ตำนานการสร้างโลกแบบไทยๆ 3 เรื่องราว

เราเคยสงสัยหรือไม่ว่า โลกเราใบนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ใครเป็นคนสร้าง ถ้าในความเชื่อของศาสนาคริสต์ พระเจ้าคือผู้สร้างโลก โดยมนุษย์คู่แรกก็คืออดัมและเอวา แต่ในมุมมองความเชื่อแบบไทยๆ ล่ะ เรามีความเชื่ออะไรบ้าง ? วันนี้ จะขอพามาชม 3 ตำนานความเชื่อของคนไทย เกี่ยวกับตำนานการสร้างโลก ที่เชื่อเหลือเกินว่า คนไทยหลายๆ คน ไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ




1 . ปู่สังกะสา – ย่าสังกะสี
ตามความเชื่อของชาวล้านนาโบราณ หรือ ประเทศไทยตอนเหนือ ลาว และพม่าในปัจจุบัน นั้นเชื่อว่า มนุษย์คนแรกที่กำเนิดขึ้นในจักรวาลนี้ คือ นางอิตถังไคยสังคสี หรือ ย่าสังกัสสี (ย่าสังกะสี) หญิงสาวผู้เกิดมาจากธาตุดิน นางได้ปั้นดินสร้างสัตว์ 12 ชนิด ภายหลังได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำปีนักษัตร

ต่อมามีบุรุษผู้เกิดเองคนแรกจากธาตุไฟของจักรวาลชื่อ นาปุงสังไคยสังคสี หรือ ปู่สังกัสสา (ปู่สังกะสา) ทั้งคู่ได้อยู่คู่เคียงกันมาและได้ให้กำเนิดมนุษย์พวกแรกทั้งหมด 3 คนผ่านการปั้นดิน โดยมนุษย์คนแรกมีเพศชาย มนุษย์คนที่ 2 มีเพศหญิง และมนุษย์คนสุดท้ายมี 2 เพศ พอมีมนุษย์แล้วจึงมีการให้กำเนิดมนุษย์สืบทายาทต่อไป

ช่วงนั้นมนุษย์ทุกคนต่างล้มป่วยไปตามๆกัน เนื่องจากช่วงนั้นยังไม่มีการแบ่งฤดูกาล ปู่สังกะสากับย่าสังกะสีจึงทำการแบ่งปีเป็น 3 ฤดู และกำหนดให้ข้าวเป็นอาหารหลัก
ตำนานนี้ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ “ปฐมมูลมูลี” เล่าสืบต่อกันมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะรู้จักในชื่อของ ปู่แถนย่าแถน





2 . มนุษย์เกิดจากน้ำเต้า
น้ำเต้าเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกูลแตง พบได้ง่ายในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่มีต้นกำเนิดที่ทวีปแอฟริกาตอนใต้

ตำนานการเกิดมนุษย์จากน้ำเต้านั้นมีหลากหลายอยู่มาก แต่หลักๆแล้วตามความเชื่อของคนลาวโบราณ คือ เดิมทีแล้วมนุษย์ทุกคนต้องบูชาเซ่นไหว้เทพเทวดา หรือ แถน ในภาษาท้องถิ่น แต่ต่อมามนุษย์ลืมเซ่นไหว้บูชาแถน แถนโกรธหนักมาก จึงบันดาลให้น้ำท่วมบ้านท่วมเมือง มนุษย์จึงได้ต่อแพเพื่อไปเข้าเฝ้าพญาแถน ซึ่งเป็นเทพเทวดาที่อยู่บนสรวงสวรรค์

ต่อมาแถนจึงบันดาลให้น้ำลดลงแล้วเสกควายให้มนุษย์ 1 ตัว เพื่อช่วยทำนา เมื่อควายตัวนั้นแก่ตาย จึงเกิดน้ำเต้าลูกใหญ่บริเวณจมูกควาย แถนเห็นดังนั้นจึงเอาเหล็กแหลมเผาไฟแทงทะลุเนื้อหมากน้ำเต้าเข้าไปจนมีผู้คนมากมายไหลทะลักออกมา

จากตำนานนี้จึงเกิดสำนวนหนึ่งกล่าวไว้ว่า ชาติพันธุ์ไทยกับเขมรนั้นเป็น “พี่น้องท้องเดียวกัน” มีบรรพบุรุษร่วมกัน เพราะเกิดจากน้ำเต้าเดียวกัน น้ำเต้าจึงเปรียบเสมือนกับครรภ์มารดา กล่าวไว้ว่า มนุษย์พวกแรกที่เกิดก่อนเป็นพี่ 2 คน มีสีผิวคล้ำ เพราะถูกเหล็กเผาไฟแทงรูน้ำเต้า เป็นสัญลักษณ์ของตระกูลเขมร-มอญที่มีผิวคล้ำ มนุษย์พวกหลังเป็นน้อง 3 คน ผิวไม่คล้ำ เพราะออกตามรูสิ่วแทงน้ำเต้า ไม่ถูกเหล็กเผาไฟแทงโดยตรง นับเป็นสัญลักษณ์ตระกูลไทย ลาว และเวียดนาม


(คน 5 จำพวกเป็นสัญลักษณ์ของชาติพันธุ์ในภูมิภาคอุษาคเนย์ ทั้งผืนแผ่นดินใหญ่แม่น้ำลำคลอง กับชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะ ได้แก่ คนในตระกูลมอญ-เขมร, ตระกูลมาเลย์-จามหรือชวา-มลายู, ตระกูลม้ง-เย้า, ตระกูลไทย-ลาว-เวียดนาม, ฯลฯ เรื่องนี้อาจอธิบายความหมายเป็นตระกูลอื่นต่างไปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตรงกัน)




3 . เทวดาลงมากินง้วนดิน
ตามคติความเชื่อทางพระพุทธศาาสนา โลกแปรสภาพเป็นสภาวะปัจจุบันได้ก็ด้วยสรรพสิ่งในธรรมาชาติมารวมตัวกัน และปรากฏรูปร่างทีละเล็ก ทีละน้อยจนเกิดเป็นแผ่นดินใหม่ และดินที่เกิดใหม่ในแผ่นดินนั้นมีรสชาติหวาน หอม หรือเรียกว่าง้วนดิน ถึงกับทำให้เทวดาในชั้นพรหมที่ 1 หรือ อาภัสรพรหม เหาะลงมากินจนบินกลับสวรรค์ไม่ได้ จึงใช้ชีวิตอยู่เป็นมนุษย์ชายคนแรก

หลังจากนั้นก็มีอาภัสรพรหมอีกตนหนึ่งเหาะลงมากินง้วนดินจนบินกลับไปสวรรค์ไม่ได้ จึงกลายเป็นสตรีคนแรกของโลก ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาจนสร้างทายาทสืบต่อไปเป็นมนุษย์เรื่อยมา

ตำนานนี้เป็นที่เล่ากล่าวขานและรู้จักกันมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งตำนานเทวดาลงมากินง้วนดินนี้เป็นที่รู้จักของคนไทยมากกว่าตำนานอื่นๆ เนื่องจากไตรภูมิพระร่วง วรรณคดีทางพระพุทธศาสนาที่แต่งในสมัยสุโขทัยก็ได้กล่าวไว้…




ที่มา : ลา ฟลอร่า 
petmaya.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่