โดยส่วนตัวผมก็โตมากับแฟรนไซส์หนังแอ็คชั่นเรื่องนี้ ถึงไม่ได้ชอบมากมาย แต่ก็ดูและติดตามมาตลอดระยะเวลาเกือบสิบปี เป็นหนังที่ทำเงินหลักร้อยล้านทั่วโลกและทำให้ค่ายหนังยูนิเวอร์แซล ต้องมีคิวถอยหนังฟาสมาทุกๆสองถึงสามปี ให้เราได้ดูกัน จนตอนนี้เริ่มเบื่อหน้าพี่ วิน ดีเซล กับ พี่ เดอะร็อค ซะละออกมาบู๊บ่อยเกิ๊น ไปเล่นเรื่องอื่นๆบทอื่นๆบ้างก็ดี
ผมรู้สึกชอบโทนหนังภาคแรกมากๆเลยครับ Fast & Furious ในปี 2001 ผู้กำกับ Rob Cohen ที่ภายหลังในปี 2002 ได้ดึงพี่ วิน ดีเซล ไปเล่นหนังสายลับสุดเกรียนล้อเลียน 007 เรื่อง xXx
ผมว่า ภาคแรก คือจุดเริ่มต้นของหนังภาคต่อที่ดี การปูเนื้อเรื่อง ความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ หนังภาคแรกไม่ได้บู๊เว่อร์วังแบบภาคหลังๆ ดูสมจริงเรื่องการดำเนินเรื่อง ความเป็นเหตุเป็นผล หนังไม่ได้เน้นเรื่องรถยนต์หรือฉากแข่งรถมากมาย เน้นเรื่อง การสืบหาตัวคนร้ายมากกว่าและความสัมพันธ์ของดอมและไบรอัน เพลงประกอบแต่ละฉากในหนังคือ เร้าใจเรามากๆ ทั้งเพลงแนวร็อค,แร็พ,R&B คือใส่มาถูกจังหวะมากๆ และ ความดิบ ความดวล ที่มีดฉพาะในภาคแรก ไม่เน้นใส่ CG หรือมีฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อม นี่คือจุดที่ชอบภาคแรก ฉากไล่ล่ารถยนต์ฉากสุดท้ายก็สนุกดี ที่ดอมกับไบรอัน ขับรถไล่ล่าแก๊งค์มอเตอร์ไซค์ ไบรอันแกเท่มากตอนเล็งปืนยิงหนึ่งในแก๊งค์แด็กแว้นตาย จนไปถึงฉากจบที่สองพระเอกแข่งรถเป็นระยะทาง 1/4 ไมล์ กับฉากตำนานขับรถพุ่งกลางขบวนรถไฟ และฉากจบสุดซึ้งที่ไบรอันให้กุญแจรถให้ดอมหนีไป ดูแล้วรู้เลยว่า ขณะนั้นเวลานั้นไบรอันก็รู้ว่าทำผิดทางกฎหมายและรู้ว่าดอมเป็นคนปล้นรถบรรทุกจริงๆแต่มันจับไม่ลงเพราะด้วยความเป็นมิตรภาพ
ภาคสอง : คือหนังเกรดซีสำหรับผม หนังดูได้เรื่อยๆเอื่อยๆ เล่าเรื่องขณะไบรอันถูกปลดจากกรมตำรวตแอลเอ แล้วหนีตำรวจไปใช้ชีวิตเป็นเด็กแว๊นรถเต็มตัว ภาคนี้เหตุเกิดในเมืองไมอามี่
เราได้เห็นความดิบ เกรียน ครั้งแรกของโรมัน
เพรียซ ที่โผล่มาเป็นคู่หูไบรอันในภาคนี้ ในการทำภารกิจแฝงตัวเป็นกลุ่มนักซิ่งหาหลักฐานจับกุมนักธุรกิจเถื่อน ภาคนี้ บทห่วย ความดิบ ดวล แบบภาคแรกหายไป ฉากแอ็คชั่นน้อยพอๆกับภาคแรกแต่ไม่ตราตรึงใจเท่าภาคแรก ที่ดูหนังจบเพราะความหล่อของพี่พอล วอล์กเกอร์กับนางเอกละตินสุดเซ็กซี่ อีวา เมนเดส อย่างเดียว
ภาคสาม : เนื้อเรื่องดูดีกว่าภาคสองหน่อย
ออกดราม่าเยอะ เป็นหนังเด็กมีปัญหาที่ชอบก่อเรื่องไปซิ่งรถกับเจ้าพ่อมาเฟีย นางเอกไม่สวย พระเอกดูเด็กไก่อ่อนเกินไป ไม่มีฉากแอ็คชั่นโดนๆเลยในภาคนี้ เป็นหนังแข่งรถอย่างเดียว ภาคนี้ชอบแค่บทของฮานอย่างเดียว ออกมาขโมยซีนพระเอก ตอนดริฟท์รถนี่โคตรเท่เลย
ภาคสี่ : เป็นการกลับมารวมทีมไปบู๊กับพวกผู้ร้ายได้ดีเยี่ยมสำหรับ ไบรอัน กับ ดอม ผูกเรื่องให้สองพระเอกกลับมารวมทีมได้ดี หนังออกแนวแอ็คชั่นอาชญากรรม ไม่เน้นเรื่องแข่งรถมาก เน้นประเด็นสืบสวนสอบสวน ซึ่งตรงนี้ผมชอบมาก ดอมก็กลับมาในแอลเอเพื่อสืบหาคนฆ่าเล็ตตี้ ไบรอันกับพวกเอฟบีไอก็ต้องการจับกุมแก๊งค์ค้ายาเม็กซิโก หนังดูสนุกมากๆในภาคนี้
ฉากแอ็คชั่นเกี่ยวกับรถก็ทำได้ดี มี CG มาเพิ่มในภาคนี้ เพิ่มเว่อร์ขึ้นเล็กน้อย ตั้งแต่ฉากแรกที่พวกดอมไปปล้นรถบรรทุกน้ำมัน ผมชอบที่สุดคือฉากสุดท้ายที่สองพระเอกขับรถข้ามพรมแดนไปจับตัวบราก้ามารับผิดในอเมริกา ต้องขับรถไล่ล่า ฝ่าดงกระสุนของพวกแก๊งค์บราก้า ขับเข้าอุโมงค์ที่กำลังถล่ม คือ ลุ้นสุดๆเลย จนฉากจบที่ไบรอันกับมีอาขับรถไปช่วยดอมในรถขนนักโทษ คือ ทำให้ผมอยากดูภาคต่อเลยครับ
ภาคห้า : คือที่สุดของผม ถ้าพูดถึงชอบภาคไหนที่สุด คำตอบคือภาคนี้ครับ Fast Five ในปี 2011 ผู้กำกับเจ้าเดิม Justin Lin จากภาคสี่และคนเขียนบท Chris Morgan ภาคนี้เรียกว่า กลมกล่อม บทของแต่ละตัวละครดีมาก แต่ละฉากครีเอตสุดๆ ฉากแอ็คชั่นมีกำลังดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป ดูดิบๆ ดวลๆ แบบภาคแรก เว่อร์ขึ้นกว่าภาคสี่นิดหน่อยพอรับได้ เป็นภาคที่พวกดอมเจอศูตรที่ยกระดับขึ้น เป็นเจ้าพ่อค้ายาที่มีสมุนเยอะทั่วเมืองริโอ แถมตำรวจเกือบทั้งเมืองเป็นพวก จะปล้นเงินของเขา ดอมกับไบรอันจึงต้องเรียกตัวสมาชิกภาคเก่าๆมาช่วยกันวางแผนปล้น ซึ่งตรงนี้ผมชอบมากๆ ที่ได้เห็นการทำงานเป็นทีม และดูสมจริงกว่าที่สองพระเอกจะทำกันเอง แถมภาคนี้พวกดอมยังเจอศึกหนัก พี่ ลุค ฮ็ฮบบ์ จนท.ดีเอสเอสสุดโหด ที่ยกพวกตรงดิ่งมาจากอเมริกาเพื่อจับกุมดอมกับไบรอัน คือ พี่แกมาโหดมาก ทั้งยิง ทั้งต่อย ไล่ล่าแบบหมาบ้ากัดไม่ปล่อย ทำให้ภารกิจการปล้นครั้งนี้ยากขึ้น ฉากดอมต่อยกับฮ็ฮบบ์ก็ดุเดือดใช่ย่อย เล่นซะข้าวของพังกระจาย หยิบประแจฟาดกัน ดิบโคตรๆ
ฉากสุดท้ายคือสุดยอดไคล์แมกซ์ในภาคนี้ สองพระเอกขับรถบุกสถานีตำรวจลากตู้เซฟของตัวร้าย ฝ่าดงกระสุน ซิ่งถล่มเมืองริโอ แถมซ้อนแผนมีการเปลี่ยนตู้เซฟระหว่างทางด้วย เล่นเอาฮ็ฮบบ์ตามไม่ทันเลย 555 แถมฉากดอมโยนรถอัดใส่หน้าตัวร้ายนี่คือ โคตรสะใจเลย และจบ happy ending มากภาคนี้ ตอนเปิดตู้เซฟเงินมหาศาลทะลักออกมาแบบ โหย...เยอะไปไหน
ภาคหกถึงแปด คือ ดูเอามันอย่างเดียว เน้นยิงกันเยอะและฉากต่อสู้มือเปล่ายัดมาแยะ หนังโคตรจะเว่อร์วัง เนื้อเรื่องก็ยังเข้มข้น ดูสนุกอยู่ แต่ฉากแอ็คชั่นนี่สิ เว่อร์เกินไป คือ หนังยังหยิบประเด็นทีมพระเอกโชว์เก๋าอยู่ แต่ฝีมือมันจะเก่งเกินแก๊งค์นักซิ่ง ทั้งสกิลขับรถที่เก่งเกินหน้าเกินตา การต่อสู้มือเปล่า และการใช่อุปกรณ์ต่างๆ ที่ดูเหมือนถูกเทรนมาจากหน่วยรบพิเศษ ไม่ก็พวกสายลับ คือ เว่อร์เกิน ไหนจะฉากลิเกๆพี่ดอมโชว์สกิลพระเอกไทยเกิน พูดจา หวานซึ้ง กระโดดลอยข้ามสะพานไปรับตัวเล็ตตี้ (ฉากนี้โคตรฮาเลย) ภาคเจ็ด ขับรถทะลุตึก แบบ เห้ย...
บ้าไปแล้วไอโล้น ฉากสุดท้ายมีโดรนมาไล่ยิงแก๊งค์นักซิ่งบนถนนแอลเอ คือ มันดูเกินความเป็นจริงไปเยอะอะ แถมพวกพระเอกก็ชนะแบบฟรุคๆด้วยนะ ภาคเจ็ดตราตรึงใจเฉพาะฉากอำลาพอล วอล์กเกอร์คือทำซึ้งกินใจมาก ดูแล้วเรียกน้ำตาเลย
โผล่มาภาคแปด มันคือหนังสงครามรถซิ่งใช่ไหมเนี่ย ดูจบแล้ว คือ หนังมันเว่อร์ได้อีกอะ เนื้อเรื่องก็แปลกๆ บทของตัวละครดู งงๆ ไงไม่รู้ หนังเน้นแต่ฉากยิงกัน ขับรถติดอาวุธไล่ล่ากัน แบบไม่แคร์ผู้คน ตัวร้ายภาคนี้ดูนางจิตๆดี ไซเฟอร์ สวย จิต สามารถต้อนดอมได้ แต่ มันดูเว่อร์เกินความเป็นจริงมาก บางฉากก็ยาวเกินไป คือ ตัดไปซักห้าถึงสิบนาที หนังจะกลมกล่อมกว่านี้
คือ ตอนนี้ผมว่าหนังเริ่มเปลี่ยนแนวเป็นหนัง สายลับไปเสียละ ตั้งแต่ภาคหกกะภาคเจ็ดที่พวกดอมมาทำงานให้หน่วยลับกองทัพบกของมิสเตอร์โนบอดี้กับหน่วยดีเอสเอสของฮ็ฮบบ์ และผันตัวจากกลุ่มโจรนักซิ่งไปงานให้รัฐบาลสหรัฐ ตอนนี้แก๊งค์นักซิ่งนี้ ผมว่าฝีมือสูสีกับ หน่วย IMF ของอีธาน ฉันท์ ในเรื่อง MI เลย 555
สรุปภาคที่ผมชอบสุดๆ คือ ภาคห้า
ภาคที่เกลียดที่สุด คือ ภาคสองกะสาม ห่วยพอกัน
เรื่อง Fast & Furious กับภาคที่คุณประทับใจที่สุด และ ภาคที่เกลียดที่สุด
ผมรู้สึกชอบโทนหนังภาคแรกมากๆเลยครับ Fast & Furious ในปี 2001 ผู้กำกับ Rob Cohen ที่ภายหลังในปี 2002 ได้ดึงพี่ วิน ดีเซล ไปเล่นหนังสายลับสุดเกรียนล้อเลียน 007 เรื่อง xXx
ผมว่า ภาคแรก คือจุดเริ่มต้นของหนังภาคต่อที่ดี การปูเนื้อเรื่อง ความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ หนังภาคแรกไม่ได้บู๊เว่อร์วังแบบภาคหลังๆ ดูสมจริงเรื่องการดำเนินเรื่อง ความเป็นเหตุเป็นผล หนังไม่ได้เน้นเรื่องรถยนต์หรือฉากแข่งรถมากมาย เน้นเรื่อง การสืบหาตัวคนร้ายมากกว่าและความสัมพันธ์ของดอมและไบรอัน เพลงประกอบแต่ละฉากในหนังคือ เร้าใจเรามากๆ ทั้งเพลงแนวร็อค,แร็พ,R&B คือใส่มาถูกจังหวะมากๆ และ ความดิบ ความดวล ที่มีดฉพาะในภาคแรก ไม่เน้นใส่ CG หรือมีฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อม นี่คือจุดที่ชอบภาคแรก ฉากไล่ล่ารถยนต์ฉากสุดท้ายก็สนุกดี ที่ดอมกับไบรอัน ขับรถไล่ล่าแก๊งค์มอเตอร์ไซค์ ไบรอันแกเท่มากตอนเล็งปืนยิงหนึ่งในแก๊งค์แด็กแว้นตาย จนไปถึงฉากจบที่สองพระเอกแข่งรถเป็นระยะทาง 1/4 ไมล์ กับฉากตำนานขับรถพุ่งกลางขบวนรถไฟ และฉากจบสุดซึ้งที่ไบรอันให้กุญแจรถให้ดอมหนีไป ดูแล้วรู้เลยว่า ขณะนั้นเวลานั้นไบรอันก็รู้ว่าทำผิดทางกฎหมายและรู้ว่าดอมเป็นคนปล้นรถบรรทุกจริงๆแต่มันจับไม่ลงเพราะด้วยความเป็นมิตรภาพ
ภาคสอง : คือหนังเกรดซีสำหรับผม หนังดูได้เรื่อยๆเอื่อยๆ เล่าเรื่องขณะไบรอันถูกปลดจากกรมตำรวตแอลเอ แล้วหนีตำรวจไปใช้ชีวิตเป็นเด็กแว๊นรถเต็มตัว ภาคนี้เหตุเกิดในเมืองไมอามี่
เราได้เห็นความดิบ เกรียน ครั้งแรกของโรมัน
เพรียซ ที่โผล่มาเป็นคู่หูไบรอันในภาคนี้ ในการทำภารกิจแฝงตัวเป็นกลุ่มนักซิ่งหาหลักฐานจับกุมนักธุรกิจเถื่อน ภาคนี้ บทห่วย ความดิบ ดวล แบบภาคแรกหายไป ฉากแอ็คชั่นน้อยพอๆกับภาคแรกแต่ไม่ตราตรึงใจเท่าภาคแรก ที่ดูหนังจบเพราะความหล่อของพี่พอล วอล์กเกอร์กับนางเอกละตินสุดเซ็กซี่ อีวา เมนเดส อย่างเดียว
ภาคสาม : เนื้อเรื่องดูดีกว่าภาคสองหน่อย
ออกดราม่าเยอะ เป็นหนังเด็กมีปัญหาที่ชอบก่อเรื่องไปซิ่งรถกับเจ้าพ่อมาเฟีย นางเอกไม่สวย พระเอกดูเด็กไก่อ่อนเกินไป ไม่มีฉากแอ็คชั่นโดนๆเลยในภาคนี้ เป็นหนังแข่งรถอย่างเดียว ภาคนี้ชอบแค่บทของฮานอย่างเดียว ออกมาขโมยซีนพระเอก ตอนดริฟท์รถนี่โคตรเท่เลย
ภาคสี่ : เป็นการกลับมารวมทีมไปบู๊กับพวกผู้ร้ายได้ดีเยี่ยมสำหรับ ไบรอัน กับ ดอม ผูกเรื่องให้สองพระเอกกลับมารวมทีมได้ดี หนังออกแนวแอ็คชั่นอาชญากรรม ไม่เน้นเรื่องแข่งรถมาก เน้นประเด็นสืบสวนสอบสวน ซึ่งตรงนี้ผมชอบมาก ดอมก็กลับมาในแอลเอเพื่อสืบหาคนฆ่าเล็ตตี้ ไบรอันกับพวกเอฟบีไอก็ต้องการจับกุมแก๊งค์ค้ายาเม็กซิโก หนังดูสนุกมากๆในภาคนี้
ฉากแอ็คชั่นเกี่ยวกับรถก็ทำได้ดี มี CG มาเพิ่มในภาคนี้ เพิ่มเว่อร์ขึ้นเล็กน้อย ตั้งแต่ฉากแรกที่พวกดอมไปปล้นรถบรรทุกน้ำมัน ผมชอบที่สุดคือฉากสุดท้ายที่สองพระเอกขับรถข้ามพรมแดนไปจับตัวบราก้ามารับผิดในอเมริกา ต้องขับรถไล่ล่า ฝ่าดงกระสุนของพวกแก๊งค์บราก้า ขับเข้าอุโมงค์ที่กำลังถล่ม คือ ลุ้นสุดๆเลย จนฉากจบที่ไบรอันกับมีอาขับรถไปช่วยดอมในรถขนนักโทษ คือ ทำให้ผมอยากดูภาคต่อเลยครับ
ภาคห้า : คือที่สุดของผม ถ้าพูดถึงชอบภาคไหนที่สุด คำตอบคือภาคนี้ครับ Fast Five ในปี 2011 ผู้กำกับเจ้าเดิม Justin Lin จากภาคสี่และคนเขียนบท Chris Morgan ภาคนี้เรียกว่า กลมกล่อม บทของแต่ละตัวละครดีมาก แต่ละฉากครีเอตสุดๆ ฉากแอ็คชั่นมีกำลังดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป ดูดิบๆ ดวลๆ แบบภาคแรก เว่อร์ขึ้นกว่าภาคสี่นิดหน่อยพอรับได้ เป็นภาคที่พวกดอมเจอศูตรที่ยกระดับขึ้น เป็นเจ้าพ่อค้ายาที่มีสมุนเยอะทั่วเมืองริโอ แถมตำรวจเกือบทั้งเมืองเป็นพวก จะปล้นเงินของเขา ดอมกับไบรอันจึงต้องเรียกตัวสมาชิกภาคเก่าๆมาช่วยกันวางแผนปล้น ซึ่งตรงนี้ผมชอบมากๆ ที่ได้เห็นการทำงานเป็นทีม และดูสมจริงกว่าที่สองพระเอกจะทำกันเอง แถมภาคนี้พวกดอมยังเจอศึกหนัก พี่ ลุค ฮ็ฮบบ์ จนท.ดีเอสเอสสุดโหด ที่ยกพวกตรงดิ่งมาจากอเมริกาเพื่อจับกุมดอมกับไบรอัน คือ พี่แกมาโหดมาก ทั้งยิง ทั้งต่อย ไล่ล่าแบบหมาบ้ากัดไม่ปล่อย ทำให้ภารกิจการปล้นครั้งนี้ยากขึ้น ฉากดอมต่อยกับฮ็ฮบบ์ก็ดุเดือดใช่ย่อย เล่นซะข้าวของพังกระจาย หยิบประแจฟาดกัน ดิบโคตรๆ
ฉากสุดท้ายคือสุดยอดไคล์แมกซ์ในภาคนี้ สองพระเอกขับรถบุกสถานีตำรวจลากตู้เซฟของตัวร้าย ฝ่าดงกระสุน ซิ่งถล่มเมืองริโอ แถมซ้อนแผนมีการเปลี่ยนตู้เซฟระหว่างทางด้วย เล่นเอาฮ็ฮบบ์ตามไม่ทันเลย 555 แถมฉากดอมโยนรถอัดใส่หน้าตัวร้ายนี่คือ โคตรสะใจเลย และจบ happy ending มากภาคนี้ ตอนเปิดตู้เซฟเงินมหาศาลทะลักออกมาแบบ โหย...เยอะไปไหน
ภาคหกถึงแปด คือ ดูเอามันอย่างเดียว เน้นยิงกันเยอะและฉากต่อสู้มือเปล่ายัดมาแยะ หนังโคตรจะเว่อร์วัง เนื้อเรื่องก็ยังเข้มข้น ดูสนุกอยู่ แต่ฉากแอ็คชั่นนี่สิ เว่อร์เกินไป คือ หนังยังหยิบประเด็นทีมพระเอกโชว์เก๋าอยู่ แต่ฝีมือมันจะเก่งเกินแก๊งค์นักซิ่ง ทั้งสกิลขับรถที่เก่งเกินหน้าเกินตา การต่อสู้มือเปล่า และการใช่อุปกรณ์ต่างๆ ที่ดูเหมือนถูกเทรนมาจากหน่วยรบพิเศษ ไม่ก็พวกสายลับ คือ เว่อร์เกิน ไหนจะฉากลิเกๆพี่ดอมโชว์สกิลพระเอกไทยเกิน พูดจา หวานซึ้ง กระโดดลอยข้ามสะพานไปรับตัวเล็ตตี้ (ฉากนี้โคตรฮาเลย) ภาคเจ็ด ขับรถทะลุตึก แบบ เห้ย...บ้าไปแล้วไอโล้น ฉากสุดท้ายมีโดรนมาไล่ยิงแก๊งค์นักซิ่งบนถนนแอลเอ คือ มันดูเกินความเป็นจริงไปเยอะอะ แถมพวกพระเอกก็ชนะแบบฟรุคๆด้วยนะ ภาคเจ็ดตราตรึงใจเฉพาะฉากอำลาพอล วอล์กเกอร์คือทำซึ้งกินใจมาก ดูแล้วเรียกน้ำตาเลย
โผล่มาภาคแปด มันคือหนังสงครามรถซิ่งใช่ไหมเนี่ย ดูจบแล้ว คือ หนังมันเว่อร์ได้อีกอะ เนื้อเรื่องก็แปลกๆ บทของตัวละครดู งงๆ ไงไม่รู้ หนังเน้นแต่ฉากยิงกัน ขับรถติดอาวุธไล่ล่ากัน แบบไม่แคร์ผู้คน ตัวร้ายภาคนี้ดูนางจิตๆดี ไซเฟอร์ สวย จิต สามารถต้อนดอมได้ แต่ มันดูเว่อร์เกินความเป็นจริงมาก บางฉากก็ยาวเกินไป คือ ตัดไปซักห้าถึงสิบนาที หนังจะกลมกล่อมกว่านี้
คือ ตอนนี้ผมว่าหนังเริ่มเปลี่ยนแนวเป็นหนัง สายลับไปเสียละ ตั้งแต่ภาคหกกะภาคเจ็ดที่พวกดอมมาทำงานให้หน่วยลับกองทัพบกของมิสเตอร์โนบอดี้กับหน่วยดีเอสเอสของฮ็ฮบบ์ และผันตัวจากกลุ่มโจรนักซิ่งไปงานให้รัฐบาลสหรัฐ ตอนนี้แก๊งค์นักซิ่งนี้ ผมว่าฝีมือสูสีกับ หน่วย IMF ของอีธาน ฉันท์ ในเรื่อง MI เลย 555
สรุปภาคที่ผมชอบสุดๆ คือ ภาคห้า
ภาคที่เกลียดที่สุด คือ ภาคสองกะสาม ห่วยพอกัน