เผยแพร่: 15 มิ.ย. 2562 12:23 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
นครสวรรค์ – เผยประสบการณ์ตรง..เด็กเคยเรียนกินนอนเตรียมสอบเข้าเตรียมทหาร จ่ายปีละเกือบ 3 แสน บอกใช้กฎระเบียบเข้มเหมือนทหาร-ลงโทษแรงตั้งแต่กระโดดตบ 500 ครั้งไปจนถึงตีด้วยหวาย/ไม้เบสบอล ห้ามบอกต่อ จนทนไม่ไหวต้องลาออก
กรณี ด.ช.ฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน วัย 15 ปี ชาว จ.ตาก ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หัวแตกแขนหัก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตเป็นปริศนา โดยสภาพศพตั้งแต่แผ่นหลัง-ขา มีร่องรอยคล้ายถูกตีด้วยของแข็ง และอวัยวะภายในได้รับความบอบช้ำ โดยเฉพาะตับอ่อนฉีกขาด กระเพาะ-ปอดช้ำ
ซึ่งนายพิษณุ ทรัพย์สิน บิดาของ ด.ช.ฐปกร สงสัยสาเหตุการเสียชีวิตว่าน่าจะถูกรุมทำร้าย ขณะพักอาศัยและเก็บตัวเรียนอยู่ที่สถาบันกวดวิชาเตรียมทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองนครสวรรค์ และเข้าร้องทุกข์ต่อตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อให้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และได้นำร่างของลูกชายคนเดียวกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดส้มเกลี้ยง อ.เมืองตาก อยู่ในขณะนี้ พร้อมกับเตรียมหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อแจ้งความเอาผิดกับทางสถาบันฯที่ลูกไปเรียนจนเกิดเหตุนั้น
นายพิษณุ เชื่อว่า ลูกชายต้องถูกรุมทำร้ายอย่างแน่นอน แต่จะเป็นใครรุมทำร้ายนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งตอนนี้ตนต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมในการเอาผิดส่งให้กับตำรวจ และจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชายให้ถึงที่สุด ส่วนในทางคดีทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่จะมีการเชิญตัวเจ้าของสถาบันฯมาสอบสวน
ขณะที่นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ อายุ 27 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาบ้านพี่ณัฐ ได้ออกมาเปิดเผยและชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนักเรียนในสังกัดเสียชีวิต ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดจากการเล่นกันเองของกลุ่มนักเรียนในสถาบันที่พักเก็บตัวอยู่ร่วมกัน ซึ่งตนขอยืนยันและพร้อมให้ตรวจสอบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์เด็กชาย ป. ที่เคยมีประสบการณ์ตรงในการเก็บตัวเรียนสถาบันกวดวิชาเตรียมทหารบางแห่ง ซึ่งเล่าว่า รู้สึกหดหู่ใจ และเสียใจ เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิด ตอนตนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ก็ได้ไปสมัครเรียนกับสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร เพื่อเก็บตัวและศึกษาวิชาเตรียมสอบเข้าเตรียมทหารเหมือนกัน โดยได้สมัครเข้าเรียนแบบกินนอนศึกษาที่สถาบัน ควบคู่ไปกับเรียน กศน. ค่าใช้จ่ายตกปีละ 280,000 บาท
ซึ่งการใช้ชีวิตอยู่ที่สถาบันฯ ตอนแรกที่ตนเข้ามาสัมผัสรู้สึกว่าน่าอยู่ มีการใช้กฎระเบียบกึ่งทหาร คนที่ไม่ทำตามกฎระเบียบ ก็จะถูกทำโทษให้ยืนกระโดดตบ เต็มที่ก็แค่ 500 ครั้ง แต่พออยู่นานๆ ไป กลับรู้สึกว่าอยู่ไม่ได้แล้ว เนื่องจากการทำโทษหลายๆ ครั้ง มักจะรุนแรงเรื่อยๆ โดยมีการใช้ไม้ ตั้งแต่ไม้หวาย จนถึงไม้เบสบอล ทำให้รู้สึกปวดระบมอยู่หลายครั้ง อีกทั้งยังมีการต่อยตนจนปากแตกเลือดกลบ เพราะตนไปขโมยหยิบขนมในตู้เย็นกิน ตนคิดว่ารุนแรงเกินไป จึงต้องตัดสินใจขอลาออก
เด็กชาย ป.ระบุว่า ซึ่งสถาบันกวดวิชาที่ตนเคยไปเรียน ครูมักจะอวดอ้างว่าตัวเองมีองค์ของพ่อปู่ หากใครที่มาเรียนและพักอาศัยอยู่ที่นี่ แสดงพฤติกรรมหรือพูดจาไม่ดี จะรู้เห็นหมด จนทำให้เด็กเกือบทุกคนที่มาเรียนเกิดความเกรงกลัว แต่เรื่องราวระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในสถาบันนี้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องรุนแรงอะไร ห้ามนำไปเผยแพร่กับบุคคลภายนอกอย่างเด็ดขาด และตนก็ทำแบบนั้นในระหว่างที่ไปอยู่กับสถาบันดังกล่าว มีเรื่องอะไรก็ต้องเก็บไว้ แม้แต่แม่ของตนก็จะไม่บอกให้รู้
เด็กชาย ป. เล่าต่อว่า ในสถาบันแห่งนี้ มีผู้มาเก็บตัวเพื่อศึกษาอยู่รวมกันกว่า 10 คน ซึ่งก็จะทยอยสับเปลี่ยนไปตลอด และยอมรับว่ามีการเขม่นไม่ชอบกันระหว่างเพื่อนที่เรียน จนถึงขั้นมีการชกต่อยกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นยกพวกรุมตีกัน ยกเว้น จะมีนักเรียนหัวโจกเพียงแค่ 3 คน ที่ชอบใช้ความรุนแรงก่อเหตุรุมชกต่อยเพื่อนด้วยกัน
ซึ่งหลายๆ ครั้ง หากไม่ชอบหน้าใคร สามหัวโจกก็จะไปขออนุญาตครูผู้สอนผู้ควบคุม เพื่อไปหาเรื่องรุมทำร้าย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่มีการอนุญาตให้ทำได้ แม้ให้ทำแค่หอมปากหอมคอ ไม่ให้ทำร้ายหนักก็ตาม จึงทำให้ตนรับไม่ได้กับเรื่องนี้
https://mgronline.com/local/detail/9620000056992
เผยประสบการณ์ตรงเด็กเรียนกินนอนเตรียมสอบทหาร กฎเข้ม-ลงโทษหนัก-ห้ามบอกต่อ
นครสวรรค์ – เผยประสบการณ์ตรง..เด็กเคยเรียนกินนอนเตรียมสอบเข้าเตรียมทหาร จ่ายปีละเกือบ 3 แสน บอกใช้กฎระเบียบเข้มเหมือนทหาร-ลงโทษแรงตั้งแต่กระโดดตบ 500 ครั้งไปจนถึงตีด้วยหวาย/ไม้เบสบอล ห้ามบอกต่อ จนทนไม่ไหวต้องลาออก
กรณี ด.ช.ฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน วัย 15 ปี ชาว จ.ตาก ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หัวแตกแขนหัก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตเป็นปริศนา โดยสภาพศพตั้งแต่แผ่นหลัง-ขา มีร่องรอยคล้ายถูกตีด้วยของแข็ง และอวัยวะภายในได้รับความบอบช้ำ โดยเฉพาะตับอ่อนฉีกขาด กระเพาะ-ปอดช้ำ
ซึ่งนายพิษณุ ทรัพย์สิน บิดาของ ด.ช.ฐปกร สงสัยสาเหตุการเสียชีวิตว่าน่าจะถูกรุมทำร้าย ขณะพักอาศัยและเก็บตัวเรียนอยู่ที่สถาบันกวดวิชาเตรียมทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองนครสวรรค์ และเข้าร้องทุกข์ต่อตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อให้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และได้นำร่างของลูกชายคนเดียวกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดส้มเกลี้ยง อ.เมืองตาก อยู่ในขณะนี้ พร้อมกับเตรียมหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อแจ้งความเอาผิดกับทางสถาบันฯที่ลูกไปเรียนจนเกิดเหตุนั้น
นายพิษณุ เชื่อว่า ลูกชายต้องถูกรุมทำร้ายอย่างแน่นอน แต่จะเป็นใครรุมทำร้ายนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งตอนนี้ตนต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมในการเอาผิดส่งให้กับตำรวจ และจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชายให้ถึงที่สุด ส่วนในทางคดีทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่จะมีการเชิญตัวเจ้าของสถาบันฯมาสอบสวน
ขณะที่นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ อายุ 27 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาบ้านพี่ณัฐ ได้ออกมาเปิดเผยและชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนักเรียนในสังกัดเสียชีวิต ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดจากการเล่นกันเองของกลุ่มนักเรียนในสถาบันที่พักเก็บตัวอยู่ร่วมกัน ซึ่งตนขอยืนยันและพร้อมให้ตรวจสอบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์เด็กชาย ป. ที่เคยมีประสบการณ์ตรงในการเก็บตัวเรียนสถาบันกวดวิชาเตรียมทหารบางแห่ง ซึ่งเล่าว่า รู้สึกหดหู่ใจ และเสียใจ เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิด ตอนตนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ก็ได้ไปสมัครเรียนกับสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร เพื่อเก็บตัวและศึกษาวิชาเตรียมสอบเข้าเตรียมทหารเหมือนกัน โดยได้สมัครเข้าเรียนแบบกินนอนศึกษาที่สถาบัน ควบคู่ไปกับเรียน กศน. ค่าใช้จ่ายตกปีละ 280,000 บาท
ซึ่งการใช้ชีวิตอยู่ที่สถาบันฯ ตอนแรกที่ตนเข้ามาสัมผัสรู้สึกว่าน่าอยู่ มีการใช้กฎระเบียบกึ่งทหาร คนที่ไม่ทำตามกฎระเบียบ ก็จะถูกทำโทษให้ยืนกระโดดตบ เต็มที่ก็แค่ 500 ครั้ง แต่พออยู่นานๆ ไป กลับรู้สึกว่าอยู่ไม่ได้แล้ว เนื่องจากการทำโทษหลายๆ ครั้ง มักจะรุนแรงเรื่อยๆ โดยมีการใช้ไม้ ตั้งแต่ไม้หวาย จนถึงไม้เบสบอล ทำให้รู้สึกปวดระบมอยู่หลายครั้ง อีกทั้งยังมีการต่อยตนจนปากแตกเลือดกลบ เพราะตนไปขโมยหยิบขนมในตู้เย็นกิน ตนคิดว่ารุนแรงเกินไป จึงต้องตัดสินใจขอลาออก
เด็กชาย ป.ระบุว่า ซึ่งสถาบันกวดวิชาที่ตนเคยไปเรียน ครูมักจะอวดอ้างว่าตัวเองมีองค์ของพ่อปู่ หากใครที่มาเรียนและพักอาศัยอยู่ที่นี่ แสดงพฤติกรรมหรือพูดจาไม่ดี จะรู้เห็นหมด จนทำให้เด็กเกือบทุกคนที่มาเรียนเกิดความเกรงกลัว แต่เรื่องราวระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในสถาบันนี้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องรุนแรงอะไร ห้ามนำไปเผยแพร่กับบุคคลภายนอกอย่างเด็ดขาด และตนก็ทำแบบนั้นในระหว่างที่ไปอยู่กับสถาบันดังกล่าว มีเรื่องอะไรก็ต้องเก็บไว้ แม้แต่แม่ของตนก็จะไม่บอกให้รู้
เด็กชาย ป. เล่าต่อว่า ในสถาบันแห่งนี้ มีผู้มาเก็บตัวเพื่อศึกษาอยู่รวมกันกว่า 10 คน ซึ่งก็จะทยอยสับเปลี่ยนไปตลอด และยอมรับว่ามีการเขม่นไม่ชอบกันระหว่างเพื่อนที่เรียน จนถึงขั้นมีการชกต่อยกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นยกพวกรุมตีกัน ยกเว้น จะมีนักเรียนหัวโจกเพียงแค่ 3 คน ที่ชอบใช้ความรุนแรงก่อเหตุรุมชกต่อยเพื่อนด้วยกัน
ซึ่งหลายๆ ครั้ง หากไม่ชอบหน้าใคร สามหัวโจกก็จะไปขออนุญาตครูผู้สอนผู้ควบคุม เพื่อไปหาเรื่องรุมทำร้าย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่มีการอนุญาตให้ทำได้ แม้ให้ทำแค่หอมปากหอมคอ ไม่ให้ทำร้ายหนักก็ตาม จึงทำให้ตนรับไม่ได้กับเรื่องนี้
https://mgronline.com/local/detail/9620000056992