สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า นี่เป็นครั้งเเรกที่ได้ดูหนังของพี่คงเดช และในโรงภาพยนตร์ครั้งเเรก ส่วนหนึ่งเลยคือ หนังพี่เเกฉายเฉพาะโรง ผมเลยไม่ค่อยได้เข้าไปดูเท่าไหร่ แต่เมื่อได้รู้ว่าหนังของพี่แกได้สมาชิกของวง BNK48 มาเเสดงด้วย กระทั่งตัวอย่างเเรกออกมา มันก็ทำให้ผมคิดไว้เลย ว่าต้องไปดูในโรงให้ได้ เพราะการเเสดงที่เรียกได้ว่าดึงดูด และน่าสนใจ จนทำให้เรื่องย่อที่ออกมาเป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ จากหนังเท่านั้น จนในที่สุดด้วยคำวิจารณ์หรืออะไรก็ตาม ผมก็ได้ชมเรียบร้อย โชคดีที่เเถวบางแคมีโรงหนัง SF พอดี
"ซู เป็นเด็กสาวชาวจันทบุรีที่กำลังจะไปเรียนต่อที่ประเทศฟินแลนด์ โดยที่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงต้องไป คิดแค่เพียงอยากไปให้ไกลจากที่นี่ เแต่ก่อนที่จะไปเธอมีเรื่องที่ยังค้างคาใจที่จะต้องทำให้ได้ เพื่อให้หมดห่วงต่าง ๆ จึงร่วมมือกับเบลล์ เพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุด ออกแก้ปัญญาต่าง ๆ ตามเช็คลิสต์ที่ทั้งคู่กำหนดไว้
ถ้าการไปต่างประเทศ ต้องจัดของใส่กระเป๋า งั้นก่อนที่คนหนึ่งคนจะไปจากที่เเห่งนี้ เขาจะต้องจัดการกับอะไรบ้าง แล้วสิ่งที่ค้างคาใจของคน ๆ นั้น จะเป็นสิ่งที่เหนี่ยวรั้ง ให้เขาเลือกอยู่ในที่ ๆ ที่ควรอยู่หรือไม่ หรือสุดท้าย สิ่งที่ทำได้ คือต้องยอมปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของเขา"
ปล. จากนี้จะเป็นแค่การรีวิวและอาจมีสปอยในมุมมองของผม ซึ่งอาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หนังเล่าเรื่องได้นิ่ง เรียบ ไม่มีอะไรจุดพีคแบบว้าว แต่เป็นพีคด้านอารมณ์ เเอบมีมุขตลกเเซมอยู่เล็กน้อย ผ่านตัวละครสองตัวหลัก อย่างซูและเบลล์ และตัวละครที่สามอย่าง จังหวัดจันทบุรี ที่ต้องอยู่ในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวไปต่างประเทศ การทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือ ตอบสนองความต้องการของคนอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกสอดแทรกผ่านตัวละครรอบ ๆ ตัวของพวกเขาอีกทีนึง ซึ่งหนังทำออกมาได้ไหลลื่น ไม่รู้สึกน่าเบื่อ แต่หนังค่อย ๆ พาเราไปสำรวจความสัมพันธ์ของกลุ่มคนอย่างช้า ๆ จากสองคน เป็นสาม จากสาม เป็นสี่ จากสี่เป็นห้า ไล่ไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ละตัวละครก็จะเป็นทั้งส่วนของตัวเอง และส่วนของคนอื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หนังพาเราก้าวไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ไม่ได้ให้เราเข้าใจถึงคำตอบ แต่ทำให้เราจมดิ่งลงไปในที่แห่งนั้นอย่างเต็มใจ
ประเด็นตัวละคร
ซู
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เขาว่าคนที่พูดน้อยที่สุด คือคนที่ใจสลายที่สุด ใช่ ซูคือตัวอย่างของคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะทำอย่างที่ตัวเองต้องการ แม้แต่ฟินแลนด์ก็เป็นจุดหมายที่ซูแค่ต้องการจะไป เพราะซูรู้สึกว่าตั้งแต่เเม่ของเธอจากไป จันทบุรีก็ไม่เคยเป็นที่ของตัวเอง เพราะพ่อยอมมอบหัวใจของแม่ให้กับหมอที่ต้องการมันไปโดยไม่ได้รับการยินยอมจากลูกอย่างเธอ เธอได้เก็บความรู้สึกอึดอัดต่อจังหวัดที่เป็นที่ตัวเองอยู่ แต่ดันกลายเป็นที่ที่ตัวเองกระอักกระอ่วนเช่นกัน จนมันอาจส่งผลต่อความบาดหมางของเธอกับมิว เพื่อนเคยสนิทที่เธอรักและโหยหามากที่สุดในเวลาต่อมาหลังจากนั้น เพราะเธอรู้สึกไม่มีความหมาย ไร้ตัวตน ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ได้เพื่อนสนิทคนนี้คืนมา
เธอก็ได้แต่หวังว่า คนอื่นที่ยังอยู่ที่นี่ จะยังคงอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะทั้งซัน น้องชายเพศที่สามที่ต้องรับหน้าที่ทำก๋วยเตี๋ยวต่อจากเธอ เบลล์ เพื่อนที่เธอไม่อาจให้ใจไปมากกว่านี้แล้ว เก่ง ชายที่เธอมีความรู้สึกดี ๆ และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ก็สามารถอยู่ได้ด้วยอาชีพที่เขาถนัด เเก๊งเพื่อนที่ต่างมีเรื่องของตัวเองที่ต้องทำ ไม่ว่าจะเรียนจบ ทำงาน หรือเเม้แต่เเตกหักกันไป เขาก็ต้องมีชีวิตของเขา จะมาอยู่กับเธอไม่ได้ เพราะชีวิตนั้นมันไม่ใช่ของเธอ
แต่สิ่งที่ทำให้ความมุ่งมั่นของเธอต้องจบลง คือพ่อของซู ผู้จัดสรรทุกอย่าง ซูไม่เคยได้ทำอะไรด้วยตัวเอง และสิ่งที่น่าสมเพชแทนคือ การที่พ่อของซู ใช้แม่ของซูในการยึดเหนี่ยวให้ซูอยู่ที่นี่ต่อไป ผ่านร่างคนทรง ด้วยคำพูดที่เหมือนออกมาเหมือนกับสิ่งที่แม่พูดว่า มันจะต้องดีขึ้น ทำให้ซูตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ โดยหวังว่าที่เเห่งนี้มันจะเป็นที่ของเธอ และหัวใจของเเม่ก็ไม่ได้อยู่กับร่างแม่ เธอก็เริ่มออกตามหาหัวใจ จนตำหนิสก๊อยที่ทำเเท้งว่าเอาหัวใจแม่คืนมา จนโดนรุมเล่นงานอย่างหนัก ก่อนที่จะโดนตบหน้าด้วยคำตอบของผู้ที่มาช่วย ซึ่งก็คือคนทรงว่า "มันเป็นคำโกหก มันไม่มีทางดีขึ้นหรอก" อนุมานได้ว่า พ่อของซูใช้ความหวังมาหลอกลวงซูอีกครั้ง ซูที่รู้ตัวว่าโดนหลอกก็ได้แต่เวทนาตัวเองกับชะตากรรมที่ถูกกำหนดให้ตัวเองติดอยู่ที่นี่ ร้องไห้จนเเทบขาดใจบนเครื่องเล่นที่มีแสงสีสวยงามหมุนไปมารอบ ๆ เหมือนกับสภาพชีวิตที่ต้องวนเวียนอยู่กับแสงสว่างแห่งความหวังว่า ที่ ๆ เธออยู่มันจะดีขึ้น แต่มันไม่มี ไม่มีอีกเเล้วที่ของเธอ เพราะมันไม่เคยมีอยู่แล้ว ซูจึงเลือกที่จะออกไปจากวงจรอันแสนน่าหดหู่นี้ โดยการลาจากเบลล์ และทำตามสัญญาของคุณย่าของเบลล์เป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจะเลือกชะตาชีวิตของเธอเอง โดยการขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า...ไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งซูอีกแล้ว นอกจากตัวเอง สถานที่เดียว ที่เป็นของซู
เบลล์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพื่อนคนนึงที่อยากจะมีความสำคัญกับเพื่อนสนิทอย่างซู เธอทำทุกอย่างทั้ง รวมกลุ่มเพื่อน เเก้ปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้ซูเห็นความสำคัญของตัวเอง เพื่อจะได้อยู่ในที่ ที่ตัวเองต้องการ คือซู ในขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับความคาดหวังของแม่ผู้เป็นสาวออฟฟิศทำงานหรูในกรุงเทพที่ประเคนเธอด้วยของแพงต่าง ๆ โดยที่ไม่ได้ถามเธอเลยว่าต้องการหรือไม่ มิหนำซ้ำยังอยากให้เธอมาอยู่ด้วยที่กรุงเทพ ซึ่งเบลล์คงรับไม่ได้ เพราะเบลล์รักที่จะอยู่ในที่เเห่งนี้ เพราะมีย่าอยู่ และเรื่องเล่าจับนมของย่าก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เบลล์อยู่ที่จันทบุรีได้อย่างสุขใจ ไหนจะคุณครูโอลิเวอร์ ชายชาวเยอรมันกลางคนผู้เป็นเป้าหมายหัวใจของเธอที่มาตั้งรกรากอยู่ที่จันทบุรีเช่นกัน ไหนจะต้องรอผลสอบเข้ามหาลัยอีก แต่สิ่งที่ทำให้เบลล์ตระหนักที่สุดก็คือ ไม่ว่าจะทำสักเท่าไหร่ จะขอร้องหรือพูดใด ๆ เธอก็ไม่มีทางได้อยู่ในที่ ๆ เธอต้องการได้ เพราะบาดเเผลของเพื่อนอย่างซู มันลึกมาก ๆ ลึกเกินกว่าที่ความสดใสของเธอจะเข้าไปถึงได้ เธอก็ได้แต่ทำใจยอมรับและใช้ชีวิตอยู่ต่อไป แม้แต่การปล่อยให้ซูเดินจากไป เธอก็ยอม เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ซูตัดสินใจ และเธอไม่ใช่ซู นั่นไม่ใช่ชีวิตของเธอ
คำถามที่เบลล์ถาม "ที่ตรงนั้น มีฉันอยู่หรือเปล่า" คำตอบของซูคือ "ไม่มี" มีแต่ "ที่ ๆ เธออยู่นี่เเหล่ะ ที่เธอต้องอยู่ต่อไป"
งั้น LET U GO ก็คือคำตอบที่สรุปความสัมพันธ์ของคู่นี้ได้อย่างสมบูรณ์อย่างเจ็บปวด
คนของซู?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หยก คือ คนที่พอใจกับชีวิตที่ตัวเองเป็นอยู่ แม้จะไม่ได้แฮปปี้กับมันมากนักแต่มมันก็เป็นเรื่องปกติของเธอ แต่กับ ป่านกับแพร คือ เพื่อนที่มีปัญหาใหญ่กันเพียงเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย (เรื่องผู้ชาย) และก็ดีกัน(ชั่วคราว) ด้วยเรื่องเล็กน้อย แต่ป่านเองก็ไม่พอใจกับความเหลาะเเหละของวงดนตรี STRATOSPHERE ที่ไม่ได้จริงจังแถมทำให้เธอมีปัญหากับครอบครัว จนทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนต้องเเตกหักลง ซึ่งมันก็คือเรื่องปกติของวัยรุ่น ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรอยู่ต่อไปในที่ ๆ ที่ไม่สบายใจ ไม่ว่าจะพยายามยังไง มันก็ไม่มีทางดีได้
จ๊ะเอ๋ คือ คนเราทั่วไป ไม่มีอะไรให้คิดมาก เธอเเค่อยู่กับเพื่อน สนุกสนาน เรียนหนังสือในกรุงเทพแค่นี้ก็พอ นี่แหล่ะที่ของเธอ
ปุก คนนี้เหมือนจะไม่มีอะไร เเต่จะเห็นได้ว่า เธออยู่ในระบบที่เธอต้องตัดสินใจให้มันจบ ๆ ไป เรียนคหกรรม ทั้งที่ตัวเองไม่ถนัด เพราะความคาดหวังไม่อยากโดนพ่อแม่ว่า ดู ๆ แล้วเธอน่าจะเป็นคนที่เครียดอยู่พอสมควร ไหนจะการพยายามทำสีผม ที่โดนคนทำตอกกลับมาว่าทำไม่ได้หรอก มันเหมือนเธอถูกขีดเส้นไว้แล้ว ว่าเธอต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ อึดอัดนะ
มิว อดีตเพื่อนสนิทที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น กับคนอื่นเธอปกติ แต่กับซู ไม่ใช่ คนที่ทำร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ การเล่าเรื่องที่เธอ (อาจจะมีท้อง) จนไม่แปลกใจว่า อะไรที่มันแตกหักไปแล้ว มันต่อกลับมาไม่ได้ ดูเธอแล้วน่าจะเป็นคนที่ชีวิตผ่านโลกมาพอสมควร แต่ยังไงชีวิตก็ต้องไปต่อ การทำงานทั้งเด็กเสิร์ฟร้านเหล้า และ เป็นสาวขายประกันในห้างบิ๊กซี ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการดิ้นรนเพื่อจะอยู่รอดของเธอเช่นกัน
เก่ง คือ ผู้ชายธรรมดาคนนึงที่มีอะไรลึกซึ้งกับซูมาตั้งแต่เรื่องก่อนในหนัง ถ้าให้เดา ดูแล้วก็เป็นผู้ชายที่มีความถนัดเป็นของตัวเอง และใช้มันอย่างมีประโยชน์ แต่เขาก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญพอที่จะทำให้ซูอยากอยู่ที่นี่ เขาเลยต้องอยู่ในที่ของตัวเองต่อไป
พวกเขาจึงต่างมีที่ยืนเป็นของตัวเอง และเลือกแล้วที่จะอยู่กับมัน
คนรอบตัวซู
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พ่อของซู เป็นคนที่หัวแข็ง อาจจะหัวเเข็งกว่าแม่ของซู ที่ตัวเองเคยพูดไว้ซะอีก เเถมมีเล่ห์เหลี่ยมกว่าที่เห็น ชายวัยกลางคนที่ไม่เคยปล่อยให้ลูกสาวคนเดียวได้ตัดสินใจทำสิ่งที่เธอต้องการ ถ้าลูกสาวออกความเห็นอะไรก็จะใช้คำพูดรุนแรง และเกือบใช้กำลัง เเม้กระทั่งวางอุบายหลอกให้ซูเชื่อว่า แม่ยังอยู่รอบตัว เพื่อให้เธออยู่ที่จันทบุรีต่อไป ไหนจะยินยอมเซ็นชื่อมอบหัวใจของภรรยาให้โรงพยาบาลโดยไม่ฟังซูสักคำ เรียกได้ว่าเป็นคนที่น่าสมเพชที่สุด เพราะทำให้ซูหมดโอกาสจะไปมีชีวิตที่เธอต้องการ สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้ซูอยู่ในที่ ๆ เขาต้องการได้ ทำได้แค่ร้องไห้ แล้วฟังลูกหนีออกจากบ้าน และอยู่กับลูกชายที่เป็นเพศที่สาม น้องชายของซู อย่างซัน คอยช่วยกันขายก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงอยู่ในที่ ๆ ของเขาตลอดไป
คำถามที่เขาเคยถามในรถว่า "ซูต้องกลับมานะ" ก็คงมีคำตอบเดียวว่า "ไม่"
ย่าของเบลล์ หรือ ย่าจับนม อันนี้ผมตีความว่า เรื่องเล่าของคำสัญญาที่ไม่มีวันเป็นจริง ย่าอายุมากและหลงจมอยู่กับคำสัญญาของคนที่ชื่อกานต์ที่มาเมคเลิฟกับเธอ แล้วจากนั้นเขาก็ไม่เคยมา ได้แต่พูดซ้ำ ๆ ว่า นอกหน้าต่างตรงนั้นมีคุณกานต์ เหมือนกับรอให้อะไร ๆ มันดีขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ต้องยืนมองหน้าต่าง แล้วจับนมตัวเอง ตอบสนองคำสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ นั้นไปเรื่อย ๆ ที่ซูบอกไม่อยากเป็นเหมือนย่าของเบลล์ อาจจะไม่ได้หมายความว่าแก่ นมยาน ก็คงเพราะ ตัวเองไม่อยากอยู่แบบมีความหวังที่ไม่มีภาพชัดเจนว่ามันจะเป็นไปได้
การที่ซูมาจับนมแล้วกอดย่าไว้ในค่ำคืน จึงเสมือนคุณกานต์มาทำตามสัญญาที่ให้ไว้
แม้ว่ามันจะไม่มีวันนั้นก็ตาม แต่อย่างน้อยซูก็ทำให้ย่านึกขึ้นได้เมื่อเธอเดินออกไป "นั่นซูจะไปไหนล่ะเบลล์"
และเบลล์ก็ทำได้แค่นั่งมองเพื่อนของเธอจากหน้าต่างเดินจากไปทั้งน้ำตา
การเเสดงต้องยกให้กับเจนนิษฐ์ ที่แสดงเป็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยความกระอั่กกระอ่วน พูดน้อย แต่มีความคิดที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่พอระเบิดออกมา ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงมีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ปีหน้าแน่ ๆ เช่นเดียวกับมิวสิค ที่เเสดงได้เป็นธรรมชาติ จนน่าทึ่งในฐานะนักแสดงครั้งแรก ส่วนตัวละครสมทบอื่น ๆ ก็ช่วยทำให้เรื่องกลมกล่อมมากขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ส่วนดนตรีประกอบของพี่ป๊อด โมเดิร์นด็อกก็อัศจรรย์จริง ๆ เช่นเดียวกับงานภาพ
หนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ไม่สนุกสำหรับคนดูหนังแมสทั่วไป แต่เป็นหนังชีวิตที่มีคุณค่าที่ควรไปดู ไม่ใช่เพราะนักเเสดงคือสมาชิก BNK48 หรอก
แต่เป็นนักแสดงและผู้กำกับที่มีฝีมือในการนำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ให้มีความหมายมหาศาล ดูจบแล้วมีอะไรให้คิดตามอีกเยอะเลยครับ
8/10
LET U GO เมื่ออยู่ในหนังเรื่องนี้ มันสมบูรณ์แบบ
ปล. นักแสดงกับพี่คงเดชมาหลังหนังจบด้วย ร้องลั่นทั้งโรง5555
เรื่องที่ 19 : Where We Belong ที่ของเรา หรือ ที่ของใคร? (รีวิว + สปอย อะเลิร์ต)
สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า นี่เป็นครั้งเเรกที่ได้ดูหนังของพี่คงเดช และในโรงภาพยนตร์ครั้งเเรก ส่วนหนึ่งเลยคือ หนังพี่เเกฉายเฉพาะโรง ผมเลยไม่ค่อยได้เข้าไปดูเท่าไหร่ แต่เมื่อได้รู้ว่าหนังของพี่แกได้สมาชิกของวง BNK48 มาเเสดงด้วย กระทั่งตัวอย่างเเรกออกมา มันก็ทำให้ผมคิดไว้เลย ว่าต้องไปดูในโรงให้ได้ เพราะการเเสดงที่เรียกได้ว่าดึงดูด และน่าสนใจ จนทำให้เรื่องย่อที่ออกมาเป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ จากหนังเท่านั้น จนในที่สุดด้วยคำวิจารณ์หรืออะไรก็ตาม ผมก็ได้ชมเรียบร้อย โชคดีที่เเถวบางแคมีโรงหนัง SF พอดี
"ซู เป็นเด็กสาวชาวจันทบุรีที่กำลังจะไปเรียนต่อที่ประเทศฟินแลนด์ โดยที่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงต้องไป คิดแค่เพียงอยากไปให้ไกลจากที่นี่ เแต่ก่อนที่จะไปเธอมีเรื่องที่ยังค้างคาใจที่จะต้องทำให้ได้ เพื่อให้หมดห่วงต่าง ๆ จึงร่วมมือกับเบลล์ เพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุด ออกแก้ปัญญาต่าง ๆ ตามเช็คลิสต์ที่ทั้งคู่กำหนดไว้
ถ้าการไปต่างประเทศ ต้องจัดของใส่กระเป๋า งั้นก่อนที่คนหนึ่งคนจะไปจากที่เเห่งนี้ เขาจะต้องจัดการกับอะไรบ้าง แล้วสิ่งที่ค้างคาใจของคน ๆ นั้น จะเป็นสิ่งที่เหนี่ยวรั้ง ให้เขาเลือกอยู่ในที่ ๆ ที่ควรอยู่หรือไม่ หรือสุดท้าย สิ่งที่ทำได้ คือต้องยอมปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของเขา"
ปล. จากนี้จะเป็นแค่การรีวิวและอาจมีสปอยในมุมมองของผม ซึ่งอาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประเด็นตัวละคร
ซู
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เบลล์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คนของซู?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คนรอบตัวซู
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การเเสดงต้องยกให้กับเจนนิษฐ์ ที่แสดงเป็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยความกระอั่กกระอ่วน พูดน้อย แต่มีความคิดที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่พอระเบิดออกมา ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงมีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ปีหน้าแน่ ๆ เช่นเดียวกับมิวสิค ที่เเสดงได้เป็นธรรมชาติ จนน่าทึ่งในฐานะนักแสดงครั้งแรก ส่วนตัวละครสมทบอื่น ๆ ก็ช่วยทำให้เรื่องกลมกล่อมมากขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ส่วนดนตรีประกอบของพี่ป๊อด โมเดิร์นด็อกก็อัศจรรย์จริง ๆ เช่นเดียวกับงานภาพ
หนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ไม่สนุกสำหรับคนดูหนังแมสทั่วไป แต่เป็นหนังชีวิตที่มีคุณค่าที่ควรไปดู ไม่ใช่เพราะนักเเสดงคือสมาชิก BNK48 หรอก
แต่เป็นนักแสดงและผู้กำกับที่มีฝีมือในการนำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ให้มีความหมายมหาศาล ดูจบแล้วมีอะไรให้คิดตามอีกเยอะเลยครับ
8/10
LET U GO เมื่ออยู่ในหนังเรื่องนี้ มันสมบูรณ์แบบ
ปล. นักแสดงกับพี่คงเดชมาหลังหนังจบด้วย ร้องลั่นทั้งโรง5555