เรื่องราวนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ยาวหน่อยนะครับ เพราะผมเองตั้งใจจะที่เขียนเพื่อแชร์ประสบการณ์ของตัวเองให้คนที่สนใจด้านดนตรีอีกหลายๆคนได้เรียนรู้
ผมเองไม่ใช่นักดนตรีครับ ผมเป็นเหมือนกับคนที่มีความสุขเวลาอยู่กับดนตรี ที่ผมบอกแบบนี้เพราะผมเองได้รับอิทธิพลมาจาก อ.ถวัลย์ ดัชนี จิตกรและช่างวาดภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเอง อ.ถวัลย์เคยบอกไว้ว่าท่าไม่ใช่ศิลปิน ท่านเป็นแค่นักเขียนรูป เพราะมีคนอุปโลกน์ให้ท่าน ท่านเลยต้องเป็นให้เขา สำหรับตัวผมเองผมเป็นแค่คนที่มีความสุขกับดนตรีเพราะงานดนตรีไม่ใช่งานหลักของผมและผมไม่อุปโลกน์ให้ตัวเองเป้นนักดนตรี สิ่งที่ผมทำกับดนตรีก็มีแค่เล่นมัน ฟังมัน และมีความสุขไปกับมัน แต่... คำว่านักดนตรีของผมมันคือความจำเป็นในการเล่นดนตรีและต้องขลุกอยุ่กับมันตลอด ผมไม่ใช่คนที่จับกีตาร์หรือเครื่องดนตรีที่อยากจะเล่นตลอด ผมไม่ถูกบังคับให้ต้องสะพายกีตาร์หรือเบสออกไปเล่นในร้านอาหารหรือร้านเหล้าในทุกๆค่ำคืน ผมไม่ใช่คนที่ต้องเอาเครื่องวางไว้ข้างหน้าและลงมือเขียนเพลง ทำเพลง อัดเพลง และปล่อยเพลง เท่าที่ผมกล่าวมาข้างต้นผมแค่เกริ่นให้ท่านผู้ที่อ่านได้รุ้เพียงก่อนว่า ผมคือ ความสุขของดนตรี ไม่ใช่ นักดนตรี และเรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อจากนี้ไปน่าจะเป็นเหมือนเส้นทางสายดนตรีที่ผมได้เดินผ่านมา มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ราวกับเท่า 1 อายุคน แต่สำหรับผมแล้วมันมีค่ามากที่อยากจะแชร์ให้ท่านผู้ที่อ่านได้รับรู้ โอเคครับ...เราเกริ่นกันมายาวแล้ว เข้าเรื่องซักที
ผมเป็นเด็กผุ้ชายตัวโตที่เกิดในครอบครัวที่ไม่มีพื้นฐานทางดนตรีอะไรเลย ไม่มีกีตาร์ ไม่มีเครื่องดนตรี ไม่มีพ่อหรือแม่ผมที่เล่นดนตรี แต่...ผมโชคดีตรงที่พ่อผมแกเป็นช่างเทคนิคประจำบริษัท KS (ผมจำได้ลางๆว่าเป็นบริษัทนำเข้าเครื่อง เคยมีออฟฟิศอยู่แถวพระราม 9 ตอนนั้นพ่อเคยพาไปแต่ผมเด็กมากเลยจำไม่ค่อยได้) แกไม่ใช่ช่างธรรมดา แกเป็นหัวหน้าช่างด้วย แต่ก่อนครอบครัวของผมที่มีแค่ พ่อ แม่ และผม เราอาศัยอยูที่กรุงเทพกัน พ่อผมแกเป็นคนที่เล่นเครื่องเสียง ผมก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก ก็จะเห้นจากที่แกใช้บ้างก็จะพวก McIntosh แล้วแกก็จะชอบเปิดแผ่นเสียงซึ่งจะเป็นเพลงเก่าๆ เช่น ธานินทร์ อินทรเทพ สุเทพ วงษ์กำแหง ชรินทร์ นันทนาคร และโดยเฉพาะเพลงของสุนทราภรณ์ที่แกจะเปิดบ่อยมากสลับกับเพลง Jazz โดยที่จะมีเพลงของ Elvis แซมไปบ้างในบางวัน เราไม่ใช่ครอบครัวที่มีฐานะเท่าไหร่เพราะเรา 3 คนอาศัยอยู่คอนโดแถวดาวคะนอง พ่อผมแกเลยเป็นแค่พนักงานออฟฟิศที่ว่างเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ แล้วแกก็จะใช้เวลา 2 วันที่มีนั่นแหละ เปิดเพลงกรอกหูผม บอกเลยว่าผมรำคาญมาก ด้วยความที่เราเป็นเด็กแล้วต้องมานั่งฟังเพลงอะไรก็ไม่รู้ ตอนนั้นสิ่งที่บันเทิงที่สุดสำหรับผมคงจะเป้นรายการ เจ้าขุนทอง แล้วก็การ์ตูนชินจังจอมแก่นที่ต้องดูในทุกๆเช้า ผมไม่เคยใส่ใจเลยว่าอะไรคือดนตรี แค่ได้ฟังบ่อยๆก็เบื่อจะตายละ แล้วเพลงเก่าๆที่พ่อเปิดมันก็วนเวียนอยู่ในสมองผมตั้งแต่เด็กจนกระทั่งครอบครัวผมย้ายมาอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี
ที่จังหวัดอุดรธานีเป็นบ้านเกิดแม่ผม (แม่เป็นคนอีสาน พ่อเป็นคนใต้ แต่มาเจอกันที่กรุงเทพ ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าเจอกันได้ไง) ที่นี่ผมได้เรียนรุ้ที่จะมีญาติกับเขาบ้างเพราะญาติฝั่งแม่เยอะเหลือเกิน พ่อผมพอต้องย้ายยมาอยู่ที่อุดร พ่อก็ลาออกจากงานบริษัทที่ทำอยู่แล้วหันมาเปิดเต๊นท์รถมือสองแทน ส่วนแม่ผมก็กลายเป็นว่าต้องอยู่บ้านเฉยๆและเลี้ยงลูก ที่อุดรนี่แหละที่เส้นทางสายดนตรีผมได้เริ่มขึ้นบ้างละ ผมหลังจากที่ย้ายมาอยู่อุดร ก็จะสนิทกับลูกพี่ลูกน้อง(ลูกสาวของน้า)ที่บ้านอยู่เยื้องกัน ผมจะชอบแอบแม่ไปเล่นเกมที่บ้านน้าประจำ จนกระทั่งวันนึงผมได้เปิดโลกของตัวเองเกี่ยวกับดนตรีเลย เรื่องมีอยู่ว่าวันนั้นพี่สาวที่เป็นลูกของน้าผมจะไปสมัครเรียนคีย์บอร์ดที่โรงเรียนดนตรีสยามกลการสาขาอุดร ส่วนผมด้วยความที่เบื่อๆเลยติดรถนั่งรถเล่นไปด้วย พอไปถึงโรงเรียนพี่สาวผมก็กรอกข้อมูลส่วนผมก็ได้แต่นั่งงงว่ามาทำอะไรกัน พี่สาวผมสมัครเรียนคีย์บอร์ด แล้วจู่ๆน้าก็หันมาถามว่าไม่อยากลองเรียนดูหรอ ผมเองด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร เลยบอกไปว่า อยากเรียนเปียโน และด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนก็เลยพาผมกับพี่สาวไปสำรวจในโรงเรียนซะหน่อย ผมเดินเข้าไปในห้องอาจารย์สอนเปียโน พอเข้าไปก็พูดกันแบบชิลๆไม่ได้มีอะไร ก่อนออกจากห้องอาจารย์แกเลยเล่นเพลงโดราเอมอนให้ผมฟัง ผมนี่ถึงกับทึ่งไปเลย ตอนนั้นเราคิดว่า โอ้วโหวววว มันสุดยอดมาก ผมเริ่มเปิดโลกดนตรีให้ตัวเองก็วันนั้นแหละครับ ต่อมาผมก็เริ่มที่เข้าหาดนตรีมากขึ้น พ่อผมแกไปซื้อซีดีเพลงมาชุดนึงของวงร๊อคสแลง ผมดันไปติดใจเอากีตาร์ที่นักร้องนำของวงเขาเล่น พ่อผมแกก็สนองตัณหาลูกทันทีด้วยการซื้อกีตาร์ไฟฟ้า (ของเล่น) ที่โลตัสให้ผมในสนนราคา 299 บาท เป็นกีตาร์ไฟฟ้าของเล่นทรง Stratocaster สีเขียว ซึ่งเอามาเล่นเป็นเพลงไม่ได้หรอกครับ เอาไว้เล่นเท่ห์ๆ ตอนที่ได้มาแรกๆก็ดีใจนะแต่ไปๆมาๆมันชักจะยังไงๆอยู่นะทำไมเล่นแล้วมันแปลกๆ แล้วช่วงนั้นใกล้วันเกิดผมพอดี ผมเลยอ้อนขอพ่ออีกรอบว่าอยากได้กีตาร์จริงๆ และด้วยความที่เป็นลูกรักของพ่อแกเลยเอาเรื่องนี้ไปบอกป้าผมซึ่งเป็นพี่สาวที่แกสนิทอีกอย่างคนนี้นี่แหละที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก ผมเลยได้กีตาร์โปร่งยี่ห้อ Plum Blossom ขนาด 32 นิ้วมาตัวนึง เป็นสีแดง หรือไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่า Cherry Burst หรือเปล่า หลังจากนั้นแหละเอามาเล่นโดยที่ไม่รู้เลยว่าต้องเริ่มยังไง ผมก็เอามาเล่นได้ 3 วัน ก็ไปเผลอทำสาย 3 ขาดเพราะไปบิดลุกบิดเล่นเนื่องจากไม่รู้ว่ามันคืออะไร เอาไว้ทำไม ทำให้หลังจากนั้นผมแทบไม่จับมันมาเล่นอีกเลย แม่ผมด้วยความที่แกกลัวมันจะเก่า แกเลยเย็บกระเป๋าใส่ไว้ให้และผมก็ใส่มันไว้แบบนั้นแหละโดยที่ไม่ได้เอาออกมาเล่นอีกเลย แล้วผมก็ไม่ได้หมกมุ่นกับดนตรีเลยโดยที่ไปหมกมุ่นกับการวาดรูปแทนเพราะดันไปเจอเพื่อพ่อที่ท่านเป็นผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดร ซึ่งท่านเขียนงานสีน้ำมันสวยมากตอนนั้นผมเลยเปลี่ยนใจไปวาดรูปซะงั้น จนกระทั่ง...
ผมเรียนอยู่ในช่วงมัธยมต้น ส่วนพ่อผมที่ตอนนี้แกดันกลับไปทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องเสียงที่กรุงเทพแล้วแกจะเทียวกลับบ้านเดือนละครั้ง ผมมีเพื่อนสนิทคนนึงที่เล่นกีตาร์คลาสสิค ตอนนั้นเรารู้สึกทึ่งมากเพราะผมคิดว่าเขาเก่งมาก อีกอย่างเพื่อนผมคนนี้เองก็เป็นศิษย์จากโรงเรียนสยามกลการ ผมเองไม่แปลกใจเลยแต่กลับรู้สึกเสียดายที่ทำไมตัวเองไม่ขอพ่อแม่เรียน ตอนนั้นผมเองเริ่มกลับมาอยากเล่นดนตรีแล้ว ผมก็เริ่มเอากีตาร์ที่ผมเคยเก็บเอาไว้ออกมาใช้งานมั่ง โดยที่เริ่มแรกผมให้พ่อผมที่แกกลับบ้านพอดีเอากีตารืไปเปลี่ยนสายให้เพาะผมรู้แค่ว่ามันเก่ามาก หลังจากเอากลับมาปรากฎว่าบริดจ์ทำท่าจะหลุดออกมา พ่อผมด้วยความที่แกสงสารลูก แกคว้ากีตาร์มาตอกตะปูใส่บริดจ์ให้มันติดกับกีตาร์ โอ้โหวว ตอนนั้นผมคิดว่ามันคืออะไรที่สุดยอดมาก พ่อเก่งมาก แล้วประจวบกับที่พ่อเอาซีดีเพลงคาราบาวชุดโฟล์คบาวกลับมาเปิดกับเครื่องเสียงที่แกสะสมเอาไว้ ทำให้ผมเริ่มเปิดโลกทัศน์ทางดนตรีของผมอีกครั้ง ผมทำการคว้ากีตาร์ที่กลับมาเป้นกีตาร์คู่ใจในตอนนั้นทดลองเล่นโน๊ตบนคอกีตาร์โดยที่ยังไม่ได้ตั้งสายและผมก็งมไปเรื่อยๆโดยสังเกตแค่ว่าโน๊ตไหนเข้ากับเสียงเพลงก็จะพยายามสรรหาตัวใหม่และผมไม่รู้ว่านั่นคือการอิมโพรไวซ์ การเล่นกีตาร์คือเป็นเทรนด์ที่กำลังฮิตในห้องเรียนผมตอนนั้น มีเพื่อนหลายคนที่เอากีตาร์มาเล่นโดยที่แต่ละตัวมีแต่ของดีๆทั้งนั้นเช่น Yamaha F310 Fender Acoustic ซึ่งผมจำชื่อรุ่นไม่ได้ และยี่ห้อ Carols ทรง OM ซึ่งล้วนแล้วแต่เป้นกีตารืที่ดีกว่าของผมทั้งสิ้น ช่วงนั้นผมพยายามอดทนฝึกแต่ก็ยังแอบอิจฉาที่เพื่อนมีกีตาร์ดีกว่า แต่ทำไงได้เามีในส่วนของเรา เราก็ต้องฝึกของเรา ตอนนั้นผมไม่รุ้เลยว่าผมต้องเริ่มฝึกยังไงจนกระทั่งเพื่อนผมที่เล่นกีตาร์คลาสสิคแนะนำให้เริ่มการเรียนคอร์ดเพลง แล้วด้วยความที่บ้านผมไม่มีอินเทอร์เน็ตและไม่รู้ว่าต้องหาคอร์ดมาจากไหน ผมก็จดเอาวิธีการจับคอร์ดกลับไปฝึกที่บ้าน และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรุ้ว่าต้องตั้งสายยังไงซึ่งผมอาศัยทฤษฎี สาย 1 แบบเปิดเสียงจะเท่ากับสาย 2 เฟรทที่ 5 นั่นจึงกลายเป็นทฤษฎีประจำตัวผมไปเลยโดยตอนนั้นยังไม่ได้สนใจอะไรมากขอแค่เล่นออกมาจะเสียงเป็นคอร์ดก็พอโดยที่ไม่ได้สนเลยว่าสาย 1 จะต้องเสียงโน๊ตมี (E) ผมก็งมเล่นของผมไปเรื่อยๆจนกระทั่งผมไปเจอเอาหนังและวีซีดีชุดการสอนกีตาร์โปร่งเบื้องต้นของอ.แดง กีตาร์ ยอดปรมาจารย์ที่มือกีตาร์และนักดนตรีหลายคนรู้จัก VCD ชุดนั้นทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ผมเริ่มเรียนรู้จากสื่อการสอนชุดนี้เพาะมันมีทั้งหนังสือและวิดีโอสื่อการสอน ในหนังสือมีบอกทฤษฎีของกีตาร์โปร่งเบื้องต้นที่ทำให้ผมสามารถฝึกไปตามเส้นทางนักดนตรีได้อย่างมีขั้นตอน ถ้าไม่มีสื่อการสอนของอ.แดง ผมก็คงเอ๋อไปอีกนาน ผมก็เริ่มจากการฝึกจับคอร์ด C Am F G ไปตามแบบฉบับของคนฝึกเล่น จนกระทั่งผมสามารถเล่นได้ทีละคอร์ดและสามารถเปลี่ยนคอร์ดได้ทั้ง 4 คอร์ดนี้ได้ ผมก็เริ่มฝึกคอร์ดที่อยู่ในขั้นถัดมา เช่น คอร์ด D Dm E Em G7 Bm ในที่สุดผมก็เริ่มเล่นเป็น และวันที่ผมรอคอยก็มาถึง วันที่ผมได้เริ่มฝึกเพลงแรก....................ตอนนี้เวลา 4.22 น. ผมขออนุญาตท่านผู้อ่านพอไว้เท่านี้ก่อน ผมขอนอนพักซักหน่อยก่อน เดี๋ยวผมกลับมาเล่าต่อ
ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์ทางด้านดนตรีของผมครับ อาจจะยาวหน่อย แต่ถ้าใครมีเวลา ลองแวะเข้ามาอ่านเล่นๆได้นะครับ
ผมเองไม่ใช่นักดนตรีครับ ผมเป็นเหมือนกับคนที่มีความสุขเวลาอยู่กับดนตรี ที่ผมบอกแบบนี้เพราะผมเองได้รับอิทธิพลมาจาก อ.ถวัลย์ ดัชนี จิตกรและช่างวาดภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเอง อ.ถวัลย์เคยบอกไว้ว่าท่าไม่ใช่ศิลปิน ท่านเป็นแค่นักเขียนรูป เพราะมีคนอุปโลกน์ให้ท่าน ท่านเลยต้องเป็นให้เขา สำหรับตัวผมเองผมเป็นแค่คนที่มีความสุขกับดนตรีเพราะงานดนตรีไม่ใช่งานหลักของผมและผมไม่อุปโลกน์ให้ตัวเองเป้นนักดนตรี สิ่งที่ผมทำกับดนตรีก็มีแค่เล่นมัน ฟังมัน และมีความสุขไปกับมัน แต่... คำว่านักดนตรีของผมมันคือความจำเป็นในการเล่นดนตรีและต้องขลุกอยุ่กับมันตลอด ผมไม่ใช่คนที่จับกีตาร์หรือเครื่องดนตรีที่อยากจะเล่นตลอด ผมไม่ถูกบังคับให้ต้องสะพายกีตาร์หรือเบสออกไปเล่นในร้านอาหารหรือร้านเหล้าในทุกๆค่ำคืน ผมไม่ใช่คนที่ต้องเอาเครื่องวางไว้ข้างหน้าและลงมือเขียนเพลง ทำเพลง อัดเพลง และปล่อยเพลง เท่าที่ผมกล่าวมาข้างต้นผมแค่เกริ่นให้ท่านผู้ที่อ่านได้รุ้เพียงก่อนว่า ผมคือ ความสุขของดนตรี ไม่ใช่ นักดนตรี และเรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อจากนี้ไปน่าจะเป็นเหมือนเส้นทางสายดนตรีที่ผมได้เดินผ่านมา มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ราวกับเท่า 1 อายุคน แต่สำหรับผมแล้วมันมีค่ามากที่อยากจะแชร์ให้ท่านผู้ที่อ่านได้รับรู้ โอเคครับ...เราเกริ่นกันมายาวแล้ว เข้าเรื่องซักที
ผมเป็นเด็กผุ้ชายตัวโตที่เกิดในครอบครัวที่ไม่มีพื้นฐานทางดนตรีอะไรเลย ไม่มีกีตาร์ ไม่มีเครื่องดนตรี ไม่มีพ่อหรือแม่ผมที่เล่นดนตรี แต่...ผมโชคดีตรงที่พ่อผมแกเป็นช่างเทคนิคประจำบริษัท KS (ผมจำได้ลางๆว่าเป็นบริษัทนำเข้าเครื่อง เคยมีออฟฟิศอยู่แถวพระราม 9 ตอนนั้นพ่อเคยพาไปแต่ผมเด็กมากเลยจำไม่ค่อยได้) แกไม่ใช่ช่างธรรมดา แกเป็นหัวหน้าช่างด้วย แต่ก่อนครอบครัวของผมที่มีแค่ พ่อ แม่ และผม เราอาศัยอยูที่กรุงเทพกัน พ่อผมแกเป็นคนที่เล่นเครื่องเสียง ผมก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก ก็จะเห้นจากที่แกใช้บ้างก็จะพวก McIntosh แล้วแกก็จะชอบเปิดแผ่นเสียงซึ่งจะเป็นเพลงเก่าๆ เช่น ธานินทร์ อินทรเทพ สุเทพ วงษ์กำแหง ชรินทร์ นันทนาคร และโดยเฉพาะเพลงของสุนทราภรณ์ที่แกจะเปิดบ่อยมากสลับกับเพลง Jazz โดยที่จะมีเพลงของ Elvis แซมไปบ้างในบางวัน เราไม่ใช่ครอบครัวที่มีฐานะเท่าไหร่เพราะเรา 3 คนอาศัยอยู่คอนโดแถวดาวคะนอง พ่อผมแกเลยเป็นแค่พนักงานออฟฟิศที่ว่างเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ แล้วแกก็จะใช้เวลา 2 วันที่มีนั่นแหละ เปิดเพลงกรอกหูผม บอกเลยว่าผมรำคาญมาก ด้วยความที่เราเป็นเด็กแล้วต้องมานั่งฟังเพลงอะไรก็ไม่รู้ ตอนนั้นสิ่งที่บันเทิงที่สุดสำหรับผมคงจะเป้นรายการ เจ้าขุนทอง แล้วก็การ์ตูนชินจังจอมแก่นที่ต้องดูในทุกๆเช้า ผมไม่เคยใส่ใจเลยว่าอะไรคือดนตรี แค่ได้ฟังบ่อยๆก็เบื่อจะตายละ แล้วเพลงเก่าๆที่พ่อเปิดมันก็วนเวียนอยู่ในสมองผมตั้งแต่เด็กจนกระทั่งครอบครัวผมย้ายมาอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี
ที่จังหวัดอุดรธานีเป็นบ้านเกิดแม่ผม (แม่เป็นคนอีสาน พ่อเป็นคนใต้ แต่มาเจอกันที่กรุงเทพ ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าเจอกันได้ไง) ที่นี่ผมได้เรียนรุ้ที่จะมีญาติกับเขาบ้างเพราะญาติฝั่งแม่เยอะเหลือเกิน พ่อผมพอต้องย้ายยมาอยู่ที่อุดร พ่อก็ลาออกจากงานบริษัทที่ทำอยู่แล้วหันมาเปิดเต๊นท์รถมือสองแทน ส่วนแม่ผมก็กลายเป็นว่าต้องอยู่บ้านเฉยๆและเลี้ยงลูก ที่อุดรนี่แหละที่เส้นทางสายดนตรีผมได้เริ่มขึ้นบ้างละ ผมหลังจากที่ย้ายมาอยู่อุดร ก็จะสนิทกับลูกพี่ลูกน้อง(ลูกสาวของน้า)ที่บ้านอยู่เยื้องกัน ผมจะชอบแอบแม่ไปเล่นเกมที่บ้านน้าประจำ จนกระทั่งวันนึงผมได้เปิดโลกของตัวเองเกี่ยวกับดนตรีเลย เรื่องมีอยู่ว่าวันนั้นพี่สาวที่เป็นลูกของน้าผมจะไปสมัครเรียนคีย์บอร์ดที่โรงเรียนดนตรีสยามกลการสาขาอุดร ส่วนผมด้วยความที่เบื่อๆเลยติดรถนั่งรถเล่นไปด้วย พอไปถึงโรงเรียนพี่สาวผมก็กรอกข้อมูลส่วนผมก็ได้แต่นั่งงงว่ามาทำอะไรกัน พี่สาวผมสมัครเรียนคีย์บอร์ด แล้วจู่ๆน้าก็หันมาถามว่าไม่อยากลองเรียนดูหรอ ผมเองด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร เลยบอกไปว่า อยากเรียนเปียโน และด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนก็เลยพาผมกับพี่สาวไปสำรวจในโรงเรียนซะหน่อย ผมเดินเข้าไปในห้องอาจารย์สอนเปียโน พอเข้าไปก็พูดกันแบบชิลๆไม่ได้มีอะไร ก่อนออกจากห้องอาจารย์แกเลยเล่นเพลงโดราเอมอนให้ผมฟัง ผมนี่ถึงกับทึ่งไปเลย ตอนนั้นเราคิดว่า โอ้วโหวววว มันสุดยอดมาก ผมเริ่มเปิดโลกดนตรีให้ตัวเองก็วันนั้นแหละครับ ต่อมาผมก็เริ่มที่เข้าหาดนตรีมากขึ้น พ่อผมแกไปซื้อซีดีเพลงมาชุดนึงของวงร๊อคสแลง ผมดันไปติดใจเอากีตาร์ที่นักร้องนำของวงเขาเล่น พ่อผมแกก็สนองตัณหาลูกทันทีด้วยการซื้อกีตาร์ไฟฟ้า (ของเล่น) ที่โลตัสให้ผมในสนนราคา 299 บาท เป็นกีตาร์ไฟฟ้าของเล่นทรง Stratocaster สีเขียว ซึ่งเอามาเล่นเป็นเพลงไม่ได้หรอกครับ เอาไว้เล่นเท่ห์ๆ ตอนที่ได้มาแรกๆก็ดีใจนะแต่ไปๆมาๆมันชักจะยังไงๆอยู่นะทำไมเล่นแล้วมันแปลกๆ แล้วช่วงนั้นใกล้วันเกิดผมพอดี ผมเลยอ้อนขอพ่ออีกรอบว่าอยากได้กีตาร์จริงๆ และด้วยความที่เป็นลูกรักของพ่อแกเลยเอาเรื่องนี้ไปบอกป้าผมซึ่งเป็นพี่สาวที่แกสนิทอีกอย่างคนนี้นี่แหละที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก ผมเลยได้กีตาร์โปร่งยี่ห้อ Plum Blossom ขนาด 32 นิ้วมาตัวนึง เป็นสีแดง หรือไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่า Cherry Burst หรือเปล่า หลังจากนั้นแหละเอามาเล่นโดยที่ไม่รู้เลยว่าต้องเริ่มยังไง ผมก็เอามาเล่นได้ 3 วัน ก็ไปเผลอทำสาย 3 ขาดเพราะไปบิดลุกบิดเล่นเนื่องจากไม่รู้ว่ามันคืออะไร เอาไว้ทำไม ทำให้หลังจากนั้นผมแทบไม่จับมันมาเล่นอีกเลย แม่ผมด้วยความที่แกกลัวมันจะเก่า แกเลยเย็บกระเป๋าใส่ไว้ให้และผมก็ใส่มันไว้แบบนั้นแหละโดยที่ไม่ได้เอาออกมาเล่นอีกเลย แล้วผมก็ไม่ได้หมกมุ่นกับดนตรีเลยโดยที่ไปหมกมุ่นกับการวาดรูปแทนเพราะดันไปเจอเพื่อพ่อที่ท่านเป็นผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดร ซึ่งท่านเขียนงานสีน้ำมันสวยมากตอนนั้นผมเลยเปลี่ยนใจไปวาดรูปซะงั้น จนกระทั่ง...
ผมเรียนอยู่ในช่วงมัธยมต้น ส่วนพ่อผมที่ตอนนี้แกดันกลับไปทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องเสียงที่กรุงเทพแล้วแกจะเทียวกลับบ้านเดือนละครั้ง ผมมีเพื่อนสนิทคนนึงที่เล่นกีตาร์คลาสสิค ตอนนั้นเรารู้สึกทึ่งมากเพราะผมคิดว่าเขาเก่งมาก อีกอย่างเพื่อนผมคนนี้เองก็เป็นศิษย์จากโรงเรียนสยามกลการ ผมเองไม่แปลกใจเลยแต่กลับรู้สึกเสียดายที่ทำไมตัวเองไม่ขอพ่อแม่เรียน ตอนนั้นผมเองเริ่มกลับมาอยากเล่นดนตรีแล้ว ผมก็เริ่มเอากีตาร์ที่ผมเคยเก็บเอาไว้ออกมาใช้งานมั่ง โดยที่เริ่มแรกผมให้พ่อผมที่แกกลับบ้านพอดีเอากีตารืไปเปลี่ยนสายให้เพาะผมรู้แค่ว่ามันเก่ามาก หลังจากเอากลับมาปรากฎว่าบริดจ์ทำท่าจะหลุดออกมา พ่อผมด้วยความที่แกสงสารลูก แกคว้ากีตาร์มาตอกตะปูใส่บริดจ์ให้มันติดกับกีตาร์ โอ้โหวว ตอนนั้นผมคิดว่ามันคืออะไรที่สุดยอดมาก พ่อเก่งมาก แล้วประจวบกับที่พ่อเอาซีดีเพลงคาราบาวชุดโฟล์คบาวกลับมาเปิดกับเครื่องเสียงที่แกสะสมเอาไว้ ทำให้ผมเริ่มเปิดโลกทัศน์ทางดนตรีของผมอีกครั้ง ผมทำการคว้ากีตาร์ที่กลับมาเป้นกีตาร์คู่ใจในตอนนั้นทดลองเล่นโน๊ตบนคอกีตาร์โดยที่ยังไม่ได้ตั้งสายและผมก็งมไปเรื่อยๆโดยสังเกตแค่ว่าโน๊ตไหนเข้ากับเสียงเพลงก็จะพยายามสรรหาตัวใหม่และผมไม่รู้ว่านั่นคือการอิมโพรไวซ์ การเล่นกีตาร์คือเป็นเทรนด์ที่กำลังฮิตในห้องเรียนผมตอนนั้น มีเพื่อนหลายคนที่เอากีตาร์มาเล่นโดยที่แต่ละตัวมีแต่ของดีๆทั้งนั้นเช่น Yamaha F310 Fender Acoustic ซึ่งผมจำชื่อรุ่นไม่ได้ และยี่ห้อ Carols ทรง OM ซึ่งล้วนแล้วแต่เป้นกีตารืที่ดีกว่าของผมทั้งสิ้น ช่วงนั้นผมพยายามอดทนฝึกแต่ก็ยังแอบอิจฉาที่เพื่อนมีกีตาร์ดีกว่า แต่ทำไงได้เามีในส่วนของเรา เราก็ต้องฝึกของเรา ตอนนั้นผมไม่รุ้เลยว่าผมต้องเริ่มฝึกยังไงจนกระทั่งเพื่อนผมที่เล่นกีตาร์คลาสสิคแนะนำให้เริ่มการเรียนคอร์ดเพลง แล้วด้วยความที่บ้านผมไม่มีอินเทอร์เน็ตและไม่รู้ว่าต้องหาคอร์ดมาจากไหน ผมก็จดเอาวิธีการจับคอร์ดกลับไปฝึกที่บ้าน และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรุ้ว่าต้องตั้งสายยังไงซึ่งผมอาศัยทฤษฎี สาย 1 แบบเปิดเสียงจะเท่ากับสาย 2 เฟรทที่ 5 นั่นจึงกลายเป็นทฤษฎีประจำตัวผมไปเลยโดยตอนนั้นยังไม่ได้สนใจอะไรมากขอแค่เล่นออกมาจะเสียงเป็นคอร์ดก็พอโดยที่ไม่ได้สนเลยว่าสาย 1 จะต้องเสียงโน๊ตมี (E) ผมก็งมเล่นของผมไปเรื่อยๆจนกระทั่งผมไปเจอเอาหนังและวีซีดีชุดการสอนกีตาร์โปร่งเบื้องต้นของอ.แดง กีตาร์ ยอดปรมาจารย์ที่มือกีตาร์และนักดนตรีหลายคนรู้จัก VCD ชุดนั้นทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ผมเริ่มเรียนรู้จากสื่อการสอนชุดนี้เพาะมันมีทั้งหนังสือและวิดีโอสื่อการสอน ในหนังสือมีบอกทฤษฎีของกีตาร์โปร่งเบื้องต้นที่ทำให้ผมสามารถฝึกไปตามเส้นทางนักดนตรีได้อย่างมีขั้นตอน ถ้าไม่มีสื่อการสอนของอ.แดง ผมก็คงเอ๋อไปอีกนาน ผมก็เริ่มจากการฝึกจับคอร์ด C Am F G ไปตามแบบฉบับของคนฝึกเล่น จนกระทั่งผมสามารถเล่นได้ทีละคอร์ดและสามารถเปลี่ยนคอร์ดได้ทั้ง 4 คอร์ดนี้ได้ ผมก็เริ่มฝึกคอร์ดที่อยู่ในขั้นถัดมา เช่น คอร์ด D Dm E Em G7 Bm ในที่สุดผมก็เริ่มเล่นเป็น และวันที่ผมรอคอยก็มาถึง วันที่ผมได้เริ่มฝึกเพลงแรก....................ตอนนี้เวลา 4.22 น. ผมขออนุญาตท่านผู้อ่านพอไว้เท่านี้ก่อน ผมขอนอนพักซักหน่อยก่อน เดี๋ยวผมกลับมาเล่าต่อ