สวัสดีครับ ผมอยากจะปรึกษาทุกคนว่าควรทำยังไงต่อดี
- ผมอายุ 16 ครับ และเป็นโรคซึมเศร้า มา 7-8 เดือนแล้วครับ ตั้งแต่ พ.ย. ปีที่แล้ว
เริ่มแรกเลยหลังจากที่ผมเรียน ม.3 จบ ผมเป็นคนที่ชอบภาษาอังกฤษมาก และก็ยังคิดไม่ออกว่าตัวเองอยากเป็นอะไร เลยต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเดิมครับ ห้องภาษาอังกฤษ IEP หลังจากเปิดเทอมไปได้เกือบเดือน ผมก็ได้เห็นเพื่อนเก่าที่ไปสายอาชีพ แล้วรู้สึกว่ามีอิสระมากกว่า ตัวเองเลยไปคุยกับที่บ้านว่าอยากออกจาก ม.4 แล้วไปเข้าเทคนิค ที่บ้านก็สงสัยนิดหน่อยครับ แต่ก็ปล่อยผมไป แต่ว่าตอนนั้นมันเปิดเทอมมาเกือบเดือนแล้วครับ ย้ายไปเขาก็ไม่รับแล้วเพราะเกินมาหลายสัปดาห์แล้ว ตอนแรกจะตัดใจแต่ก็หาจนได้ จนไปเจออาชีวะแห่ง อยู่ไกลจากตัวเมือง คนเรียนน้อย เลยลองไปติดต่อดู ปรากฏว่าเขายังรับอยู่ครับเลยตัดสินที่นี่แหละ ( สาขา คอมกราฟิค ) ก็เลยออกกระทันหันครับ เพื่อนกับญาติบางคนยังไม่รู้เลย แต่ด้วยความที่ไกลจากบ้านมากครับ ต้องตื่นเช้า ต่อรถประมาณ 2 ต่อ กลับบ้านเย็น ไปเรียนช่วงแรกๆก็ไม่ค่อยรู้จักใครครับ เพราะย้ายมากระทันหัน อาจารย์เขาก็พยายามแนะนำนู้นนี่ ช่วงแรกก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหรครับ เพราะใจเราอยากเข้าเทคนิคไม่ใช่อาชีวะ หลังจากนั้นก็เริ่มรู้จักเพื่อน แต่ว่าผมเป็นคนที่ไม่ติดเพื่อนเท่าไหร ไม่ค่อยตามใคร เลยมีเพื่อนแค่กลุ่มเล็กๆครับ เริ่มเรียนช่วงแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจครับ เทอม 1 ส่วนใหญ่เป็นวาดรูป แล้วผมก็วาดรูปไม่เก่งเลย ช่วงนี้เลยไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร แต่ก็มีบางอย่างที่ชอบของโรงเรียนนี้ครับ คือโรงเรียนเงียบมาก เพราะเด็กน้อย และไกลจากตัวเมือง เลยมีบรรยากาศที่เงียบ เวลามีลมจะดีมากๆ เรียนไปสักพัก ผมไม่ค่อยเก่งด้านนี้สักเท่าไหร แต่ที่เข้าเพราะว่าเป็นสายอาชีพ เลยตั้งใจว่าเดี๋ยวจบเทอม 1 จะทำเรื่องย้ายไปเทคนิคตอนเทอม 2 สาขาเดิม พอใกล้จบเทอม 1 ผมรู้จักว่าตัวเองรู้สึกไม่ค่อยดี ไม่ค่อยปกติ ผมเริ่มคิดมากขึ้น ชอบอยู่คนเดียว อยู่โลกส่วนตัว เริ่มกังวลมากๆ ผมทนเรียนจนจบเทอม 1
พอเทอม 2 ผมได้ย้ายมาเทคนิค พอเปลี่ยนที่ ก็ต้องทำเหมือนเดิมครับ ซื้อชุดเพิ่มที่ไม่ได้มี จ่ายค่าเทอม ย้ายเอกสารไปมานู้นนี่ ย้ายเรื่อง รด. เทคนิคที่ผมย้ายมาเป็นเทคนิคที่ใหญ่มากครับ เด็ก 6000-7000 คน เรียนแบ่งช่วงเช้า-บ่าย ผมอยู่ช่วงบ่ายคือเรียนตั้งแต่ 9.00 - 17.00 กว่าๆ หรืออาจจะมืดหน่อย เปิดเทอมวันแรก ก็เจอเพื่อนที่ไม่รู้จักครับ เจอสถานที่ใหม่ สภาพสังคมใหม่ เรายิ่งรู้สึกแปลกๆ พอไปหลายๆวันเพื่อนๆพยายามเข้าหาผม แต่ผมรู้สึกไม่ได้อยากอะไรขนาดนั้น คือผมไม่ได้อะไรนะครับ รู้จักกันได้ปกติ แต่แค่ไม่ได้อยากอะไรขนาดนั้น หลังจากนั้นผมก็ไปหาหมอที่ รพ. ตอนแรกยังไม่รู้ครับว่าตัวเองเป็นอะไร เลยไปหาหมอปกติ หมอธรรมดาไม่ใช่หมอจิตเวช ก็ได้ยามาครับ เยอะมากหลายซอง มีวิตามินแล้วก็ยาแก้ปวดหัวทั่วไป นานเข้าๆเริ่มไม่ไหว รู้สึกตัวเองปวดหัวมาก หนักอกไปหมด กังวล เลยเริ่มศึกษาเกี่ยวกับอะไรแบบนี้ เลยไปเจอที่เขาให้แนะนำไปหาหมอจิตเวช ผมก็ลองดูตาราง รพ. หาวันที่มีหมอจิตเวช และไปดู พอไปถึงก็ โดนซักประวัติก่อนครับ ถามนู้นนี่ปกติ มีแบบทดสอบให้ทำ แล้วก็ถามว่ารู้สึกยังไง เจออะไรมา คุยกันไปสักพักเขาก็บอกว่าเราเข้าข่ายโรคซึมเศร้า แล้วก็ให้ไปพบหมอ หมอก็ให้คำแนะนำแล้วก็ยามาครับ พอกลับมาเรียนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว มันกังวัล เครียด หนักอกไปหมด ยิ่งเวลาตกเย็น เริ่มมืดจะกังวลมาก เหมือนมีเสียงอะไรในหัว เลยปรึกษาคนนู้นคนนี่ เลยตัดสินใจดรอปเรียนครับ
พอดรอปเรียนมา ก็มีเวลาว่างมากขึ้น มีคิดนู้นนี่ ทบทวนหลายๆอย่างครับ ไปหาหมออยู่เรื่อยๆตามนัด หมอก็แนะนำว่าพยายามหาอะไรทำครับตัวเองจะได้ไม่ว่าง ก็พยายามหาว่าตัวเองชอบอะไรในเวลานี้ ผมรู้สึกคิดถึงภาษาอังกฤษมากๆรู้สึกไม่ได้ใช้นาน ผ่านไปเรื่อยๆ จนโรงเรียนใกล้จะเปิดรับนักเรียนใหม่ จริงๆผมกะจะกลับไปเรียน ม.4 ใหม่ ที่โรงเรียนเดิมในตอนแรก แต่อายุถึงพอดี เลยไปสมัครโรงเรียนช่างฝีมือทหาร เป็นโรงเรียนที่อยากเข้าตั้งแต่ผมอยู่ ม.3 แต่ตอนที่ผมจบมาใหม่ๆอายุยังไม่ถึง เลยเริ่มอ่านนู้นนี่ จนไปสอบ ตื่นแต่เช้ามืด พอผลสอบออกดีใจมาก ผมติดภาคสมทบ ใจคิดว่าไม่ได้ภาคปกติก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยภาคสมทบก็ได้ หลังจากนั้นก็ไปสอบสัมภาษณ์ ตรวจร่างกายครับ จนผลสอบรอบสุดท้าย ปรากฏว่าผ่าน ดีใจมาก ไปรายงานตัว จ่ายค่าเทอม วัดชุด ต่างๆ
( ผมคิดไว้ว่าครั้งนี้ผมผิดพลาดไม่ได้ ผมเสียเวลา ทั้งความรู้สึก ทั้งเงิน ยิ่งเพิ่งจ่ายเทอมแรกไปเกือบๆ 40,000 ครอบครัวผมก็เป็นครอบครัวธรรมดา ผมให้ความหวังกับคนนู้นคนนี่ ผมทำผิดหวังซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งอาการผมตอนนั้นผมก็ยังไม่ดีมาก )
ก่อนเปิดเทอมจะมีเข้าค่ายละลายพฤติกรรม ภาคปกติ 30 วัน สมทบ 12 วัน พอไปถึงวันแรกรายงานตัวเสร็จเอาของขึ้นไปเก็บ ลงมาบอกลาแม่ ฟังปฐมนิเทศเสร็จ ของจริงก็เริ่มขึ้น คิดในใจอะไรว่ะเนี่ย เกิดมาไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้ เช้าตื่นมาวิ่ง ฝึกทุกวันทั้งวัน เดี๋ยวโดนซ่อมบ้างอะไรบ้าง แต่มันก็มีบอกอย่างที่สวนทางกัน เราไม่ได้มีโทรศัพท์ เราไม่มีอะไรเลย มีแต่เพื่อนที่อยู่ร้อยเดียวกัน ในช่วงฝึกเหนื่อยมากๆ ผมจะคิดเยอะมากๆ คิดหลายๆอย่าง คิดจนปวดหัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยาก็ไม่ได้เอามา เวลาว่าง เวลาทำอะไรก็จะคิดไปหมด จนมันทำให้เราโตขึ้น คิดอะไรได้หลายอย่าง พอวันฝึกเสร็จวันสุดท้ายปล่อยกับบ้าน ก็จะมีโชว์ผู้ปกครอง ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย ผมก็เหมือนกัน ผมกลายเป็นคนที่เงียบ ใจเย็นขึ้น ระเบียบอะไรหลายๆอย่าง แต่สิ่งที่ตามมาคือผมเริ่มรู้สึกกลับไปเหมือนเดิม รู้สึกเริ่มกังวลมากขึ้น ปวดหัวตลอด กลับไปพักบ้านได้ประมาณ 5 วันก็เปิดเทอม ก็เหมือนเดิมครับ ก็โดนซ่อมบ้างอะไรบ้าง แล้วก็เข้าห้องเรียน เทอมแรกจะเรียนรวมไปก่อนครับทุกช่าง เทอมสองค่อยให้เลือกช่างที่อยากเรียนตามลำดับ เรียน 3 ปี ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยครับ แล้วก็มารู้ตัวว่าไม่ได้ชอบช่างด้วย เลยยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ ลองพยายามเปิดใจแต่ก็ไม่ไหวจริงๆ จนเริ่มหนักขึ้นจนตอนนี้จากหมอทุกๆเดือนกลายเป็นทุกๆ 2 อาทิตย์แทน มันเริ่มไม่ไหว รู้สึกฝืนมากๆ คือผมมาเรียนตรงนี้ ที่บ้านภูมิใจครับ ครอบครัว ญาติดีใจ แต่ผมกลับรู้สึกผมกำลังทำตามเค้าอยู่ ผมไม่ได้มีความสุขกับตรงนี้เลย ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อ อาการเริ่มหนักขึ้น มีทำร้ายตัวเองมากขึ้น รู้สึกเหมือนผมกำลังทำให้คนอื่นสบายใจ แต่ผมกลับไม่ได้มีความสุขไม่ได้สบายใจ ในช่วงที่ผ่านมานี้ทำรู้สึกแทบหาความสุขไม่ได้เลย ผมจะออกก็จะทำให้แม่ร้องไห้ ทำให้คนอื่นผิดหวังอีก ยิ่งคิดแบบนั้นยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกไม่ดีเลยครับ ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะฝืนไปได้อีกนานแค่ไหน ตอนนี้เรียนมา 6 สัปดาห์ยังรู้สึกไม่เข้าใจอะไรเลยครับ ฝืนมากๆ ผมได้มีโอกาสแต่งเครื่องแบบกลับไปหาเพื่อนที่ รร.เก่า ได้ไปนั่งเรียนคาบภาษาอังกฤษต่างชาติกับเพื่อนหนึ่งคาบ มันรู้สึกโล่งแปลกๆ มันรู้สึกเราคิดถึงอะไรแบบนี้ ความสบายใจ ( ปล.ตอนนี้ถ้าถามว่าอยากเป็นอะไร คงตอบว่าครูครับ )
เลยอยากถามหลายๆท่านว่าควรทำยังไงต่อดีครับ
ถ้าท่านใดสงสัยอะไร พิมพ์ไว้ได้เลยครับเดี๋ยวผมมาตอบ ขอบคุณครับ 🙏
( ผมอาจจะเล่าไม่หมดครับ มีอะไรที่ซับซ้อนลึกกว่านี้มาก )
ควรทำยังไงต่อดีครับ ? ( เรียน / โรคซึมเศร้า )
- ผมอายุ 16 ครับ และเป็นโรคซึมเศร้า มา 7-8 เดือนแล้วครับ ตั้งแต่ พ.ย. ปีที่แล้ว
เริ่มแรกเลยหลังจากที่ผมเรียน ม.3 จบ ผมเป็นคนที่ชอบภาษาอังกฤษมาก และก็ยังคิดไม่ออกว่าตัวเองอยากเป็นอะไร เลยต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเดิมครับ ห้องภาษาอังกฤษ IEP หลังจากเปิดเทอมไปได้เกือบเดือน ผมก็ได้เห็นเพื่อนเก่าที่ไปสายอาชีพ แล้วรู้สึกว่ามีอิสระมากกว่า ตัวเองเลยไปคุยกับที่บ้านว่าอยากออกจาก ม.4 แล้วไปเข้าเทคนิค ที่บ้านก็สงสัยนิดหน่อยครับ แต่ก็ปล่อยผมไป แต่ว่าตอนนั้นมันเปิดเทอมมาเกือบเดือนแล้วครับ ย้ายไปเขาก็ไม่รับแล้วเพราะเกินมาหลายสัปดาห์แล้ว ตอนแรกจะตัดใจแต่ก็หาจนได้ จนไปเจออาชีวะแห่ง อยู่ไกลจากตัวเมือง คนเรียนน้อย เลยลองไปติดต่อดู ปรากฏว่าเขายังรับอยู่ครับเลยตัดสินที่นี่แหละ ( สาขา คอมกราฟิค ) ก็เลยออกกระทันหันครับ เพื่อนกับญาติบางคนยังไม่รู้เลย แต่ด้วยความที่ไกลจากบ้านมากครับ ต้องตื่นเช้า ต่อรถประมาณ 2 ต่อ กลับบ้านเย็น ไปเรียนช่วงแรกๆก็ไม่ค่อยรู้จักใครครับ เพราะย้ายมากระทันหัน อาจารย์เขาก็พยายามแนะนำนู้นนี่ ช่วงแรกก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหรครับ เพราะใจเราอยากเข้าเทคนิคไม่ใช่อาชีวะ หลังจากนั้นก็เริ่มรู้จักเพื่อน แต่ว่าผมเป็นคนที่ไม่ติดเพื่อนเท่าไหร ไม่ค่อยตามใคร เลยมีเพื่อนแค่กลุ่มเล็กๆครับ เริ่มเรียนช่วงแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจครับ เทอม 1 ส่วนใหญ่เป็นวาดรูป แล้วผมก็วาดรูปไม่เก่งเลย ช่วงนี้เลยไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร แต่ก็มีบางอย่างที่ชอบของโรงเรียนนี้ครับ คือโรงเรียนเงียบมาก เพราะเด็กน้อย และไกลจากตัวเมือง เลยมีบรรยากาศที่เงียบ เวลามีลมจะดีมากๆ เรียนไปสักพัก ผมไม่ค่อยเก่งด้านนี้สักเท่าไหร แต่ที่เข้าเพราะว่าเป็นสายอาชีพ เลยตั้งใจว่าเดี๋ยวจบเทอม 1 จะทำเรื่องย้ายไปเทคนิคตอนเทอม 2 สาขาเดิม พอใกล้จบเทอม 1 ผมรู้จักว่าตัวเองรู้สึกไม่ค่อยดี ไม่ค่อยปกติ ผมเริ่มคิดมากขึ้น ชอบอยู่คนเดียว อยู่โลกส่วนตัว เริ่มกังวลมากๆ ผมทนเรียนจนจบเทอม 1
พอเทอม 2 ผมได้ย้ายมาเทคนิค พอเปลี่ยนที่ ก็ต้องทำเหมือนเดิมครับ ซื้อชุดเพิ่มที่ไม่ได้มี จ่ายค่าเทอม ย้ายเอกสารไปมานู้นนี่ ย้ายเรื่อง รด. เทคนิคที่ผมย้ายมาเป็นเทคนิคที่ใหญ่มากครับ เด็ก 6000-7000 คน เรียนแบ่งช่วงเช้า-บ่าย ผมอยู่ช่วงบ่ายคือเรียนตั้งแต่ 9.00 - 17.00 กว่าๆ หรืออาจจะมืดหน่อย เปิดเทอมวันแรก ก็เจอเพื่อนที่ไม่รู้จักครับ เจอสถานที่ใหม่ สภาพสังคมใหม่ เรายิ่งรู้สึกแปลกๆ พอไปหลายๆวันเพื่อนๆพยายามเข้าหาผม แต่ผมรู้สึกไม่ได้อยากอะไรขนาดนั้น คือผมไม่ได้อะไรนะครับ รู้จักกันได้ปกติ แต่แค่ไม่ได้อยากอะไรขนาดนั้น หลังจากนั้นผมก็ไปหาหมอที่ รพ. ตอนแรกยังไม่รู้ครับว่าตัวเองเป็นอะไร เลยไปหาหมอปกติ หมอธรรมดาไม่ใช่หมอจิตเวช ก็ได้ยามาครับ เยอะมากหลายซอง มีวิตามินแล้วก็ยาแก้ปวดหัวทั่วไป นานเข้าๆเริ่มไม่ไหว รู้สึกตัวเองปวดหัวมาก หนักอกไปหมด กังวล เลยเริ่มศึกษาเกี่ยวกับอะไรแบบนี้ เลยไปเจอที่เขาให้แนะนำไปหาหมอจิตเวช ผมก็ลองดูตาราง รพ. หาวันที่มีหมอจิตเวช และไปดู พอไปถึงก็ โดนซักประวัติก่อนครับ ถามนู้นนี่ปกติ มีแบบทดสอบให้ทำ แล้วก็ถามว่ารู้สึกยังไง เจออะไรมา คุยกันไปสักพักเขาก็บอกว่าเราเข้าข่ายโรคซึมเศร้า แล้วก็ให้ไปพบหมอ หมอก็ให้คำแนะนำแล้วก็ยามาครับ พอกลับมาเรียนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว มันกังวัล เครียด หนักอกไปหมด ยิ่งเวลาตกเย็น เริ่มมืดจะกังวลมาก เหมือนมีเสียงอะไรในหัว เลยปรึกษาคนนู้นคนนี่ เลยตัดสินใจดรอปเรียนครับ
พอดรอปเรียนมา ก็มีเวลาว่างมากขึ้น มีคิดนู้นนี่ ทบทวนหลายๆอย่างครับ ไปหาหมออยู่เรื่อยๆตามนัด หมอก็แนะนำว่าพยายามหาอะไรทำครับตัวเองจะได้ไม่ว่าง ก็พยายามหาว่าตัวเองชอบอะไรในเวลานี้ ผมรู้สึกคิดถึงภาษาอังกฤษมากๆรู้สึกไม่ได้ใช้นาน ผ่านไปเรื่อยๆ จนโรงเรียนใกล้จะเปิดรับนักเรียนใหม่ จริงๆผมกะจะกลับไปเรียน ม.4 ใหม่ ที่โรงเรียนเดิมในตอนแรก แต่อายุถึงพอดี เลยไปสมัครโรงเรียนช่างฝีมือทหาร เป็นโรงเรียนที่อยากเข้าตั้งแต่ผมอยู่ ม.3 แต่ตอนที่ผมจบมาใหม่ๆอายุยังไม่ถึง เลยเริ่มอ่านนู้นนี่ จนไปสอบ ตื่นแต่เช้ามืด พอผลสอบออกดีใจมาก ผมติดภาคสมทบ ใจคิดว่าไม่ได้ภาคปกติก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยภาคสมทบก็ได้ หลังจากนั้นก็ไปสอบสัมภาษณ์ ตรวจร่างกายครับ จนผลสอบรอบสุดท้าย ปรากฏว่าผ่าน ดีใจมาก ไปรายงานตัว จ่ายค่าเทอม วัดชุด ต่างๆ
( ผมคิดไว้ว่าครั้งนี้ผมผิดพลาดไม่ได้ ผมเสียเวลา ทั้งความรู้สึก ทั้งเงิน ยิ่งเพิ่งจ่ายเทอมแรกไปเกือบๆ 40,000 ครอบครัวผมก็เป็นครอบครัวธรรมดา ผมให้ความหวังกับคนนู้นคนนี่ ผมทำผิดหวังซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งอาการผมตอนนั้นผมก็ยังไม่ดีมาก )
ก่อนเปิดเทอมจะมีเข้าค่ายละลายพฤติกรรม ภาคปกติ 30 วัน สมทบ 12 วัน พอไปถึงวันแรกรายงานตัวเสร็จเอาของขึ้นไปเก็บ ลงมาบอกลาแม่ ฟังปฐมนิเทศเสร็จ ของจริงก็เริ่มขึ้น คิดในใจอะไรว่ะเนี่ย เกิดมาไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้ เช้าตื่นมาวิ่ง ฝึกทุกวันทั้งวัน เดี๋ยวโดนซ่อมบ้างอะไรบ้าง แต่มันก็มีบอกอย่างที่สวนทางกัน เราไม่ได้มีโทรศัพท์ เราไม่มีอะไรเลย มีแต่เพื่อนที่อยู่ร้อยเดียวกัน ในช่วงฝึกเหนื่อยมากๆ ผมจะคิดเยอะมากๆ คิดหลายๆอย่าง คิดจนปวดหัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยาก็ไม่ได้เอามา เวลาว่าง เวลาทำอะไรก็จะคิดไปหมด จนมันทำให้เราโตขึ้น คิดอะไรได้หลายอย่าง พอวันฝึกเสร็จวันสุดท้ายปล่อยกับบ้าน ก็จะมีโชว์ผู้ปกครอง ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย ผมก็เหมือนกัน ผมกลายเป็นคนที่เงียบ ใจเย็นขึ้น ระเบียบอะไรหลายๆอย่าง แต่สิ่งที่ตามมาคือผมเริ่มรู้สึกกลับไปเหมือนเดิม รู้สึกเริ่มกังวลมากขึ้น ปวดหัวตลอด กลับไปพักบ้านได้ประมาณ 5 วันก็เปิดเทอม ก็เหมือนเดิมครับ ก็โดนซ่อมบ้างอะไรบ้าง แล้วก็เข้าห้องเรียน เทอมแรกจะเรียนรวมไปก่อนครับทุกช่าง เทอมสองค่อยให้เลือกช่างที่อยากเรียนตามลำดับ เรียน 3 ปี ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยครับ แล้วก็มารู้ตัวว่าไม่ได้ชอบช่างด้วย เลยยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ ลองพยายามเปิดใจแต่ก็ไม่ไหวจริงๆ จนเริ่มหนักขึ้นจนตอนนี้จากหมอทุกๆเดือนกลายเป็นทุกๆ 2 อาทิตย์แทน มันเริ่มไม่ไหว รู้สึกฝืนมากๆ คือผมมาเรียนตรงนี้ ที่บ้านภูมิใจครับ ครอบครัว ญาติดีใจ แต่ผมกลับรู้สึกผมกำลังทำตามเค้าอยู่ ผมไม่ได้มีความสุขกับตรงนี้เลย ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อ อาการเริ่มหนักขึ้น มีทำร้ายตัวเองมากขึ้น รู้สึกเหมือนผมกำลังทำให้คนอื่นสบายใจ แต่ผมกลับไม่ได้มีความสุขไม่ได้สบายใจ ในช่วงที่ผ่านมานี้ทำรู้สึกแทบหาความสุขไม่ได้เลย ผมจะออกก็จะทำให้แม่ร้องไห้ ทำให้คนอื่นผิดหวังอีก ยิ่งคิดแบบนั้นยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกไม่ดีเลยครับ ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะฝืนไปได้อีกนานแค่ไหน ตอนนี้เรียนมา 6 สัปดาห์ยังรู้สึกไม่เข้าใจอะไรเลยครับ ฝืนมากๆ ผมได้มีโอกาสแต่งเครื่องแบบกลับไปหาเพื่อนที่ รร.เก่า ได้ไปนั่งเรียนคาบภาษาอังกฤษต่างชาติกับเพื่อนหนึ่งคาบ มันรู้สึกโล่งแปลกๆ มันรู้สึกเราคิดถึงอะไรแบบนี้ ความสบายใจ ( ปล.ตอนนี้ถ้าถามว่าอยากเป็นอะไร คงตอบว่าครูครับ )
เลยอยากถามหลายๆท่านว่าควรทำยังไงต่อดีครับ
ถ้าท่านใดสงสัยอะไร พิมพ์ไว้ได้เลยครับเดี๋ยวผมมาตอบ ขอบคุณครับ 🙏
( ผมอาจจะเล่าไม่หมดครับ มีอะไรที่ซับซ้อนลึกกว่านี้มาก )