอยให้รักแรกตัวเองกลับมาหา
ก็ง่ายๆเลย ผู้ชายคนนั้นบอกว่าจะกลับมา แต่ไม่เห็นกลับมาตามที่บอกเลยไหนว่าจะทำตามสัญญาไง?
ใช่คนเสียงปืนแตกจะกลับมาป่ะ
ยังไม่นับคนที่บอกว่า ใกล้จะถึงแล้ว แต่กลับไม่ไปศาล ปล่อยให้อีกฝ่ายติดคุกเฉย
สัญญาไม่เป็นสัญญาทั้งนั้น

9.แฟนของซูที่เป็นคนเลี้ยงโลมาพูดว่า "ให้อาหารไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็เชื่องเองแหละ"
แฟนของซู=นายกหน้าเหลี่ยม
อาหาร=ประชานิยม
ฉะนั้นประโยคที่ว่า "ให้อาหารไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็เชื่องเองแหละ" นั้นหมายถึง ถ้าเราให้เงินเขาไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็หุบปากและเชื่อฟังเราเอง
จังหวัดไหนเลือกเรา เราจะพัฒนาก่อน

ฉะนั้นอย่าพยายามโยงการเมืองเยอะ
การเมืองเข้าเส้นเลือดเกินไปละมั้ง เพลา ๆ บ้างเหอะ
อีกอย่าง ไม่ต้อง tag การเมืองจะดีมาก ถ้าอยากจะคุยเฉพาะเรื่องหนัง
ความคิดเห็นที่ 31
หนังโยงการเมืองจริงหรือคนดูพยายามจะโยงให้เข้ากับการเมือง?
ความคิดเห็นที่ 36
ไม่น่าเชื่อว่า จขกท เป็นแฟนคลับ bnk  คุณกำลังทำร้ายเด็กทุกคนเลยนะ
ความคิดเห็นที่ 20
ใจเย็นครับทุกคน หนังมันไม่ได้มีการเลือกข้างครับ มันแค่บอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองไทยเท่านั้น มีการจิกกัดบ้างเล็กน้อยแต่มันไม่ได้เอียงกระเท่เร่อะไร

ฟินแลนด์ มันเป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึง ระบอบการปกครองในอุดมคติที่ ซู (คนรุ่นใหม่ที่มีหัวก้าวหน้า) ต้องการ แน่นอน ซูไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย

ร้านก๋วยเตี๋ยว เป็นตัวแทนของระบอบการปกครองเดิมที่มีมานาน ซูไม่ชอบ แต่หลาย ๆ คนยอมรับได้ ลูกค้าในร้านก็ทักว่าอยู่แบบนี้ดีแล้ว มีแค่เบลที่เห็นต่างและพยายามโต้เถียงแทน ส่วนพ่อของซู แทนชนชั้นปกครองในสังคม (แต่พาร์ทพ่อของซู งดสปอยล์ดีกว่า เพราะแซ่บมาก)

เบล เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ๆ หนึ่งที่ยืนข้างเดียวกับคนรุ่นใหม่ คอยดูแลสนับสนุนตามใจ เผือกไปทุกเรื่อง เจ้ากี้เจ้าการเป็นที่หนึ่ง แทบจะชี้นำชีวิตซูแล้ว เหมือนซูจะให้ความสำคัญกับเบล แต่ก็มีระยะห่างทางการทูต ไม่ได้ถูกเบลครอบงำชีวิตเสียทั้งหมด และในฝันของซู ก็ไม่มีเบลในนั้น เพราะเบลไม่ใช่เป้าหมายของซู (และบางเรื่อง ซูก็ด่าเบล เพราะมาเผือกเรื่องในร้านเกินไป 555)

วงสตราโตสเฟียร์ แทนทีมงานที่เข้ามาบริหารงานประเทศในช่วงแรก ที่ทหารกะพลเรือนมองหน้ากันไม่ติด (ซูกะเบลไม่รู้ว่าขัดแย้งกันเรื่องอะไร เพราะซูกะเบลไม่ได้อยู่ในวังวนของการทำงาน) แต่ซูก็ยังอยากให้ทีมนี้มาเล่นด้วยกัน ปัญหาคือ ป่าน มือคีย์บอร์ดอันดับหนึ่งของจังหวัด แต่ป่านเป็นพวกปากตรงกะใจ โผงผาง ดุดัน ทำให้สุดท้ายก็กลับไปอยู่จุดเดิม วงแตก

คร่าว ๆ ประมาณนี้ครับ หนังไม่ได้พูดถึงการเมืองปัจจุบัน แต่ยั่วล้อตัว "ซู" เอง ที่ต้องผ่านวังวนแห่งการเมืองแต่ละยุคที่ดูแล้วสับสนย้อนแย้งสิ้นดี ยืนยันว่าหนังไม่ได้เลือกข้างครับ แค่เล่าประวัติศาสตร์ให้ฟังแบบแสบ ๆ คัน ๆ เท่านั้น
😆
ความคิดเห็นที่ 35
พักผ่อนบ้างนะครับ ไม่ได้แซะนะ แต่ถ้าคุณตีความได้ขนาดนี้ ลองพบหมอบ้างนะครับ การเมืองคุณ ขึ้นสมองเกินไปจริงๆครับ
ก่อนที่จะเป็นหนักกว่านี้ หมอจิตเวช บ้านเรา เก่งๆมีเยอะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่