สวัสดีค่า ไม่ได้เเวะเข้ามารีวิวนานมากเลยจ้า รอบนี้มีโอกาสได้ตีตั๋วไปลองสัมผัสทวีปใหม่ทางฝั่งซีกโลกใต้ นั่นคือ Australia กันจ้า
รอบนี้เราจะเริ่มเปิดประสบการณ์ใหม่กับประเทศนี้ไปพร้อมกับฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่เมืองที่ขึ้นชื่อว่า " The world's most livable city " นั่นคือ Melbourne
เรื่องการขอวีซ่าถ้าเตรียมเอกสารครบไม่ยากเลย อนุมัติไวมากด้วยได้มา 3 ปี ยาวๆเลย
การเดินทาง
- Jet star airways บินตรงไปลง Melbourne ประมาณ 9 ชั่วโมง
โรงเเรม
- Oaks On William Melbourne 4 คืน
การเดินทางใน Melbourne
- แนะนำว่าครวซื้อบัตร Myki card เพื่อความสะดวก ค่าบัตร 6 AUD ครั้งนี้เราเติมเงินเข้าบัตรไป 20 AUD
(บัตรนี้ขอ refund คืนเงินได้เเต่ยุ่งยากแนะนำทยอยเติมทีละนิดดีกว่า)
- จากสนามบินนั่ง Sky bus ออกจากสนามบินมาจะมีตู้ขายตั๋วทั้งแบบกดเองเเละพนักงานสีส้มๆหาไม่ยากเลยค่า คนละ 19.75 AUD ต่อเที่ยว
เรานั่งไปลงสถานนี้ Southern cross station
- จะไปไหนเปิด Google map จะบอกการเดินทางสะดวกมาก
Sim card
- ‘yes’ OPTUS ซื้อได้ที่สนามบินหรือตาม 7/11 มีหลายราคาเลือกซื้อได้ตามความต้องการการใช้งานได้เลย
ทริปนี้มีเวลาน้อย 4 คืน 5 วัน ( 24-28 May 2019)
วันเเรกไปถึงมืดเเล้วเนื่องจากไฟท์ดีเลย์จากไทย เดิมต้องถึงตั้งเเต่ช่วงเช้าเเต่ดีเลย์ 7 ชม.!!! วันเเรกหมดไปแบบต้องทำใจ เข็ดกับเจ้านี้อีกนาน
มาเริ่มกันวันที่ 2 เลยจ้า การเดินทางใน Melbourne CBD หรือรอบๆ ไม่ยากเลยมีรถรางให้บริการเเทบทุกถนน โดยเฉพาะโซนรอบเมือง มีฟรีเเทรมสาย 35/30 ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆเกือบทั้งหมดเลยจ้า
สถานที่เเรกของวันนี้คือ Victoria Market Melbourne ซึ่งอยู่ใกล้กับ รร ที่พักมาก เเละเป็นตลาดที่ชอบมากอยากเหมาของสดที่นี่มาไว้ตลาดบ้านเราบ้าง
มาต่อกันที่ State Library of Victoria ตรงนี้นั่งเเทรมมาได้ทั้งสาย 30/35 โดยลงที่สถานีป้าย La Trobe Street /Swanston Street โดยย่านนี้เป็นใจกลางของ Melbourne CBD มีครบทุกอย่าง
เดินเลยมาอีกนิดจะเจอกับสวน Carlton Gardens เหมาะกับการมาปิกนิกมาก ใบไม้ที่นี่กำลังเปฌนสีเหลืองแบบเบาๆ บรรยากาศสดชื่นมาก
นั่งพักขากินแอปเปิ้ลสักพักสถานีต่อไปของเราคือ Brighton Bathing Boxes
- การเดินทาง นั่งเเทรมไปเริ่มต้นที่สถานี Flinders Street Railway Station นายสถานีเเนะนำให้นั่งไปลงสถานี Caulfield เเละจะมีรถบัสนั่งต่อไปที่ Brighton Beach Station หรือจะลงที่สถานี Middle Brighton Railway Station ก็ได้ เดินมาที่ชายหาดระยะทางไม่ต่างกันมาก
มาถึงลมเเรงมาก เมฆครึ้มฟ้าไม่ใสเลย ไม่มีใครอาบเเดดเลยทุกคนใส่ชุดกันหนาวกันลมมาแบบจัดเต็ม 555 เเต่ความสดใสของบ้านหลากสีก็ทำให้หายเหนื่อยจากการเดินฝ่าลมมา ถ้ามาวันอากาศดีๆคงสวยไม่เบาเลย นี่เป็นหนึ่งสถานที่ ที่ทำให้กดตั๋วมาเพื่ออยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง
รถไอติมเพื่มความน่ารักของที่นี่
ระหว่างทางเดินมาขึ้นรถเมล์เจอความใบไม้เเดงด้วย
เเละสถานที่สุดท้ายของวันนี้คือ St.Kilda Beach นั่งรถบัสย้อนกลับมาเพื่อจะมาชมเพนกวิน
- การเดินทาง :มาจากBrighton beach นั่งบัสตรง 31 นาที ลงสถานี Acland St เดินต่ออีก 900เมตร bus สาย 600 หรือ 923
เเต่!!! ฝนตกหนักมากเเละฟ้ามืดไวมาก สรุปเปียกเเละไม่ทันเห็นอะไรทั้งนั้นค่า ได้มาเเค่ชิงช้านี้ 555 เป็นอันกลับห้องนอน เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้
วันที่ 3 Great Ocean Road วันนี้ตื่นเเต่เช้าเนื่องจากนั่งรับรถกับบริษัทเช่ารถไว้ เราเช่ากับทางบริษัท Thrifty ไว้ จองมาจากไทยผ่านทางเว็บกลัวไม่มีรถ โชคดีมากที่รถที่เราเลือกไว้หมด (Kia Cereto ) ทางบริษัทให้คันนี้มาโอ้ยประทับใจมาก มากถึงมากที่สุดนิ่มมาก ขับดีมาก (ได้ขับ SUV ในราคา 88.08 2 วัน ) เเถมพนักงานให้ GPS มาใช้ฟรีด้วยปกติต้องจ่ายเพิ่ม
ส่วนประกันเราซื้อเเยกราคาไม่เเรงมาก ซึ่งถูกกว่าซื้อกับบริษัทเช่ารถมาก
>>
https://tripcover.com.au/register2.php
ได้รถเเล้วมาเริ่มทริปกันจ้า Road trip is Begin นี่เป็นครั้งเเรกกับการขับรถเที่ยวต่างประเทศ วิวข้างทางดูละสดชื่นมาก เราเลือกขาไปวิวเลียบถนนชายทะเลไปเรื่อย เพื่อชมความเป็น Ocean road มันดีมากจริงๆ การจำกัดความเร็ว 60 80 100 มีข้อดีนะทำให้เราได้มองข้างทางเเบบเรื่อยๆชิลๆ
*** เเต่อย่าลืมต้องขับตามความเร็วที่จำกัดนะ ที่นี่เค้าเคร่งจริง ***
ที่เเรกที่เเวะคือ Bells Beach ส่องหนุ่มๆออสซี่เล่น surf กัน คือยอมใจเค้าจริงๆอากาศที่โน้นคือหนาวมากนะสำหรับเราเเละลมเเรงมาก ขนาดเราใส่หนาๆขนาดนี้ยังสั่นเลย ไม่อยากนึกว่าน้ำทะเลจะเย็นขนาดไหน เเต่คนมาเล่นกันเยอะมาก
ทะเลที่นี่สีสวยมากอยากเเวะตลอดทาง 555 กินเวลาไปเรื่อย พอขับผ่านช่วงเมือง Anglesea เห็นทะเลสาบสวยๆก็เเวะอีกจ้า
เเวะต่อที่ Split Point lighthouse ประภาคาร เข้าทางสายทะเลอย่างเราอีกเเล้ว
กินเวลาไปเเล้วครึ่งวันยังไม่ถึง landmark หลักของเราเลยต้องหักห้ามใจเเล้วจ้า ชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆน้า
เเละเเล้วก็มาถึง Gibson step วิวคลื่นที่นี่ประทับใจมากอีกเเล้ว เสียดายไม่ได้เดินลงไปข้างล่างเพราะลมแรงมากเเละคลื่นตีสูงที่เห็นคนด้านล่างคือบางจังหวะคลื่นซัดเปียกไปเลย
จุดขาวๆ คือน้องเเกะน้า ไปใกล้ได้เเค่นี้
ไปต่อที่ Landmark หลักที่ทำให้อยากมาประเทศนี้กัน Twelve Apostles วิวประจำชาติของเลยก็ว่าได้ ของจริงสวยมาก ไม่เสียเเรงที่ตั้งใจข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลครั้งนี้ ใครสนใจจะชมวิวแบบ Bird eyes view ก็สามารถติดต่อที่ information เพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ได้
เเละที่สุดท้ายของวัน Loch ard gorge
คืนนี้เราแวะนอนกันที่ Port Campbell 1 คืน จะได้ไม่เหนื่อยมาก เนื่องจากฤดูนี้มืดเร็วเเละอากาศเเปรปรวนจึงไม่อยากเร่งรีบมาก
[CR] Kamols Journey ==> Autumn in Melbourne
วันเเรกไปถึงมืดเเล้วเนื่องจากไฟท์ดีเลย์จากไทย เดิมต้องถึงตั้งเเต่ช่วงเช้าเเต่ดีเลย์ 7 ชม.!!! วันเเรกหมดไปแบบต้องทำใจ เข็ดกับเจ้านี้อีกนาน
มาเริ่มกันวันที่ 2 เลยจ้า การเดินทางใน Melbourne CBD หรือรอบๆ ไม่ยากเลยมีรถรางให้บริการเเทบทุกถนน โดยเฉพาะโซนรอบเมือง มีฟรีเเทรมสาย 35/30 ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆเกือบทั้งหมดเลยจ้า
สถานที่เเรกของวันนี้คือ Victoria Market Melbourne ซึ่งอยู่ใกล้กับ รร ที่พักมาก เเละเป็นตลาดที่ชอบมากอยากเหมาของสดที่นี่มาไว้ตลาดบ้านเราบ้าง
มาต่อกันที่ State Library of Victoria ตรงนี้นั่งเเทรมมาได้ทั้งสาย 30/35 โดยลงที่สถานีป้าย La Trobe Street /Swanston Street โดยย่านนี้เป็นใจกลางของ Melbourne CBD มีครบทุกอย่าง
เดินเลยมาอีกนิดจะเจอกับสวน Carlton Gardens เหมาะกับการมาปิกนิกมาก ใบไม้ที่นี่กำลังเปฌนสีเหลืองแบบเบาๆ บรรยากาศสดชื่นมาก
นั่งพักขากินแอปเปิ้ลสักพักสถานีต่อไปของเราคือ Brighton Bathing Boxes
ระหว่างทางเดินมาขึ้นรถเมล์เจอความใบไม้เเดงด้วย
เเละสถานที่สุดท้ายของวันนี้คือ St.Kilda Beach นั่งรถบัสย้อนกลับมาเพื่อจะมาชมเพนกวิน
วันที่ 3 Great Ocean Road วันนี้ตื่นเเต่เช้าเนื่องจากนั่งรับรถกับบริษัทเช่ารถไว้ เราเช่ากับทางบริษัท Thrifty ไว้ จองมาจากไทยผ่านทางเว็บกลัวไม่มีรถ โชคดีมากที่รถที่เราเลือกไว้หมด (Kia Cereto ) ทางบริษัทให้คันนี้มาโอ้ยประทับใจมาก มากถึงมากที่สุดนิ่มมาก ขับดีมาก (ได้ขับ SUV ในราคา 88.08 2 วัน ) เเถมพนักงานให้ GPS มาใช้ฟรีด้วยปกติต้องจ่ายเพิ่ม
ส่วนประกันเราซื้อเเยกราคาไม่เเรงมาก ซึ่งถูกกว่าซื้อกับบริษัทเช่ารถมาก
>> https://tripcover.com.au/register2.php
ได้รถเเล้วมาเริ่มทริปกันจ้า Road trip is Begin นี่เป็นครั้งเเรกกับการขับรถเที่ยวต่างประเทศ วิวข้างทางดูละสดชื่นมาก เราเลือกขาไปวิวเลียบถนนชายทะเลไปเรื่อย เพื่อชมความเป็น Ocean road มันดีมากจริงๆ การจำกัดความเร็ว 60 80 100 มีข้อดีนะทำให้เราได้มองข้างทางเเบบเรื่อยๆชิลๆ
*** เเต่อย่าลืมต้องขับตามความเร็วที่จำกัดนะ ที่นี่เค้าเคร่งจริง ***
ที่เเรกที่เเวะคือ Bells Beach ส่องหนุ่มๆออสซี่เล่น surf กัน คือยอมใจเค้าจริงๆอากาศที่โน้นคือหนาวมากนะสำหรับเราเเละลมเเรงมาก ขนาดเราใส่หนาๆขนาดนี้ยังสั่นเลย ไม่อยากนึกว่าน้ำทะเลจะเย็นขนาดไหน เเต่คนมาเล่นกันเยอะมาก
ทะเลที่นี่สีสวยมากอยากเเวะตลอดทาง 555 กินเวลาไปเรื่อย พอขับผ่านช่วงเมือง Anglesea เห็นทะเลสาบสวยๆก็เเวะอีกจ้า
เเวะต่อที่ Split Point lighthouse ประภาคาร เข้าทางสายทะเลอย่างเราอีกเเล้ว
กินเวลาไปเเล้วครึ่งวันยังไม่ถึง landmark หลักของเราเลยต้องหักห้ามใจเเล้วจ้า ชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆน้า
เเละเเล้วก็มาถึง Gibson step วิวคลื่นที่นี่ประทับใจมากอีกเเล้ว เสียดายไม่ได้เดินลงไปข้างล่างเพราะลมแรงมากเเละคลื่นตีสูงที่เห็นคนด้านล่างคือบางจังหวะคลื่นซัดเปียกไปเลย
จุดขาวๆ คือน้องเเกะน้า ไปใกล้ได้เเค่นี้
ไปต่อที่ Landmark หลักที่ทำให้อยากมาประเทศนี้กัน Twelve Apostles วิวประจำชาติของเลยก็ว่าได้ ของจริงสวยมาก ไม่เสียเเรงที่ตั้งใจข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลครั้งนี้ ใครสนใจจะชมวิวแบบ Bird eyes view ก็สามารถติดต่อที่ information เพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ได้
เเละที่สุดท้ายของวัน Loch ard gorge
คืนนี้เราแวะนอนกันที่ Port Campbell 1 คืน จะได้ไม่เหนื่อยมาก เนื่องจากฤดูนี้มืดเร็วเเละอากาศเเปรปรวนจึงไม่อยากเร่งรีบมาก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้