เพลง William Tell overture

เพลง William Tell Overture

ผู้ประพันธ์ Gioachino Rossini (Italian) คนอิตาลีออกเสียงว่า จวกคีโนะ โรสซินี (ฟังการออกเสียงตามลิ้งค์ล่าง)
 
อ่านเรื่องย่อโอเปร่า วิลเลี่ยม แทล ได้ที่นี่
 
เพลง
William Tell Overture (วิลเลี่ยม แทล โอเวอเช่อร์
บางครั้งก็ออกเสียงว่าโอเวอร์ชัว) เป็นเพลงโหมโรงจากโอเปร่าเรื่อง
วิลเลี่ยม แทล  เพลงนี้ถ้าออกเสียงเป็นอังกฤษจะออกเสียงว่าแทล  https://www.youtube.com/watch?v=xjDqRcLbpuM 
 (ไม่ใช่ออกเสียงว่า “เทล” อย่างที่คนไทยมักออกเสียงกัน
และถ้าออกเสียงเป็นภาษาฝรั่งเศสซึ่งเป็นภาษาที่ใช้แต่งโอเปร่าเรื่องนี้จะอ่านว่า
กีโยม(เมอ) แตล Guillaume Tell  
เพลงนี้เป็นเพลงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเพลงหนึ่งในบรรดาเพลงโหมโรง 
มีการนำทำนองส่วนหนึ่งไปใส่ไว้ในเพลงคลาสสิกอื่นก็มีด้วย เช่น
ตอนท้ายของมูฟเม้นท์ที่หนึ่งของซิมโฟนีหมายเลข 15 ประพันธ์โดย Dmitri Shostakovich และ Johann Strauss Sr.
นำไปใช้กับ William Tell Galop (Op. 29b)
 และมีการนำไปใช้ในภาพยนตร์ซีรีย์  การ์ตูน  ใช้เป็นเพลงประกอบโฆษณา
และดัดแปลงไปใช้ในวงแตร (brass band)
 เป็นเพลงที่ได้ยินได้ฟังกันอยู่บ่อยมาก 
แต่ที่ได้ยินนั้นเป็นการตัดมาจากส่วนท้ายเพลงซึ่งมีความยาวสองนาทีเศษ 
 เป็นส่วนที่เรียกว่า "March Of The Swiss Soldiers,"
ที่มีท่วงทำนองตื่นเต้นเร้าใจเหมือนการควบม้าเข้าชาร์จ 
 
รายละเอียดการบรรเลงเพลง
หมายเหตุ – การบรรยายการบรรเลงว่าช่วงเวลาไหนบรรยายอะไรนั้น ใช้กับวีดีโอแรกนี้เท่านั้น


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เพลงนี้ยาวประมาณ 12 นาที
เป็นการวาดภาพผ่านทางเสียงดนตรีบรรยายถึงวิถีชีวิตผู้คนในเทือกเขาสวิสแอลป์
สถานที่ตามเนื้อเรื่องในโอเปร่าเรื่องนี้
การบรรเลงจะบรรเลงติดต่อกันไปโดยไม่มีการหยุด 
แต่ตามรูปแบบโครงสร้างเนื้อหาและอารมณ์ของเพลง 
สามารถแบ่งออกเป็นสี่ส่วนได้อย่างชัดเจน
 

1.Prelude: Dawn รุ่งเช้า

        
เพลงจะเริ่มช้า ๆ ด้วยเดี่ยวเชลโล่ (cello) เสียงต่ำเบา ๆ ในช่วงต้น  ๆ
แล้วก็จะมีเชลโล่อีก 5 ตัว ตามมาและจะมีเสียงดับเบิลเบส (double bass)
สอดแทรกบ้าง อารมณ์เพลงจะ
หม่น ๆ ไม่สดใสเท่าที่ควร ทั้ง ๆ
ในเนื้อเรื่องของโอเปร่าจะเป็นยามเช้าที่ชาวบ้านกำลังจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองการแต่งงาน)
ทำนองจะเอื่อย ๆ โดยเชลโล่กับเบส(ดับเบิลเบส) เป็นหลักเรื่อยไป
จะมีการรัวกลองทิมปานี เบา ๆ ตอน 1: 15 และในช่วงท้ายของส่วนนี้ตอน 2:13
จะมีการรัวกลองทิมปานี timpani เบา ๆ เป็นเหมือนเสียงฟ้าคำรามอยู่ไกล ๆ
เป็นการบอกเตือนว่าจะมีพายุ 
และเป็นเตรียมนำไปสู่ช่วงที่สองที่บรรยายถึงพายุ
เพราะตามเนื้อเรื่องจะมีพายุในช่วงต่อไปตอนลงเรือข้ามทะเลสาบ Lucerne 
ซึ่งในเชิงการประพันธ์เพลงที่มีเนื้อหาหลายอย่างการจะเปลี่ยนช่วงทำนองอารมณ์เพลงก็อาจจะมีตัวเชื่อมต่อให้เข้ากันได้ราบรื่นด้วย
 

2. ช่วงบรรยายพายุ (storm)

      พอบรรเลงมาถึง 2.46 ก็จะเข้าช่วงพายุ  กลุ่มเครื่องสาย(strings)
ก็จะเริ่มทำเสียงหวีดหวิวเลียนแบบเสียงลมพายุพัดมา ตอนแรกก็จะเบา ๆ
และจะดังขึ้น ๆ แบบพายุโหมกระหน่ำ     เต็มที่ในตอน ราว 3: 45 –
ซึ่งช่วงนี้เครื่องดนตรีทุกชิ้นจะเล่นพร้อมกัน (tutti)
ดังมากจะบรรยายพายุนานพอควรแล้วจะค่อย ๆ เบาลง ๆ(ตั้งแต่ช่วง 5: 0)
เพราะพายุสงบลง 
เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ส่วนที่สามเป็นการบรรยายเกี่ยวกับคนเลี้ยงสัตว์ในทุ่งหญ้า
 


3. การบรรยายเกี่ยวกับคนเลี้ยงสัตว์ Ranz des Vaches or Kuhreihen  or "Call to the Cows"


จะมีเสียงขลุ่ย(เขาสัตว์ horn ในชีวิตจริง) เรียกวัวในท้องทุ่งเป็นหลัก 
ซึ่งเป็นช่วงที่อ่อนหวานไพเราะเพราะพริ้งที่สุดของเพลง
ซึ่งจะเริ่มได้ยินเสียงฟลูตนำไปก่อนในช่วง 5:24 –
ช่วงนี้เครื่องดนตรีที่จะเป็นตัวเดินทำนองที่สำคัญมากคือ คอร์อังเกลส์ (cor
anglais หรือ English horn) เล่นสลับโต้ตอบกันไปมากับฟลูต(flute)
 โดยคอร์อังเกลส์ cors anglais จะบรรเลงทำนองหลักตอน 5 : 45 
(จะเห็นคนเป่าชัด ๆ ตอน 5:50
คอร์อังเกลส์จะมีสีดำเหมือนคลาริเน็ตกับโอโบแต่ต่างกันตรงส่วนก้านที่ใช้เป่าจะโค้งไม่ตรง)
โดยมีฟลูตบรรเลงสอดแทรกสลับกันไป  มาการบรรเลงจะค่อยลง ๆ
แล้วในทันใดนั้นเอง (ช่วง 8:20) ก็จะเข้าสู่ส่วนสุดท้าย
 
 
       4. การบรรยายส่วนท้าย  Finale: March of the Swiss Soldiers 
      

เป็นช่วงจบเป็นตอนที่กองกำลังชาวสวิสเดินทางมาช่วยชาวบ้านต่อสู้กับทหารออสเตรียที่ปกครองสวิสอยู่ในขณะนั้น
 เพลงช่วงนี้คนนิยมฟังกันมากที่สุดเพราะที่มีท่วงทำนอง
จังหวะและการบรรเลงอึกทึกครึกโครมตื่นเต้นดุเดือดเร้าใจสุด ๆ
ฟังดูเหมือนการควบม้าเข้าชาร์จต่อสู้กันฟังแล้วมันสะใจที่สุด
 
         
การฟังเพลงนี้ไม่ควรเน้นฟังเฉพาะส่วนท้าย
 แต่ควรตั้งใจฟังทั้งเพลงเพื่อเป็นการให้คุ้นการฟังดนตรีที่บรรยายเรื่องราวโดยผ่านทางเสียงดนตรี
 ซึ่งเพลงคลาสสิกส่วนหนึ่งจะเป็นเพลงแบบนี้
คือมีเนื้อหาเป็นเรื่องเป็นราว 
หรือบรรยายเหตุการณ์หรือสิ่งที่ประทับใจให้เราคิดไปถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยมีเสียงดนตรีนำให้เราคิดไปถึงสิ่งนั้น
ๆ   ซึ่งศัพท์ทางดนตรีเรียกดนตรีแบบนี้ว่าเป็นโปรแกรมมิวสิก (program
music :  music that is intended to evoke images or convey the impression
of events)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่