ถ้าพูดถึงหนังแอ็คชั่นรถซิ่งชื่อดังอย่าง Fast & Furious ตัวละครหลักที่ดำเนินเรื่องราวมาตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคเก้าในปัจจุบัน ทุกคนคงนึกถึง พี่โล้น กล้ามโต เสียงแหบห้าว อย่าง Vin Diesel ที่รับบทเป็น ยอดอาชญากรนักซิ่งข้างถนนอย่าง Dominic Toretto ซึ่งหนังชุดนี้ก็มีตัวละครประกอบเด่นๆในแต่ละภาคเยอะมาก ขนทีมนักแสดงดังๆแนวหน้ามาแสดงทั้งนั้น พระเอกหลักของเรื่องก็มีพี่ดอมกับไบรอันที่แหละ ที่แฟนๆชื่นชอบกันเยอะ แต่ภาคห้าเป็นต้นไป ความโดดเด่นและบทมาตกอยู่ที่ดอมมากกว่าไบรอัน ทำให้เวลาใครพูดถึงหนังเรื่องฟาส ภาพของพี่โล้นสุดเถื่อนอย่าง วิน ดีเซล ผุดขึ้นมาก่อนอย่างแน่นอน
นาทีนี้ Fast & Furious นั่นถือเป็นแฟรนไซส์หนังแอ็ค
ชั่นภาคต่อที่โด่งดังลงทุนการสร้างแต่ละภาคหลักร้อยล้าน นักแสดงดังๆเพียบ ฉากแอ็คชั่นอลังขึ้นทุกภาค รายได้และคำวิจารณ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆมาจำนวนภาค ไม่แปลกที่ทุกๆ 2-3 ปี ทางทีมงานผู้สร้างและค่ายหนังอย่าง Universal Studios จะเข็นหนังชุดนี้ออกมาให้เห็น ถึงการจากไปของพระเอก Paul Walker ในบทไบรอัน ที่เกือบจะปิดฉากหนังชุดนี้ไปในภาคเจ็ดแล้ว แต่ทางทีมงานผู้สร้างรวมถึงตัว วิน ดีเซล ในฐานะนักแสดงนำและโปรดิวเซอร์ก็ยังคงจะสร้างหนังชุดนี้เป็นอีกหนึ่งไตรภาค 8-10 นี้ต่อไป ด้วยกระแสความฮิตจากคนทั่วโลกด้วย และถ้าไม่มีการสร้างภาคต่อของหนังชุดฟาส พี่วิน ดีเซล แกก็หมดยุคในฐานะดาราดังไปแล้วนะ เพราะแสดงหนังเรื่องอื่นเจ๊งแบบทุกเรื่อง มีหนังชุดฟาสนี่แหละมากู้หน้าการแสดงของแก ถึงบทช่วงหลังๆจะอวยให้เทพเยอะก็ตาม แต่ยังรับได้อยู่
หลายคนที่ดูหนังเรื่องนี้แบบผ่านๆ ดูเอามัน ไม่ได้สนเนื้อเรื่องหรือตัวบทมากมาย ก็จะบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวแข่งรถ จริงๆหนังเรื่อง Fast & Furious ไม่ใช่หนังแนวแข่งรถจ๋า 100% เป็นหนังแนวอาชาญากรรมปนดราม่าในภาคแรก ภาคสองออกแนวหนังคู่หูออกแนวฮา ภาคสามสิ ที่เรียกได้ว่าหนังแนวแข่งรถอย่างเต็มตัว พอหนังดำเนินมาในภาคสี่ออกแนวดราม่าอาชาญากรรมแบบภาคแรก แต่เพิ่มฉากแอ็ค
ชั่นมากขึ้น ภาค 5 เป็นต้นไปสิ แอ็คชั่นเต็มตัวเลย ไม่เน้นแข่งรถแล้ว แค่หนังยังคงึอนเซ็ปต์เดิมจากภาคก่อนๆที่เอารถซิ่ง รถแต่ง มาเป็นองค์ประกอบของหนัง ซึ่งปัจจุบันจะเรียกว่าหนังสงครามก็ได้นะ จากภาค 6-8 เราได้เห็นขบวนรถซิ่งสู้รบกับทั้งรถถัง เครื่ิงบิน โดรนจู่โจม เรือดำน้ำ ขบวนรถติดปืนกลหนัก
หลายคนที่เป็นแฟนหนังฟาสภาคแรก ถึงกับเลิกดูหนังในภาคต่อๆมา ที่สร้างให้หนังตัวบท เนื้อเรื่อง ตัวละคร ทุกอย่างมันดูโอเว่อร์ เกินความเป็นจริงไปหมด คือ โม้เกินไป จนดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่บางเรื่องยังดูสมจริงกว่า มันขาดเสน่ห์ความดิบ ความเป็นหนังแกงค์ ดราม่า แบบภาคแรก มันก็จริง แต่ด้วยการตลาดของโลกภาพยนตร์ ความอยู่รอดของหนังชุดนี้ ถ้าทางทีมงานมัวแต่ทำแนวเดิมๆ เนื้อเรื่องมันก็ตันอยู่แค่ในวงการนักซิ่งอาชาญากรข้างถนน ตอนนี้หนังมันยกระดับทุนในการสร้างและทีมโปรดักชั่นไปมาก หลักร้อยล้าน หนังก็ต้องใส่ความเป็นแอ็คชั่นเพิ่มลงไป จนมาน้องๆหนังแนวสายลับอย่าง James Bond 007 กับหนัง Mission Impossible ไปแล้ว แต่ผมกลับชอบเนื้อหาการนำเสนอที่เปลี่ยนไปแต่เวิร์คของหนังชุดฟาสตั้งแค่ภาค 5 เป็นต้นไปนะ ถึงจะเว่อร์เกินจริงไปมาก แต่เนื้อเรื่องมันเล่นอะไรได้มากกว่าการออกไปแข่งรถออกไปปล้นธรรมดาๆ
พูดถึงตัวพระเอกหลักนาย โดมินิค โทเร็ตโต้ หรือพี่ดอมของเรา ประวัติความเป็นมาในหนังก็ไม่ได้เล่าเจาะลึกชีวประวัติของแกมากมาย รู้ว่า แกเติบโตมาบ้านที่พ่อเคยเป็นนักแข่งรถในสนามแข่ง พ่อแกเป็นคนเคร่งศาสนาคริสต์ ไม่แปลกที่ในหนังเราจะเห็นดอมสวดมนต์บ่อยในช่วงก่อนกินอาหารหรือแม้กระทั่งใช้ไม้กางเขนในวันแต่งงานกับเล็ตตี้ ดอมมีน้องสาวหนึ่งคน คือ มีอา โทเร็ตโต้ พ่อของดอมทำงานเป็นช่างซ่อมรถเปิดอู่อยู่ที่บ้าน นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ดอมผูกพันธ์คั้งแต่เด็ก คือ การซ่อมรถ และการที่แกเก่งการซิ่งรถก็เพราะมาจากผู้เป็นพ่อ ที่เป็นทั้งนักแข่งรถและช่างซ่อมรถ
ช่วงดอมเริ่มวัยรุ่นก็ตามประสาวัยรุ่นหัวโจก รวมแกงค์ละแวกบ้านของแก ที่มีสมาชิกเริ่มต้นแกงค์อย่าง วินซ์, ลีออง, เล็ตตี้ และ เจ็สซี่ รวมแกงค์กันไปซิ่งรถ ตามท้องถนน แรกก็เจ็บกลับมาทั้งนั้น แต่พัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆจนเก่ง และมีสมาชิกพรรคพวกที่รวมตัวกันออกไปปิดถนนซิ่งรถในยามค่ำคืนเพิ่มขึ้นทุกที ส่วนมีอามีออกไปซิ่งรถบ้าง แต่ยังคงเป็นเด็กดีเรียนหนังสือและเรียบร้อยไม่ป้าวเป้งเป็นสก๊อยแบบเล็ตตี้
จุดพลิกผันในชีวิตของดอมเริ่มต้นขึ้น เมื่อเขาได้ไปดูการแข่งรถในสนามแข่งของพ่อเขา แต่โชคร้ายที่ครั้งนี้พ่อของเขาดันตาย โดนรถเบียบแล้วพุ่งชนกับขอบสนามทำให้รถไฟไหม้พ่อของดอมถูกไฟคลอกตายต่อหน้าต่อตา ดอมเห็นหน้าคนขับรถแข่งที่เบียดรถของพ่อของเขาชัดเจน ว่าเป็นใคร ไปสืบประวัติรู้ว่าเป็นภารโรงทำงานให้โรงเรียนแห่งหนึ่ง ดอมนั่นเกิดความแค้น แต่ไม่คิดตั้งใจจะไปทำร้ายภารโรงคนนี้ แต่ด้วยอารมณ์โกธรแค้นที่ควบคุมไม่ได้ของดอม ทำให้แกลงมือใช้ประแจเหล็กไปดักทำร้ายภารโรงคนนี้บางตาย โดยที่ไม่สามารถยับยั้งปีศาจร้ายในตัวได้ เป็นเหตุให้ภารโรงคนนี้อยู่ในอาการโคม่าปางตาย ดอมถูกตำรวจจับติดคุกอยู่สองปี และถูกแบนไม่ให้แข่งรถอีกต่อไปในสนามแข่ง
พอออกมาจากคุก ดอมมาสานต่อเปิดอู่ซ่อมรถต่อจากพ่อ และเปิดร้านขายแซนวิซเล็กๆโดยให้มีอาดูแล แต่ชีวิตแกดันเปลี่ยนไปดิ่งไปสู่การรวมแกงค์นักซิ่งอีกครั้ง นำไปสู่การดักปล้นรถบรรทุกสินค้าตามข้างทางถนนในกรุงแอลเอ ถึงจะไม่ได้ฆ่าใครตายในการปล้น แต่ก็ก่อเหตุปล้นมาหลายครั้ง สร้างความเดือดร้อนต่อทางบริษัทสินค้า และคนขับรถบรรทุกก็มักจะเจ็บตัวและเดือดร้อนไปด้วย ตอนนี้ดอมและพวกทำทีเป็นแค่นักซิ่งรถข้างถนนธรรมดาๆ ที่ทำทีเปิดอู่ซ่อมรถกับร้านแซนวิซบังหน้าพวกตำรวจ จริงๆงานหลักรายได้หลักมาจากการปล้นสินค้ารถบบรทุก พวกเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเล่นดีวีดี และนำไปปล่อยขายต่อ
เป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่ภาคแรก ที่ทำให้ตำรวบแอลเอส่งสายสืบจบใหม่อย่าง ไบรอัน โอคอนเนอร์ ลงมาสืบแฝงตัวอยู่กับแกงค์นักซิ่งเพื่อหาหลักฐานจับตัวพวกแกงค์ปล้นรถบรรทุก จนนำไปสู่การนำพาเหตุการณ์ต่างๆมากมายในภาคต่อๆมา
ความโชคดีของดอม หลังที่ไบรอันเผยตัวว่าเป็นตำรวจแล้ว แต่ด้วยเหตุการณ์ต่างๆที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ความเป็นเพื่อน ครอบครัว และเห็นอกเห็นใจ ทำให้ตอนท้ายไบรอันก็ให้กุญแจของตัวเองให้ดอมหนีไป ไบรอันรู้ตัวดีว่าทำผิดและตัวเองต้องออกจากงานตำรวจ แต่ดอมก็ยังมีความดีในตัวที่น่าเห็นใจอยู่ เลยปล่อยผู้ร้ายไป
ดอมหนีการไล่ล่าของตำรวจทั้งแอลเอไปตั้งรกรากใหม่กับเล็ตตี้แฟนของเขา ไกลถึงประเทศเม็กซิโก ต่อมาหนีมาอยู่ในสาธารณรัฐโดมินิกัน และแต่งงานกัน ดอมและเล็ตตี้ก็มิวายคงความเป็นทั้งนักซิ่งรถและโจรปล้นในเวลาเดียวกัน ไปที่ใหม่ก็ได้ทีมสมาชิกใหม่ อย่าง ฮาน เป็นต้น คราวนี้พี่ดอมแกเปลี่ยนจากปล้นรถบรรทุกสินค้า มาดักปล้นรถบรรทุกน้ำมันตามหุบเขาแทน เพื่อเอาน้ำมันไปใช้ในการแข่งรถและนำไปขาย และแกยังคงเปิดอู่ซ่อมรถบังหน้าพวกตำรวจเช่นเคย แต่ช่วงหลังๆก็ทำพลาดจนพวกตำรวจตามไล่บี้มาทัน ทำให้ดอมรู้สึกไม่อยากให้เล็ตตี้และคนในทีมเดือดร้อนเพราะตนเอง เลยหอบข้าวของหนีไปทำงานอยู่ในเม็กซิโกเหมือนเคย ส่วนมีอาน้องสาวของดอมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการปล้นของดอม เธอยังคงอยู่ที่บ้านหลังเดิมในแอลเอ โดยช่วงเวลาห้าปีที่ดอมหนีตำรวจหัวซุกหัวซุนก็ไม่ได้ติดต่อมีอามาเลย จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์การฆาตกรรมเล็ตตี้เกิดขึ้น แล้วมีอาโทรมาบอกข่าว.. ทำให้ดอมต้องกลับมาที่แอลเออีกครั้ง นำพาไปสู่เหตุการณ์ในภาคสี่ ที่ไบรอันกับดอมมาเจอกันโดยไม่ได้ตั้งใจต่างจุดประสงค์แต่ท้ายที่สุดก็ต้องร่วมกันปราบแกงค์ค้ายาเสพติดเม็กซิโก "บราก้า" นั่นเอง
ยอดพระเอกนักซิ่ง Dominic Toretto ชีวิตที่เต็มไปด้วยทั้งความโชคร้ายและโชคดี
นาทีนี้ Fast & Furious นั่นถือเป็นแฟรนไซส์หนังแอ็ค
ชั่นภาคต่อที่โด่งดังลงทุนการสร้างแต่ละภาคหลักร้อยล้าน นักแสดงดังๆเพียบ ฉากแอ็คชั่นอลังขึ้นทุกภาค รายได้และคำวิจารณ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆมาจำนวนภาค ไม่แปลกที่ทุกๆ 2-3 ปี ทางทีมงานผู้สร้างและค่ายหนังอย่าง Universal Studios จะเข็นหนังชุดนี้ออกมาให้เห็น ถึงการจากไปของพระเอก Paul Walker ในบทไบรอัน ที่เกือบจะปิดฉากหนังชุดนี้ไปในภาคเจ็ดแล้ว แต่ทางทีมงานผู้สร้างรวมถึงตัว วิน ดีเซล ในฐานะนักแสดงนำและโปรดิวเซอร์ก็ยังคงจะสร้างหนังชุดนี้เป็นอีกหนึ่งไตรภาค 8-10 นี้ต่อไป ด้วยกระแสความฮิตจากคนทั่วโลกด้วย และถ้าไม่มีการสร้างภาคต่อของหนังชุดฟาส พี่วิน ดีเซล แกก็หมดยุคในฐานะดาราดังไปแล้วนะ เพราะแสดงหนังเรื่องอื่นเจ๊งแบบทุกเรื่อง มีหนังชุดฟาสนี่แหละมากู้หน้าการแสดงของแก ถึงบทช่วงหลังๆจะอวยให้เทพเยอะก็ตาม แต่ยังรับได้อยู่
หลายคนที่ดูหนังเรื่องนี้แบบผ่านๆ ดูเอามัน ไม่ได้สนเนื้อเรื่องหรือตัวบทมากมาย ก็จะบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวแข่งรถ จริงๆหนังเรื่อง Fast & Furious ไม่ใช่หนังแนวแข่งรถจ๋า 100% เป็นหนังแนวอาชาญากรรมปนดราม่าในภาคแรก ภาคสองออกแนวหนังคู่หูออกแนวฮา ภาคสามสิ ที่เรียกได้ว่าหนังแนวแข่งรถอย่างเต็มตัว พอหนังดำเนินมาในภาคสี่ออกแนวดราม่าอาชาญากรรมแบบภาคแรก แต่เพิ่มฉากแอ็ค
ชั่นมากขึ้น ภาค 5 เป็นต้นไปสิ แอ็คชั่นเต็มตัวเลย ไม่เน้นแข่งรถแล้ว แค่หนังยังคงึอนเซ็ปต์เดิมจากภาคก่อนๆที่เอารถซิ่ง รถแต่ง มาเป็นองค์ประกอบของหนัง ซึ่งปัจจุบันจะเรียกว่าหนังสงครามก็ได้นะ จากภาค 6-8 เราได้เห็นขบวนรถซิ่งสู้รบกับทั้งรถถัง เครื่ิงบิน โดรนจู่โจม เรือดำน้ำ ขบวนรถติดปืนกลหนัก
หลายคนที่เป็นแฟนหนังฟาสภาคแรก ถึงกับเลิกดูหนังในภาคต่อๆมา ที่สร้างให้หนังตัวบท เนื้อเรื่อง ตัวละคร ทุกอย่างมันดูโอเว่อร์ เกินความเป็นจริงไปหมด คือ โม้เกินไป จนดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่บางเรื่องยังดูสมจริงกว่า มันขาดเสน่ห์ความดิบ ความเป็นหนังแกงค์ ดราม่า แบบภาคแรก มันก็จริง แต่ด้วยการตลาดของโลกภาพยนตร์ ความอยู่รอดของหนังชุดนี้ ถ้าทางทีมงานมัวแต่ทำแนวเดิมๆ เนื้อเรื่องมันก็ตันอยู่แค่ในวงการนักซิ่งอาชาญากรข้างถนน ตอนนี้หนังมันยกระดับทุนในการสร้างและทีมโปรดักชั่นไปมาก หลักร้อยล้าน หนังก็ต้องใส่ความเป็นแอ็คชั่นเพิ่มลงไป จนมาน้องๆหนังแนวสายลับอย่าง James Bond 007 กับหนัง Mission Impossible ไปแล้ว แต่ผมกลับชอบเนื้อหาการนำเสนอที่เปลี่ยนไปแต่เวิร์คของหนังชุดฟาสตั้งแค่ภาค 5 เป็นต้นไปนะ ถึงจะเว่อร์เกินจริงไปมาก แต่เนื้อเรื่องมันเล่นอะไรได้มากกว่าการออกไปแข่งรถออกไปปล้นธรรมดาๆ
พูดถึงตัวพระเอกหลักนาย โดมินิค โทเร็ตโต้ หรือพี่ดอมของเรา ประวัติความเป็นมาในหนังก็ไม่ได้เล่าเจาะลึกชีวประวัติของแกมากมาย รู้ว่า แกเติบโตมาบ้านที่พ่อเคยเป็นนักแข่งรถในสนามแข่ง พ่อแกเป็นคนเคร่งศาสนาคริสต์ ไม่แปลกที่ในหนังเราจะเห็นดอมสวดมนต์บ่อยในช่วงก่อนกินอาหารหรือแม้กระทั่งใช้ไม้กางเขนในวันแต่งงานกับเล็ตตี้ ดอมมีน้องสาวหนึ่งคน คือ มีอา โทเร็ตโต้ พ่อของดอมทำงานเป็นช่างซ่อมรถเปิดอู่อยู่ที่บ้าน นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ดอมผูกพันธ์คั้งแต่เด็ก คือ การซ่อมรถ และการที่แกเก่งการซิ่งรถก็เพราะมาจากผู้เป็นพ่อ ที่เป็นทั้งนักแข่งรถและช่างซ่อมรถ
ช่วงดอมเริ่มวัยรุ่นก็ตามประสาวัยรุ่นหัวโจก รวมแกงค์ละแวกบ้านของแก ที่มีสมาชิกเริ่มต้นแกงค์อย่าง วินซ์, ลีออง, เล็ตตี้ และ เจ็สซี่ รวมแกงค์กันไปซิ่งรถ ตามท้องถนน แรกก็เจ็บกลับมาทั้งนั้น แต่พัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆจนเก่ง และมีสมาชิกพรรคพวกที่รวมตัวกันออกไปปิดถนนซิ่งรถในยามค่ำคืนเพิ่มขึ้นทุกที ส่วนมีอามีออกไปซิ่งรถบ้าง แต่ยังคงเป็นเด็กดีเรียนหนังสือและเรียบร้อยไม่ป้าวเป้งเป็นสก๊อยแบบเล็ตตี้
จุดพลิกผันในชีวิตของดอมเริ่มต้นขึ้น เมื่อเขาได้ไปดูการแข่งรถในสนามแข่งของพ่อเขา แต่โชคร้ายที่ครั้งนี้พ่อของเขาดันตาย โดนรถเบียบแล้วพุ่งชนกับขอบสนามทำให้รถไฟไหม้พ่อของดอมถูกไฟคลอกตายต่อหน้าต่อตา ดอมเห็นหน้าคนขับรถแข่งที่เบียดรถของพ่อของเขาชัดเจน ว่าเป็นใคร ไปสืบประวัติรู้ว่าเป็นภารโรงทำงานให้โรงเรียนแห่งหนึ่ง ดอมนั่นเกิดความแค้น แต่ไม่คิดตั้งใจจะไปทำร้ายภารโรงคนนี้ แต่ด้วยอารมณ์โกธรแค้นที่ควบคุมไม่ได้ของดอม ทำให้แกลงมือใช้ประแจเหล็กไปดักทำร้ายภารโรงคนนี้บางตาย โดยที่ไม่สามารถยับยั้งปีศาจร้ายในตัวได้ เป็นเหตุให้ภารโรงคนนี้อยู่ในอาการโคม่าปางตาย ดอมถูกตำรวจจับติดคุกอยู่สองปี และถูกแบนไม่ให้แข่งรถอีกต่อไปในสนามแข่ง
พอออกมาจากคุก ดอมมาสานต่อเปิดอู่ซ่อมรถต่อจากพ่อ และเปิดร้านขายแซนวิซเล็กๆโดยให้มีอาดูแล แต่ชีวิตแกดันเปลี่ยนไปดิ่งไปสู่การรวมแกงค์นักซิ่งอีกครั้ง นำไปสู่การดักปล้นรถบรรทุกสินค้าตามข้างทางถนนในกรุงแอลเอ ถึงจะไม่ได้ฆ่าใครตายในการปล้น แต่ก็ก่อเหตุปล้นมาหลายครั้ง สร้างความเดือดร้อนต่อทางบริษัทสินค้า และคนขับรถบรรทุกก็มักจะเจ็บตัวและเดือดร้อนไปด้วย ตอนนี้ดอมและพวกทำทีเป็นแค่นักซิ่งรถข้างถนนธรรมดาๆ ที่ทำทีเปิดอู่ซ่อมรถกับร้านแซนวิซบังหน้าพวกตำรวจ จริงๆงานหลักรายได้หลักมาจากการปล้นสินค้ารถบบรทุก พวกเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเล่นดีวีดี และนำไปปล่อยขายต่อ
เป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่ภาคแรก ที่ทำให้ตำรวบแอลเอส่งสายสืบจบใหม่อย่าง ไบรอัน โอคอนเนอร์ ลงมาสืบแฝงตัวอยู่กับแกงค์นักซิ่งเพื่อหาหลักฐานจับตัวพวกแกงค์ปล้นรถบรรทุก จนนำไปสู่การนำพาเหตุการณ์ต่างๆมากมายในภาคต่อๆมา
ความโชคดีของดอม หลังที่ไบรอันเผยตัวว่าเป็นตำรวจแล้ว แต่ด้วยเหตุการณ์ต่างๆที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ความเป็นเพื่อน ครอบครัว และเห็นอกเห็นใจ ทำให้ตอนท้ายไบรอันก็ให้กุญแจของตัวเองให้ดอมหนีไป ไบรอันรู้ตัวดีว่าทำผิดและตัวเองต้องออกจากงานตำรวจ แต่ดอมก็ยังมีความดีในตัวที่น่าเห็นใจอยู่ เลยปล่อยผู้ร้ายไป
ดอมหนีการไล่ล่าของตำรวจทั้งแอลเอไปตั้งรกรากใหม่กับเล็ตตี้แฟนของเขา ไกลถึงประเทศเม็กซิโก ต่อมาหนีมาอยู่ในสาธารณรัฐโดมินิกัน และแต่งงานกัน ดอมและเล็ตตี้ก็มิวายคงความเป็นทั้งนักซิ่งรถและโจรปล้นในเวลาเดียวกัน ไปที่ใหม่ก็ได้ทีมสมาชิกใหม่ อย่าง ฮาน เป็นต้น คราวนี้พี่ดอมแกเปลี่ยนจากปล้นรถบรรทุกสินค้า มาดักปล้นรถบรรทุกน้ำมันตามหุบเขาแทน เพื่อเอาน้ำมันไปใช้ในการแข่งรถและนำไปขาย และแกยังคงเปิดอู่ซ่อมรถบังหน้าพวกตำรวจเช่นเคย แต่ช่วงหลังๆก็ทำพลาดจนพวกตำรวจตามไล่บี้มาทัน ทำให้ดอมรู้สึกไม่อยากให้เล็ตตี้และคนในทีมเดือดร้อนเพราะตนเอง เลยหอบข้าวของหนีไปทำงานอยู่ในเม็กซิโกเหมือนเคย ส่วนมีอาน้องสาวของดอมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการปล้นของดอม เธอยังคงอยู่ที่บ้านหลังเดิมในแอลเอ โดยช่วงเวลาห้าปีที่ดอมหนีตำรวจหัวซุกหัวซุนก็ไม่ได้ติดต่อมีอามาเลย จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์การฆาตกรรมเล็ตตี้เกิดขึ้น แล้วมีอาโทรมาบอกข่าว.. ทำให้ดอมต้องกลับมาที่แอลเออีกครั้ง นำพาไปสู่เหตุการณ์ในภาคสี่ ที่ไบรอันกับดอมมาเจอกันโดยไม่ได้ตั้งใจต่างจุดประสงค์แต่ท้ายที่สุดก็ต้องร่วมกันปราบแกงค์ค้ายาเสพติดเม็กซิโก "บราก้า" นั่นเอง