ไต้ซือไห่เติง เป็นยอดฝีมือยุคใหม่ของจีน ถือเป็นหนึ่งในปรมาจารย์แห่งเส้าหลิน วิทยายุทธ์ที่ทำให้ท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วคือ "ฌานสองดัชนี" (二指禅) คือวิชาที่ทำให้ดัชนีทั้ง 2 มีความแข็งแกร่ง รับน้ำหนักมหาศาลได้ และท่านเคยสาธิตวิชาฌานสองดัชนีด้วยการทำท่าหกสูงทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนนิ้วทั้งสองเป็นที่น่าอัศจรรย์
ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม พวกยุวชนแดงบุกมายังวัดเส้าหลิน ลากตัวพระสงฆ์องคเจ้ามาประจานทุบตีบังคับให้สารภาพความผิดฐานเป็นพวกงมงายในความเชื่อเก่า ในเวลานั้นเส้าหลินมีผู้เยี่ยมยุมธ์จำนวนหนึ่งไม่ยอมสึกหนีภยันตราย ล้วนแต่เป็นพระเถระสูงวัย ท่านเหล่านั้นยอมให้พวกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำน้ำทำร้ายทุบตี ทั้งๆ ที่มือระดับท่านย่อมตอบโต้ได้ แต่สำนักเส้าหลินแต่เดิมนั้นนอกจากจะฝึกวิทยายุทธ์แล้ว ยังฝึกฌาน (นิกายเซน) ผู้มีวิชาย่อมมีธรรมะ ธรรมะของพวกท่านคือความกรุณาและขันติ
การยอมให้พวกยุวชนแดงทำร้ายทุบตีไม่ใช่ความขลาดกลัว หากพวกท่านขี้ขลาดคงสลัดจีวรทิ้งวัดไปแล้ว
ไต้ซือไห่เติงถือเป็นยอดยุทธ์เส้าหลิน แม้เวลานั้นท่านไม่ได้อยู่ที่เส้าหลิน (อยู่ที่เสฉวน) แต่ก็ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ท่านยอมปล่อยให้พวกยุวชนแดงลากตัวท่านมาประจาน วิธีประจานเรียกว่า "ท่าเครื่องบินเจ็ต" จะมียุวชนแดง 2 คนดึงแขนเหยื่อไว้ทั้ง 2 ข้าง แล้วกดศีรษะดันไปข้างหน้า เหมือนกำลังกางปีกบิน จับให้นั่งคุกเข่าต่อหน้าสาธารณชน ให้อยู่ในท่านั้นจนเมื่อยแทบจะตายเพื่อฟังคำประจานความผิดต่อการปฏิวัติ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ความผิดอะไรเลย แค่หาข้ออ้างมาทำร้ายคนเฒ่าคนแก่เสียมากกว่า
ไต้ซือไห่เติงจะหนีก็ได้ แต่ท่านไม่หนี จะสลัดตัวจากการข่มเหงก็ได้ แต่ท่านมี "อุปายโกศล" คือวิธีการสั่งสอนสรรสัตว์ด้วยใจกรุณา ขณะที่ถูกประจานด้วยท่าเครื่องบินเจ็ต ถูกด่าทอว่าเป็น "พระสามานย์" กับ "ไอ้ผีร้ายอสุรกาย" ท่านยังมีแก่ใจบอกกับพวกไอ้หนูอีหนูยุวชนแดงว่า จับอาตมาทำท่านี้ไม่เท่าไรหรอก พวกโยมเหนื่อยเปล่าเสียมากกว่า อาตมามีท่ายากกว่านี้เดี๋ยวจะทำให้ดู
ว่าแล้วไต้ซือไห่เติงก็จรดนิ้วทั้งสองลงกับพื้น แล้วดีดตัวหกสูงขึ้นตั้งตระหง่าน ยืดหยัดด้วยนิ้วทั้ง 2 นานถึง 2 นาที จนพวกยุวชนแดงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
พวกยุวชนแดงบางคนรู้สึกประทับใจมาก หลังจากนั้นแอบมาพบท่าน ถวายสิ่งของแล้วกล่าวขอขมา ไต้ซือไห่เติงคงเห็นว่าพวกยุวชนแดงยังไงก็ยังเป็นเยาวชนพอจะสั่งสอนอบรมได้บ้าง ท่านจึงสอนวิทยายุทธ์ให้เป็นการลับ
ไต้ซือไห้เติงสอนวิชาให้แล้ว ยังสอนวินัยของผู้มีวรยุทธ์ด้วย คือ จะต้องไม่วิวาทกับใคร จะต้องไม่หลอกลวงผู้อื่น และจะต้องไม่ทำร้ายผู้อื่น หากไม่ปฏิบัติตามท่านจะไม่สั่งสอนอีก พวกยุวชนแดงปฏิญาณว่าจะปฏิบัติตาม นับว่าไต้ซือมีปัญญาเฉียบแหลมในการกล่อมเกลาเยาวชนโดยแท้
ต่อหน้าสาธารณชนพวกยุวชนแดงยังคงด่าทอท่านเป็นพระชั่วเพื่ออำพราง แต่ลับหลังเรียกท่านว่าเป็นท่านอาจารย์ คอยปกป้องท่านจากการก่อกรรมโดยพวกเรดการ์ดคนอื่นๆ สรรหาของกินดีๆ มาถวาย จนกระทั่งพวกแก๊งสี่คนถูกโค่น การปฏิวัติวัฒนธรรมจบสิ้นลง ยุวชนแดงก็กลับกลายเป็นมนุษย์มนาอีกครั้ง ไต้ซือไห่เติงก็กลับมาเผยแพร่วิทยายุทธ์เส้าหลินอย่างเปิดเผยอีก และได้รับการยอมรับนับถือจากทั่วประเทศแม้แต่ภาครัฐ
ในปี 1979 รายการโทรทัศน์ได้ยินว่าที่เสฉวนมีพระยอดยุทธ์ท่านหนึ่ง จึงเดินทางมากราบท่านขอให้แสดงวิชาที่วัดเป่ากวง ไต้ซือไห่เติงจึงแสดงท่าฌานสองดัชนีให้ชมและมีการบันทึกภาพเอาไว้ ซึ่งฟุตเทจนี้เผยแพร่ไปทั่วโลกในเวลาต่อมา
ไต้ซือไห่เติงไม่แต่เชี่ยวชาญวิชาป้องกันตัว แต่ยังมีชื่อเสียงในด้านวิชาการ วรรณคดีโบราณ แต่งคาถาและกวีอันงดงามหลายบท มีวัตรฏิบัติที่เคร่งครัด ท่านเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่ 9 ของนิกายฌาน (นิกายเซน) สำนักเหวยหยาง สำนักนี้สืบทอดมาจากท่านไป๋จ้าง ที่วางกฎเกณฑ์ของนิกายฌานเอาไว้โดยเฉพาะการปฏิบัติไปด้วยทำงานประจำวันไปด้วย ดังคำสอนว่า "ไม่ทำงานหนึ่งวัน วันนั้นไม่ฉันอาหาร" นอกจากนี้ ท่านยังเป็นศิษย์ของพระเถระซวีหยุน ผู้นำทางพุทธศาสนาจีนในยุคทมิฬ
ชื่อเสียงของท่านนั้นคนฝึกวรยุทธนับถือ ฝ่ายปริยัติยกย่อง คนปฏิบัติธรรมน้อมบูชา
---------------------
ภาพจาก
http://baijiahao.baidu.com/s?id=1630483884816275898&wfr=newsapp
ข้อมูลจาก Kornkit Disthan face book
อาตมามีท่ายากกว่านี้เดี๋ยวจะทำให้ดู
ไต้ซือไห่เติง เป็นยอดฝีมือยุคใหม่ของจีน ถือเป็นหนึ่งในปรมาจารย์แห่งเส้าหลิน วิทยายุทธ์ที่ทำให้ท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วคือ "ฌานสองดัชนี" (二指禅) คือวิชาที่ทำให้ดัชนีทั้ง 2 มีความแข็งแกร่ง รับน้ำหนักมหาศาลได้ และท่านเคยสาธิตวิชาฌานสองดัชนีด้วยการทำท่าหกสูงทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนนิ้วทั้งสองเป็นที่น่าอัศจรรย์
ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม พวกยุวชนแดงบุกมายังวัดเส้าหลิน ลากตัวพระสงฆ์องคเจ้ามาประจานทุบตีบังคับให้สารภาพความผิดฐานเป็นพวกงมงายในความเชื่อเก่า ในเวลานั้นเส้าหลินมีผู้เยี่ยมยุมธ์จำนวนหนึ่งไม่ยอมสึกหนีภยันตราย ล้วนแต่เป็นพระเถระสูงวัย ท่านเหล่านั้นยอมให้พวกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำน้ำทำร้ายทุบตี ทั้งๆ ที่มือระดับท่านย่อมตอบโต้ได้ แต่สำนักเส้าหลินแต่เดิมนั้นนอกจากจะฝึกวิทยายุทธ์แล้ว ยังฝึกฌาน (นิกายเซน) ผู้มีวิชาย่อมมีธรรมะ ธรรมะของพวกท่านคือความกรุณาและขันติ
การยอมให้พวกยุวชนแดงทำร้ายทุบตีไม่ใช่ความขลาดกลัว หากพวกท่านขี้ขลาดคงสลัดจีวรทิ้งวัดไปแล้ว
ไต้ซือไห่เติงถือเป็นยอดยุทธ์เส้าหลิน แม้เวลานั้นท่านไม่ได้อยู่ที่เส้าหลิน (อยู่ที่เสฉวน) แต่ก็ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ท่านยอมปล่อยให้พวกยุวชนแดงลากตัวท่านมาประจาน วิธีประจานเรียกว่า "ท่าเครื่องบินเจ็ต" จะมียุวชนแดง 2 คนดึงแขนเหยื่อไว้ทั้ง 2 ข้าง แล้วกดศีรษะดันไปข้างหน้า เหมือนกำลังกางปีกบิน จับให้นั่งคุกเข่าต่อหน้าสาธารณชน ให้อยู่ในท่านั้นจนเมื่อยแทบจะตายเพื่อฟังคำประจานความผิดต่อการปฏิวัติ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ความผิดอะไรเลย แค่หาข้ออ้างมาทำร้ายคนเฒ่าคนแก่เสียมากกว่า
ไต้ซือไห่เติงจะหนีก็ได้ แต่ท่านไม่หนี จะสลัดตัวจากการข่มเหงก็ได้ แต่ท่านมี "อุปายโกศล" คือวิธีการสั่งสอนสรรสัตว์ด้วยใจกรุณา ขณะที่ถูกประจานด้วยท่าเครื่องบินเจ็ต ถูกด่าทอว่าเป็น "พระสามานย์" กับ "ไอ้ผีร้ายอสุรกาย" ท่านยังมีแก่ใจบอกกับพวกไอ้หนูอีหนูยุวชนแดงว่า จับอาตมาทำท่านี้ไม่เท่าไรหรอก พวกโยมเหนื่อยเปล่าเสียมากกว่า อาตมามีท่ายากกว่านี้เดี๋ยวจะทำให้ดู
ว่าแล้วไต้ซือไห่เติงก็จรดนิ้วทั้งสองลงกับพื้น แล้วดีดตัวหกสูงขึ้นตั้งตระหง่าน ยืดหยัดด้วยนิ้วทั้ง 2 นานถึง 2 นาที จนพวกยุวชนแดงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
พวกยุวชนแดงบางคนรู้สึกประทับใจมาก หลังจากนั้นแอบมาพบท่าน ถวายสิ่งของแล้วกล่าวขอขมา ไต้ซือไห่เติงคงเห็นว่าพวกยุวชนแดงยังไงก็ยังเป็นเยาวชนพอจะสั่งสอนอบรมได้บ้าง ท่านจึงสอนวิทยายุทธ์ให้เป็นการลับ
ไต้ซือไห้เติงสอนวิชาให้แล้ว ยังสอนวินัยของผู้มีวรยุทธ์ด้วย คือ จะต้องไม่วิวาทกับใคร จะต้องไม่หลอกลวงผู้อื่น และจะต้องไม่ทำร้ายผู้อื่น หากไม่ปฏิบัติตามท่านจะไม่สั่งสอนอีก พวกยุวชนแดงปฏิญาณว่าจะปฏิบัติตาม นับว่าไต้ซือมีปัญญาเฉียบแหลมในการกล่อมเกลาเยาวชนโดยแท้
ต่อหน้าสาธารณชนพวกยุวชนแดงยังคงด่าทอท่านเป็นพระชั่วเพื่ออำพราง แต่ลับหลังเรียกท่านว่าเป็นท่านอาจารย์ คอยปกป้องท่านจากการก่อกรรมโดยพวกเรดการ์ดคนอื่นๆ สรรหาของกินดีๆ มาถวาย จนกระทั่งพวกแก๊งสี่คนถูกโค่น การปฏิวัติวัฒนธรรมจบสิ้นลง ยุวชนแดงก็กลับกลายเป็นมนุษย์มนาอีกครั้ง ไต้ซือไห่เติงก็กลับมาเผยแพร่วิทยายุทธ์เส้าหลินอย่างเปิดเผยอีก และได้รับการยอมรับนับถือจากทั่วประเทศแม้แต่ภาครัฐ
ในปี 1979 รายการโทรทัศน์ได้ยินว่าที่เสฉวนมีพระยอดยุทธ์ท่านหนึ่ง จึงเดินทางมากราบท่านขอให้แสดงวิชาที่วัดเป่ากวง ไต้ซือไห่เติงจึงแสดงท่าฌานสองดัชนีให้ชมและมีการบันทึกภาพเอาไว้ ซึ่งฟุตเทจนี้เผยแพร่ไปทั่วโลกในเวลาต่อมา
ไต้ซือไห่เติงไม่แต่เชี่ยวชาญวิชาป้องกันตัว แต่ยังมีชื่อเสียงในด้านวิชาการ วรรณคดีโบราณ แต่งคาถาและกวีอันงดงามหลายบท มีวัตรฏิบัติที่เคร่งครัด ท่านเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่ 9 ของนิกายฌาน (นิกายเซน) สำนักเหวยหยาง สำนักนี้สืบทอดมาจากท่านไป๋จ้าง ที่วางกฎเกณฑ์ของนิกายฌานเอาไว้โดยเฉพาะการปฏิบัติไปด้วยทำงานประจำวันไปด้วย ดังคำสอนว่า "ไม่ทำงานหนึ่งวัน วันนั้นไม่ฉันอาหาร" นอกจากนี้ ท่านยังเป็นศิษย์ของพระเถระซวีหยุน ผู้นำทางพุทธศาสนาจีนในยุคทมิฬ
ชื่อเสียงของท่านนั้นคนฝึกวรยุทธนับถือ ฝ่ายปริยัติยกย่อง คนปฏิบัติธรรมน้อมบูชา
---------------------
ภาพจาก http://baijiahao.baidu.com/s?id=1630483884816275898&wfr=newsapp
ข้อมูลจาก Kornkit Disthan face book