น้ำมันกัญชา VS โรคแพนิค

ผมขอท้าวความเดิมจากกระทู้เก่านิดหน่อยนะครับ สามารถอ่านเต็มๆได้ที่นี่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จริงๆจุดเริ่มต้นของการอยากทำรีวิวโรคแพนิคหลังจากที่เป็นมา 1 ปีเต็มๆนั้นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อคืนวันศุกร์ 7 มิย.ที่ผ่านมาครับ

ช่วงที่ผ่านมาปีนึง อาการผมดีขึ้นค่อนข้างเยอะ จากกินยาคลายเครียดครั้งละครึ่งเม็ดวันละ 4 ครั้ง + ก่อนนอนอีก 1 เม็ด และ prozac สองแคปซูลต่อวัน มาเหลือเพียง กินยาคลายเครียดก่อนนอนแค่ครึ่งเม็ด และระหว่างวันทาน prozac มื้อละแคปซูล สองมื้อ

จริงๆแล้วตัวยาคลายเครียดผมก็แอบลดเองเพราะเห็นว่าอาการดีขึ้นจนแทบไม่เป็นอะไรแล้ว เนื่องจากการนั่งสมาธิช่วยได้มาก... เลยทำให้ชะล่าใจ

แล้วไปทดลองน้ำมันกัญชาที่เพื่อนผมแนะนำมา... ขออธิบายก่อนว่าสมัยอยู่ต่างประเทศผมเคยลองทั้งกัญชา ยาอี และอื่นๆ เกเรพอสมควรแต่ไม่ได้ติดอะไร...  รวมถึงเมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งสูบกัญชาแบบมวนซึ่งสูบแล้วก็เคลิบเคลิ้มตามปกติไม่เป็นอะไร (แต่ไม่ได้ใช้เป็นประจำนะครับ น่าจะเป็นสูบครั้งแรกในรอบสิบปีได้)

เลยคิดว่าน้ำมันกัญชาน่าจะช่วยให้ผมไม่ต้องทานยาคลายเครียดก่อนนอน ผมเลยฝากเพื่อนซื้อ... ของที่ได้มาก็จะคล้ายๆบุหรี่ไฟฟ้า ที่แยกส่วนของน้ำมันกัญชาออกมาเป็น cartridge ต่างหาก พอเสียบรวมกันแล้วกดปุ่มสูบก็จะเหมือนบุหรี่ไฟฟ้า + บารากุ มีควันเยอะแต่แทบไม่มีกลิ่น

สองวันแรกที่ได้มาทดลอง สูบไปสองสามคำ ก็ทำให้มึนๆหัว ตื้อๆแล้วก็หลับไป ซึ่งผมก็เอะใจเหมือนกันว่าทำไมไม่เหมือนสูบกัญชาปกติ 

วันศุกร์ที่ผ่านมาก็เลยสูบอีกครั้งเพราะวันเสาร์ต้องออกไปทำงานแต่เช้าเลยอยากหลับเร็วเนื่องจากปกติเป็นคนหลับยาก (เข้านอนเที่ยงคืนหลับตีสอง)

สูบไปแค่คำเดียว คำใหญ่ๆ และผมสูดแบบเอาควันเข้าออก(โช้ค)หลายครั้งเพื่อให้ยามันออกฤทธิ์แรงขึ้น

สูบตอนช่วงประมาณเที่ยงคืน

ผ่านไปสิบห้านาที รู้สึกเมามาก หัวหมุนไปหมดจนรู้สึกกลัว โทรหาเพื่อนคนที่หาของมาให้ก็ไม่รับเลยส่งไลน์ไปบอก เสร็จแล้วโทรหาเพื่อนสนิทอีกสามคน ไม่มีใครรับเลย เห็นเบอร์คุณแม่แต่ก็ไม่กล้าโทรไปให้เค้าเป็นห่วง เลยโทรหาพี่รุ่นน้าที่อยู่ข้างห้อง (คนเดิมกับครั้งแรกที่ผมเกิดอาการ)

พี่เค้าก็รีบมาหาที่ห้อง ผมบอกเค้าให้เรียกรถพยาบาลด่วน เพราะอาการแย่มากแล้ว แต่พี่เค้าก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก บอกทางรถฉุกเฉินผิดๆถูกๆ จนผมที่อาการกำลังหลอนต้องปลอบพี่เค้าให้ใจเย็นแล้วอธิบายทางกับเจ้าหน้าที่เอง -  -“

สักพักเพื่อนคนที่ผมฝากซื้อของนี้ก็โทรกลับมา ผมบอกอาการเค้าว่าไม่ไหวแล้วนอยมาก เอาไม่อยู่ แล้วบอกที่อยู่คอนโดผมกับเพื่อนไป เพื่อนก็งงว่ามาอยู่คอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากแล้วรีบขับรถมาจากฝั่งธนฯ

ตัดกลับมาในห้อง ระหว่างรอรถฉุกเฉิน เพื่อนผมก็อยู่ในสายตลอดเลยเปิดลำโพงให้พี่ข้างห้องที่มาอยู่เป็นเพื่อนได้ยินด้วย เพื่อนผมบอกให้หาอะไรทาน แต่ในตู้เย็นมีแค่ผักสลัด พี่เค้าก็หยิบมาให้ผมทาน เคี้ยวไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้สติหลุด น้ำนี่ติดมือเพื่อดื่มตลอดเพราะคิดว่าน่าจะช่วยให้ร่างกายขับสารออกไปได้บ้าง คือตอนนั้นอาการแพนิคมันออกมามากกว่าครั้งแรกที่เป็นหลายเท่า ตอนที่อาการแย่สุดคือเหมือนตัวเองจะหายไปเลย ไม่ใช่แค่จะตายนะ คือเหมือนตัวตนจะหายไป เลยต้องบังคับเพ่งตั้งสติตลอด ตอนนั้นในใจนี่หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ ตลอดเลย ทั้งๆที่ปกติตอนนั่งสมาธิผมจะไม่พุทโธ เพราะไม่อยากใช้คำบริกรรมใดๆ แต่ตอนนั้นเมามาก หลอนมาก ในใจคิดว่าตายแน่ๆ จนกระทั่งรถฉุกเฉินมาถึง

พอรถฉุกเฉินมาถึงเค้าก็เข็นรถขึ้นลิฟท์มา พอมาถึงห้องผม รถฉุกเฉินที่ตอนแรกผมเข้าใจว่ารถพยาบาล กลับกลายเป็นรถของหน่วยกู้ภัย และเป็นน้องผู้หญิงสองคน ซึ่งคิดว่าไม่มีทางอุ้มผมที่ตัวเท่าหมีไหวแน่ๆ

ในมือตอนนั้นผมกำน้ำมันกัญชากับที่สูบไว้แน่น เพราะกะว่าถ้ารถพยาบาลมาจะได้ให้เค้าดูเพื่อเค้าจะได้เตรียมการรักษาถูก แต่พอมาเป็นรถกู้ภัย น้องเจ้าหน้าที่หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายของที่ผมถืออยู่ และถ่ายรูปผมด้วย ซึ่งคนที่นอยอยู่แล้วเจอแบบนี้ยิ่งนอยหนักไปใหญ่ จนตอนหลังผมต้องหยิบหมอนมาปิดของที่ถือ

ระหว่างลงลิฟท์มา เจ้าหน้าที่คนที่น่าจะเป็นระดับหัวหน้าหน่อยก็พูดจาไม่ดี ออกจากลิฟท์กำลังจะนำตัวผมขึ้นรถ ผมก็ได้ยินเสียงผ่านวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่ เสียงจากอีกฝั่งวิพากษ์กันอย่างสนุกปากว่าให้ถ่ายรูปไว้เพื่อไปประจานและให้พ่อแม่มันเห็น คือแต่ละคำพูดผมคิดว่ามันเป็นการพิภากษาจากทัศนคติส่วนตัวเกินไปโดยที่ไม่ให้เกียรติและไม่ดูบริบทของเหตุการณ์

ผมรู้สึกไม่พอใจอย่างมากประกอบกับเพื่อนผมขับรถมาถึงพอดี ผมจึงตัดสินใจไม่ไปกับรถกู้ภัยแล้วขึ้นรถเพื่อนผมแทน

ตอนหน้าผมจะมาเล่าต่อเรื่องสารภาพบาปกับคุณหมอ ซึ่งจะเป็นตอนต่อกับกระทู้ก่อนนี้นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่