สวัสดีท่านที่ให้ความสนใจกับกระทู้นี้ หรือ อาจตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ จขกท ทุกท่านค่ะ
ด้วยเจ้าของกระทู้บรรจุเข้ารับราชการพลเรือน เมื่อ วันที่ 1 มีนาคม 2560
ที่จังหวัดซึ่งห่างจากภูมิลำเนา ประมาณ 150 กิโลเมตร
โดยแนบท้ายคำสั่งบรรจุแต่งตั้งนั้นได้ ระบุหมายเหตุไว้ว่า ห้ามย้าย จนกว่าจะปฏิบัติหน้าที่ครบ 2 ปี
ช่วงปีแรก ของการทำงานความเป็นอยู่ถือว่าดีเลย มีบ้านพักให้ เดินไปทำงานได้
ออฟฟิตห่างจากบ้านพัก 200 เมตร โดย จขกท จะกลับบ้านทุกวันศุกร์เย็น และมาตอนเช้าวันจันทร์
การทำงานมีทั้งง่ายและยาก สลับกันไป บางงานเคยทำ เพราะเรียนมาก็สามารถทำได้
บางงานเรียกว่าท้าทายมาก สำหรับเด็กใหม่ จขกท ก็พยายามตั้งใจทำจนสำเร็จแม้ว่าจะนานกว่ากำหนดก็ตาม
ผลจากการทำงาน พบปัญหาและอุปสรรคมากมาย ปัญหางาน ปัญหาเพื่อนร่วมงาน บางเรื่องก็ไม่สามารถอธิบายได้
จนวันนึง เมื่อเร็วๆนี้ จขกท เห็นว่า สำนักงานใกล้บ้านมีตำแหน่งว่าง และเป็นตำแหน่งหัวหน้าอีกด้วย
จึงดำเนินการพูดคุยกันด้วยวาจาเบื้องต้น กับผู้บังคับบัญชาทุกระดับที่เกี่ยวข้องทั้งต้นทางและปลายทาง
ซึ่งไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด ทุกส่วนเข้าใจตรงกัน
ครั้น ถึงขั้นตอนทำเอกสาร ผู้บังคับบัญชาระดับสำนัก/กอง ไม่ลงนามอนุมัติในบันทึก
ด้วยเหตุผลว่า “ขาดอัตรากำลังทำงาน จะส่งผลเสียกับทางราชการ”
ซึ่ง จขกท ย้ายไปในตำแหน่งที่ว่าง ไม่ได้เอาเลขอัตราเดิมไปด้วย ถ้าว่างลง ก็สามรถเรียก ขรก ใหม่มาบรรจุได้
จขกท. พยายามชี้แจงความประสงค์ที่จะข้อย้าย ด้วยวาจาของตนเองแล้ว
ก็ยังไม่เป็นผล..... อีกใจก็คิดว่า ตนเองมีความสำคัญกับองค์กรขนาดนั้นเชียวหรือ ขาดคนทำงานจริงหรือ
คนอื่นที่เค้ามีความสามารถมากกว่าเรา ก็มีมาก
มีผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง ในแนวคิดว่า สถานการณ์แบบนี้ทำให้เรารู้ซึ้งถึงจิตใจคน คนไหนหวังดีกับเรา
ใครจะเก็บเราไว้ใกล้มือเพื่อทำประโยชน์ให้เค้าก้าวขึ้นสู่ที่สูง โดยที่เราย้ำอยู่กับที่
จขกท.เลยอย่กรบกวนถามทุกท่านที่มีประสบการณ์การขอย้าย และขอข้อเสนอแนะ
หรือแนวคิดในการปฏิบัติตนต่อไป ในองค์กรที่คบกันด้วยผลประโยชน์และไม่จริงใจต่อกัน
ขอทิ้งท้าย จากประสบการณ์ที่ทำงานมา 2ปี กับ 3เดือน กว่าๆ สอนให้รู้ว่า การเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ
ทำงานตามหน้าที่ ด้วยความขยัน จะเป็นผลเสียกับตนเองอย่างร้ายแรง เพราะคนที่จ้องจะปืดกลั้นโอกาสเราไปก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ก็มีมาก
‘เหรียญมีสองด้าน จิตใจคนก็เช่น’
ขอถามข้าราชการที่ทำเรื่องขอย้าย แต่ผู้บังคับบัญชาไม่อนุมัติ พร้อมกับเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล
ด้วยเจ้าของกระทู้บรรจุเข้ารับราชการพลเรือน เมื่อ วันที่ 1 มีนาคม 2560
ที่จังหวัดซึ่งห่างจากภูมิลำเนา ประมาณ 150 กิโลเมตร
โดยแนบท้ายคำสั่งบรรจุแต่งตั้งนั้นได้ ระบุหมายเหตุไว้ว่า ห้ามย้าย จนกว่าจะปฏิบัติหน้าที่ครบ 2 ปี
ช่วงปีแรก ของการทำงานความเป็นอยู่ถือว่าดีเลย มีบ้านพักให้ เดินไปทำงานได้
ออฟฟิตห่างจากบ้านพัก 200 เมตร โดย จขกท จะกลับบ้านทุกวันศุกร์เย็น และมาตอนเช้าวันจันทร์
การทำงานมีทั้งง่ายและยาก สลับกันไป บางงานเคยทำ เพราะเรียนมาก็สามารถทำได้
บางงานเรียกว่าท้าทายมาก สำหรับเด็กใหม่ จขกท ก็พยายามตั้งใจทำจนสำเร็จแม้ว่าจะนานกว่ากำหนดก็ตาม
ผลจากการทำงาน พบปัญหาและอุปสรรคมากมาย ปัญหางาน ปัญหาเพื่อนร่วมงาน บางเรื่องก็ไม่สามารถอธิบายได้
จนวันนึง เมื่อเร็วๆนี้ จขกท เห็นว่า สำนักงานใกล้บ้านมีตำแหน่งว่าง และเป็นตำแหน่งหัวหน้าอีกด้วย
จึงดำเนินการพูดคุยกันด้วยวาจาเบื้องต้น กับผู้บังคับบัญชาทุกระดับที่เกี่ยวข้องทั้งต้นทางและปลายทาง
ซึ่งไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด ทุกส่วนเข้าใจตรงกัน
ครั้น ถึงขั้นตอนทำเอกสาร ผู้บังคับบัญชาระดับสำนัก/กอง ไม่ลงนามอนุมัติในบันทึก
ด้วยเหตุผลว่า “ขาดอัตรากำลังทำงาน จะส่งผลเสียกับทางราชการ”
ซึ่ง จขกท ย้ายไปในตำแหน่งที่ว่าง ไม่ได้เอาเลขอัตราเดิมไปด้วย ถ้าว่างลง ก็สามรถเรียก ขรก ใหม่มาบรรจุได้
จขกท. พยายามชี้แจงความประสงค์ที่จะข้อย้าย ด้วยวาจาของตนเองแล้ว
ก็ยังไม่เป็นผล..... อีกใจก็คิดว่า ตนเองมีความสำคัญกับองค์กรขนาดนั้นเชียวหรือ ขาดคนทำงานจริงหรือ
คนอื่นที่เค้ามีความสามารถมากกว่าเรา ก็มีมาก
มีผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง ในแนวคิดว่า สถานการณ์แบบนี้ทำให้เรารู้ซึ้งถึงจิตใจคน คนไหนหวังดีกับเรา
ใครจะเก็บเราไว้ใกล้มือเพื่อทำประโยชน์ให้เค้าก้าวขึ้นสู่ที่สูง โดยที่เราย้ำอยู่กับที่
จขกท.เลยอย่กรบกวนถามทุกท่านที่มีประสบการณ์การขอย้าย และขอข้อเสนอแนะ
หรือแนวคิดในการปฏิบัติตนต่อไป ในองค์กรที่คบกันด้วยผลประโยชน์และไม่จริงใจต่อกัน
ขอทิ้งท้าย จากประสบการณ์ที่ทำงานมา 2ปี กับ 3เดือน กว่าๆ สอนให้รู้ว่า การเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ
ทำงานตามหน้าที่ ด้วยความขยัน จะเป็นผลเสียกับตนเองอย่างร้ายแรง เพราะคนที่จ้องจะปืดกลั้นโอกาสเราไปก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ก็มีมาก
‘เหรียญมีสองด้าน จิตใจคนก็เช่น’