สวัสดี วันนี้จะมาเล่ายาวๆเลยเกี่ยวกับประสบการณ์ป่วยเรื้อรังยาวนานมาเป็นปีของเรา
เริ่มตั้งแต่วัยรุ่น เราเป็นคนกล้ามเนื้อหลังไม่ดี เพราะยกของหนัก ยกผิดท่า แล้วไม่บริหารกล้ามเนื้อหลังอย่างถูกวิธี ทำให้เป็นคนปวดหลังง่ายมาแต่ไหนแต่ไร
จนกระทั่งประสบอุบัติเหตุเมื่อตอนเดือนธันวาคมปี60 ซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วมันตกหลุมแรงมาก โชคดีที่มอเตอร์ไซค์ไม่ล้มเพราะเป็นมอเตอร์ไซค์3ล้อ แต่เราเจ็บมาก เจ็บจนน้ำตาไหล หลังจากนั้นสองสามวันก็เริ่มรู้สึกร้าวลงไปถึงน่อง
นั่นแหละค่ะ จุดเริ่มต้นอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทของเรา
มกราคม2561 เราก็ตัดสินใจไปหาหมอที่รพ.เอกชนใกล้บ้านที่เป็นที่ฝากผีฝากไข้ของเรา หมอก็ไม่ได้ให้เราขึ้นเตียงตรวจ แต่จับเรายกขาดู เรายกขาซ้ายไม่ได้ ยกนิดเดียวก็ร้องเจ็บแล้ว หมอก็เลยวินิจฉัยว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ให้ไปกายภาพบำบัด10วัน โดยไม่ได้ส่งไปMRIดูให้ชัดเจนด้วยนะ แต่เราก็เชื่อหมอไง โอเค กายภาพบำบัดครบปุ๊บมันก็ดีขึ้นนะ ใช้ชีวิตได้ปรกติมาเป็นปี
ระหว่างนั้นก็ปวดหลังเป็นพักๆ ถึงแม้จะไม่ร้าวลงขาแล้วแต่เราก็นั่งนานไม่ได้ ยืนนานก็ปวด ขับรถนานก็ปวด ปวดมากๆ ก็พยายามกายบริหารตามที่นักกายภาพบำบัดแนะนำมาตลอด ทั้งแพลงกิ้ง ดันหลัง หนีบหมอน ทำประจำแต่อาการก็ยังทรงๆ
จนกระทั่งเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา เราไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยใจเบิกบานสุดๆ ปรกติเราเดินวันละประมาณ8000ก้าว พอไปเที่ยว เดินวันละ20000ก้าวขึ้นไป เราเริ่มร้าวที่กลางฝ่าเท้าซ้ายตั้งแต่ไปเที่ยววันที่2 แต่ก็คิดว่าคงเพราะเดินเยอะเฉยๆไม่เป็นอะไรหรอก ก็เดินอย่างนั้นน่ะทั้งหมด7วัน วันท้ายๆก็ไปเที่ยวดิสนี่ย์ซีด้วย แล้วห้าวมาก นึกว่าตัวเองสบายดีก็เลยไปเล่นรถไฟเหาะค่ะ สนุกมาก 55555 จนกลับมาไทยนี่แหละ
18เมษายน เราถึงบ้านที่กรุงเทพแล้ว ยังรู้สึกปรกติดี แต่ปวดขา
20เมษายน ร้าวถึงข้อเท้าเลยค่ะ ปวดก้นมาก ก็เลยกลับไปหาหมอคนเดิม คราวนี้เราเดินขาแป ต้ลากขาข้างนึงเพราะยกไม่ไหว มันเจ็บ ไม่ได้เดินตรงๆเหมือนปรกติ แต่หมอก็ยังบอกว่าเราเป็นไม่มาก ส่งไปกายภาพอีก10วันเดี๋ยวก็หาย เราถามหมอว่าต้องMRIดูไหม หมอก็บอกว่าดูไปก็เท่านั้น จากอาการแล้วเราเป็นไม่เยอะ เรายังเดินได้ ยังไม่มีอาการชาหรืออ่อนแรง ยังไงก็รักษาด้วยการกายภาพอยู่ดี เอ้า เราก็เชื่อหมอ ก็ได้วะ
จนกระทั่งกายภาพครบ10วัน เรายังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ แล้วมีวันนึงที่เราต้องยืนเยอะ หลังจากวันนั้นเราเริ่มมีอาการชาที่น่องซ้าย ปลายเท้า ยุบยิบยุบยิบขึ้นมาเป็นพักๆ ก็เลยไปติดต่อทำนัดกายภาพบำบัดที่สหเวชศาสตร์จุฬาฯ หลังจากได้กายภาพกับนักกายภาพ2ครั้ง นักกายภาพให้ข้อสังเกตมาว่าเราดูเผินๆแล้วเหมือนเป็นไม่เยอะ แต่พอจับนอน จับยกจับยืดอะไรแล้วทำไม่ได้เลยสักอย่าง เค้าแนะนำให้เรากลับไปขอMRIให้แน่ใจว่าเป็นไม่มากจริงๆใช่ไหม เราก็เลยกลับไปขอMRIกับหมอคนเดิม
ตอนไปขอหมอmri.หมอยังไม่ค่อยอยากส่งเลย หมอบอกว่าเราเดินได้ ยังไหวอยู่ MRIมันก็แพง ทำไปก็กายภาพบำบัดเหมือนเดิมนะ แต่เรายืนยันว่าจะขอMRI
แจ็กพอตแตก พอผลMRIออก หมอหน้าเปลี่ยนเลยค่ะ หมอบอกว่าเราเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นค่อนข้างเยอะ ต้องปวดมากแน่ๆ(ก็ใช่น่ะซี้) แนะนำให้ผ่าตัด กายภาพอย่างเดียวไม่หายแน่นอน ด้วยความที่หมอคนนี้คือคนที่ประเมินความรุนแรงของอาการเราผิดเราก็เลยเสียความเชื่อมั่นไปมาก คือจริงๆก็เข้าใจหมอนะ เราเป็นคนทนเก่ง เจ็บมากก็ทน คนก็จะดูไม่ค่อยออกว่าจริงๆเจ็บอยู่ หมอก็คงเหมือนกัน แต่ก็นะ... นี่หลังเรา คุณภาพชีวิตเรา ก็เลยกลับออกมานอนหาข้อมูลไป ชั่งใจไปว่าจะผ่าดีไม่ผ่าดี จนสุดท้ายเราชามากขึ้นเรื่อยๆและปวดจนร้องไห้ ปวดตลอดเวลา ปวดทุกวินาที แต่ถึงขนาดนั้นแล้วก็ยังไปรับงานที่ต้องยืนเยอะๆอีก 55555 อดทนจริงๆ
ฟางเส้นสุดท้าย วันที่4มิถุนายนที่ผ่านมา เรานั่งรถแฟนเข้ามาทำงาน ระหว่างนั่งรถเราปวดมาก ปวดจนร้องไห้ นอนบิดไปบิดมาบนรถ ทั้งที่กินยาแก้ปวดมาแล้วด้วย แต่ยาที่กินก็แค่ไอบูโพรเฟน คงเอาไม่อยู่
ระหว่างนอนบิดนอนร้องนั้นเราก็เสิร์ชหาชื่อหมอกระดูกสันหลังไปด้วย โรงพยาบาลไหนใกล้ๆบ้านเราที่มีหมอกระดูกสันหลังเราก็มาร์กไว้ แล้วโทรนัดหมอเลย ไม่เลือกหมอแล้ว คนไหนก็ได้ ขอแค่เป็นหมอกระดูกสันหลังก็พอ
โชคดีที่โทรนัดแล้วหมอมีคิวพอดี วันที่4 เราได้พบหมอตอนเที่ยงครึ่งเลย พร้อมกับผลMRIที่เราพกติดตัวไปด้วย พอหมอเห็นผลMRIปุ๊บหมอถึงกับร้องอื้อหือ
(อย่าอื้อหือสิคะหมอ นั่นหลังดิฉันเองนะคะ 😂)
คนไข้ได้ทานยาแก้ปวดไหม ก็บอกหมอว่ากินไอบูโพรเฟนตอนเช้ามา6วันแล้วค่ะ แต่ไม่ช่วยอะไรเลย หมอก็พยักหน้า มันเอาไม่อยู่หรอกครับ โพรงประสาทกระดูกสันหลังของคนไข้ ข้อที่ปรกติดีมันกว้างถึง14มิลลิเมตร แต่ข้อที่มีปัญหามันเหลือเพียง3มิลลิเมตร มีการกดทับที่รุนแรงพอควร คนไข้ทนเก่งมาก ทนมาได้เป็นเดือน
หลังจากนั้นหมดก็ให้เรานอน ทดสอบอาการอ่อนแรง พบว่านิ้วเท้าเราอ่อนแรงแล้ว แต่เรายังไม่รู้ตัวเพราะเรายังเดินได้ หมอบอกให้เราผ่าเถอะ ถูกต้องแล้ว หมอนรองกระดูกเราปลิ้นทับเส้นประสาทเยอะมากจนไม่น่าเชื่อว่าทนไหว กายภาพบำบัดไปไม่หายแล้วจริงๆ ถ้าปล่อยไว้เส้นประสาทที่ถูกกดทับของเราจะเสื่อมไปเรื่อยๆจนฟื้นฟูยาก เราตกลงผ่าทันที นัดคิวผ่าได้วันถัดไปเลย เราได้ผ่าคิว21.00 คืนวันที่5มิถุนายน ไวมาก
เช้าวันที่5 เราตื่นมาพร้อมกับอาการเจ็บเหมือนทุกวัน แต่ใจเราเบิกบานมาก วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราตื่นมาพร้อมกับอาการนี้ พรุ่งนี้เราจะหายปวด เราเก็บของใช้ ครีมทาหน้าอะไรพร้อมแล้วก็นั่งรถอย่างทรมานไปเช่นเคย ไปโรงพยาบาลเพื่อแอดมิดและรอผ่า
ก่อนผ่า หมอแวะมาตรวจอาการดู เราก็คุยกับหมอ หมอบอกว่าตื่นมาแล้วจะเบาไปมากเลยนะ จะไม่ปวดเท่าเดิม ในบางรายอาจจะมีเจ็บๆได้ แต่จะเป็นอาการชั่วคราว เดี๋ยวก็ดีขึ้น จากนั้นก็มีนักกายภาพมาสอนเราใช้วอร์กเกอร์4ขา สอนเราลุกจากเตียง สอนเรานั่ง สอนท่าบริหารเพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนหลังผ่า
20.30 เวรเปลมารับเราหน้าห้อง พาเราไปผ่า เรายิ้มร่าเริงมาก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในชีวิตนี้จะดีใจที่ได้ผ่าตัดมากขนาดนี้ ถ่ายรูปชูสองนิ้วเก็บไว้ด้วย สู้มากๆ ไม่กลัวเลย เพราะที่ปวดอยู่มันทรมานจริงๆ
เราไปนอนรอในห้องเตรียมผ่า วิสัญญีแพทย์มาเปิดเส้นเราและอธิบายเกี่ยวกับการวางยาและตื่นของเรา ตกลงกันว่าถ้าคนไข้ขี้เกียจลืมตา ให้กระดิกเท้าบอกนะว่าตื่นแล้ว เราก็โอเคค่ะหมอ
21.25 พยาบาลเข็นเราเข้าไปในห้องผ่าตัด เราซึ่งได้ยาซึมมาแล้วก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ มันเหมือนในหนังเลยแฮะ 5555 แถมหนาวจนตัวสั่นอีกต่างหาก วิสัญญีแพทย์มาจับหน้าแล้วก็บอกว่าจะฉีดยาแล้วนะคะ อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะ เราก็งงๆ รู้สึกหนักๆที่แขน เปรยออกมาว่าต้องหลับแล้วเหรอคะ แล้วก็คร่อก..... Instant rest mode หลับเลยจ้าาาา
เราฟื้นมาอีกทีตอน23.30 แค่2ชั่วโมงเอง ฟื้นมาอยู่ในห้องพักฟื้น คอแห้งเป็นผงเลย แล้วก็เห็นแฟนใส่ชุดปลอดเชื้อเดินเข้ามาหาเรา เราค่อยๆจับสังเกตร่างกายตัวเอง พบว่าตึงที่หลังมาก ตึงๆแผลแหละ แต่ยังสบายอยู่ พอลองจับสังเกตขาซ้ายเรา เราร้องไห้น้ำตาไหลเลย ดีใจมาก มันไม่ปวดแล้ว ตอนนั้นคอแห้งมากๆ เมายาสลบยังพูดไม่เป็นคำ แต่ก็ยังพยายามจะพูดออกมาว่าไม่เจ็บแล้วไม่เจ็บแล้ว ฮือๆ ดีจังเลย สบายจังเลย แฟนก็มาโอ๋ มาลูบหัว สักพักก็เป็นแม่กับพี่ชายเข้ามาเยี่ยม เราก็พยายามร้องบอกว่าเราไม่เจ็บแล้ว ดีจังเลย สบายจังเลย คงเพราะฤทธิ์มอฟีนด้วยแหละ 5555
เราถูกเข็นกลับไปที่ห้องพักตอนเที่ยงคืนครึ่ง คืนนั้นเป็นคืนที่เรานอนหลับสบายที่สุดในรอบปี ด้วยความถูกวางยามาและฤทธิ์มอฟีน
วันรุ่งขึ้น วันที่6มิถุนายน เราตื่นมาพร้อมกับความเบิกบานใจ เราไม่เจ็บขาแล้ว จาก10มันเหลือ0เลย หมอมาเยี่ยมตอน9โมงแล้วให้เราลองเดินดู ตอนนั้นยังมีสายสวนปัสสาวะคาจิ๊มิ๊อยู่เลย แต่เดินแบบดีใจมาก เดินได้ไม่เจ็บแล้วโว้ยยยย หมอบอกว่ายังอ่อนแรงอยู่นะ เดี๋ยวเย็นๆมาดูอีกที
อ้อ เราผ่าแบบส่องกล้อง แผลเล็กนิดเดียว ประมาณนิ้วนึงได้ ทำให้ฟื้นตัวเร็วด้วย ถือเป็นความโชคดีที่เสิร์ชมาถูกโรงพยาบาล 😝
4โมงเย็น หมอกลับมาดู คราวนี้เดินได้สองสามก้าว หมอบอกให้เดินเองได้แล้ว ไม่ต้องใช้วอร์กเกอร์ ขาดูมีแรงกว่าเมื่อเช้าเยอะแล้ว เราก็ดีใจใหญ่ เย้ๆๆ เดินได้แล้ว ถอดสายสวนปัสสาวะได้แล้วเพราะเข้าห้องน้ำเองไหวแล้ว
วันที่7มิถุนายน หมอมาเยี่ยมตอนเช้าเหมือนเดิม คราวนี้เราใส่ตัวพยุงหลัง ซึ่งก็ต้องใส่อยู่แล้วน่ะนะ แล้วเดิน หมอให้เดินเล่นอยู่ในวอร์ดพักนึงเลย แล้วก็ถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วย คงเป็นพอร์ตของหมอแหละ
36ชั่วโมงหลังผ่า คนไข้เดินคล่องแล้ว วันนี้กลับบ้านได้!!! เย้ กลับบ้านได้แล้ว จากนี้อีก3เดือนเราต้องระวังตัวเองมากๆ ใส่พยุงหลัง2เดือน ห้ามก้มห้ามเงยห้ามยกของ ดีใจมากจริงๆ จบสิ้นกันทีอาการปวดเรื้อรังนี้
รู้อย่างนี้รีบMRI รีบผ่าตั้งนานแล้ว ไม่รู้ทนไปทำไมตั้งนาน
จบประสบการณ์ป่วยและประสบการณ์ผ่า
ต่อไปจะเป็นประสบการณ์พักฟื้นอีก3เดือน จะคอยมาอัพเดตเป็นพักๆ
เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยจริงๆนะให้ตายเถอะ 🤗
รูปอยู่ตรงนี้ค่ะ เป็นรูปMRIของเรา
เราเป็นข้อL4-L5. เป็นภาพด้านข้างนะคะที่เห็นมันปลิ้นออกมา
ส่วนอีกภาพนึงให้จินตนาการมองจากด้านหลังเข้ามา เส้นขาวๆคือเส้นประสาท ส่วนที่แหว่งไปคือส่วนที่เส้นประสาทถูกกดค่ะ
แล้วก็รูปหมอนรองกระดูกที่หมอคีบออกมา เยอะเหมือนกัน เยอะจนเสียวๆว่าที่เหลืออยู่ในหลังเรามันแค่ไหนนะ แต่เอาเถอะ เดี๋ยวออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อหลังเอา จะได้พยุงกระดูกได้ดี
ตอนนี้เราผ่ามาได้4วันแล้ว ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นที่บ้าน ทำกิจวัตรได้ตามปรกติเลยค่ะ อ้อ ตอนอาบน้ำต้องนั่งเก้าอี้อาบนะคะ ป้องกันการลื่นล้ม ปลอดภัยไว้ก่อน ต้องระวังมากๆ ขึ้นลงบันไดห้ามลืมจับราวบันได ลุกนั่งต้องถูกท่า ที่จริงไม่เจ็บปวดอะไรแล้ว แต่เราต้องระวัง เพื่อให้ผลการรักษาดีที่สุดค่ะ
หมอให้ใส่พยุงหลังไว้ตลอดถ้าไม่ใช่ตอนนอน และห้ามนั่งนานเกิน20นาที ห้ามเอี้ยวหลัง ให้ทำตัวเป็นท่อนไม้ไปก่อนประมาณ3เดือน
สบายมากค่าาาา
แล้วจะมาอัพเดตเป็นพักๆค่ะ
เพิ่มเติม*
ปัจจุบันเราอายุ30ปีค่ะ ผ่าตอนนี้จะยังหายได้ไวอยู่ หมอบอก
และค่าใช้จ่ายในการผ่าทั้งหมด รวมนอน2คืน แต่ไม่รวมMRI อยู่ที่ 290,xxx ค่ะ นอนรพ.เอกชนแพงหน่อย เพราะไม่มีเวลาเลือกเวลารอแล้ว ปวดจริงอะไรจริง โชคดีที่ทำประกันสุขภาพไว้ ก็ช่วยได้มากค่ะ เทียบกับความเจ็บที่หายไปแล้วถือว่าคุ้ม
แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
เริ่มตั้งแต่วัยรุ่น เราเป็นคนกล้ามเนื้อหลังไม่ดี เพราะยกของหนัก ยกผิดท่า แล้วไม่บริหารกล้ามเนื้อหลังอย่างถูกวิธี ทำให้เป็นคนปวดหลังง่ายมาแต่ไหนแต่ไร
จนกระทั่งประสบอุบัติเหตุเมื่อตอนเดือนธันวาคมปี60 ซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วมันตกหลุมแรงมาก โชคดีที่มอเตอร์ไซค์ไม่ล้มเพราะเป็นมอเตอร์ไซค์3ล้อ แต่เราเจ็บมาก เจ็บจนน้ำตาไหล หลังจากนั้นสองสามวันก็เริ่มรู้สึกร้าวลงไปถึงน่อง
นั่นแหละค่ะ จุดเริ่มต้นอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทของเรา
มกราคม2561 เราก็ตัดสินใจไปหาหมอที่รพ.เอกชนใกล้บ้านที่เป็นที่ฝากผีฝากไข้ของเรา หมอก็ไม่ได้ให้เราขึ้นเตียงตรวจ แต่จับเรายกขาดู เรายกขาซ้ายไม่ได้ ยกนิดเดียวก็ร้องเจ็บแล้ว หมอก็เลยวินิจฉัยว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ให้ไปกายภาพบำบัด10วัน โดยไม่ได้ส่งไปMRIดูให้ชัดเจนด้วยนะ แต่เราก็เชื่อหมอไง โอเค กายภาพบำบัดครบปุ๊บมันก็ดีขึ้นนะ ใช้ชีวิตได้ปรกติมาเป็นปี
ระหว่างนั้นก็ปวดหลังเป็นพักๆ ถึงแม้จะไม่ร้าวลงขาแล้วแต่เราก็นั่งนานไม่ได้ ยืนนานก็ปวด ขับรถนานก็ปวด ปวดมากๆ ก็พยายามกายบริหารตามที่นักกายภาพบำบัดแนะนำมาตลอด ทั้งแพลงกิ้ง ดันหลัง หนีบหมอน ทำประจำแต่อาการก็ยังทรงๆ
จนกระทั่งเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา เราไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยใจเบิกบานสุดๆ ปรกติเราเดินวันละประมาณ8000ก้าว พอไปเที่ยว เดินวันละ20000ก้าวขึ้นไป เราเริ่มร้าวที่กลางฝ่าเท้าซ้ายตั้งแต่ไปเที่ยววันที่2 แต่ก็คิดว่าคงเพราะเดินเยอะเฉยๆไม่เป็นอะไรหรอก ก็เดินอย่างนั้นน่ะทั้งหมด7วัน วันท้ายๆก็ไปเที่ยวดิสนี่ย์ซีด้วย แล้วห้าวมาก นึกว่าตัวเองสบายดีก็เลยไปเล่นรถไฟเหาะค่ะ สนุกมาก 55555 จนกลับมาไทยนี่แหละ
18เมษายน เราถึงบ้านที่กรุงเทพแล้ว ยังรู้สึกปรกติดี แต่ปวดขา
20เมษายน ร้าวถึงข้อเท้าเลยค่ะ ปวดก้นมาก ก็เลยกลับไปหาหมอคนเดิม คราวนี้เราเดินขาแป ต้ลากขาข้างนึงเพราะยกไม่ไหว มันเจ็บ ไม่ได้เดินตรงๆเหมือนปรกติ แต่หมอก็ยังบอกว่าเราเป็นไม่มาก ส่งไปกายภาพอีก10วันเดี๋ยวก็หาย เราถามหมอว่าต้องMRIดูไหม หมอก็บอกว่าดูไปก็เท่านั้น จากอาการแล้วเราเป็นไม่เยอะ เรายังเดินได้ ยังไม่มีอาการชาหรืออ่อนแรง ยังไงก็รักษาด้วยการกายภาพอยู่ดี เอ้า เราก็เชื่อหมอ ก็ได้วะ
จนกระทั่งกายภาพครบ10วัน เรายังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ แล้วมีวันนึงที่เราต้องยืนเยอะ หลังจากวันนั้นเราเริ่มมีอาการชาที่น่องซ้าย ปลายเท้า ยุบยิบยุบยิบขึ้นมาเป็นพักๆ ก็เลยไปติดต่อทำนัดกายภาพบำบัดที่สหเวชศาสตร์จุฬาฯ หลังจากได้กายภาพกับนักกายภาพ2ครั้ง นักกายภาพให้ข้อสังเกตมาว่าเราดูเผินๆแล้วเหมือนเป็นไม่เยอะ แต่พอจับนอน จับยกจับยืดอะไรแล้วทำไม่ได้เลยสักอย่าง เค้าแนะนำให้เรากลับไปขอMRIให้แน่ใจว่าเป็นไม่มากจริงๆใช่ไหม เราก็เลยกลับไปขอMRIกับหมอคนเดิม
ตอนไปขอหมอmri.หมอยังไม่ค่อยอยากส่งเลย หมอบอกว่าเราเดินได้ ยังไหวอยู่ MRIมันก็แพง ทำไปก็กายภาพบำบัดเหมือนเดิมนะ แต่เรายืนยันว่าจะขอMRI
แจ็กพอตแตก พอผลMRIออก หมอหน้าเปลี่ยนเลยค่ะ หมอบอกว่าเราเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นค่อนข้างเยอะ ต้องปวดมากแน่ๆ(ก็ใช่น่ะซี้) แนะนำให้ผ่าตัด กายภาพอย่างเดียวไม่หายแน่นอน ด้วยความที่หมอคนนี้คือคนที่ประเมินความรุนแรงของอาการเราผิดเราก็เลยเสียความเชื่อมั่นไปมาก คือจริงๆก็เข้าใจหมอนะ เราเป็นคนทนเก่ง เจ็บมากก็ทน คนก็จะดูไม่ค่อยออกว่าจริงๆเจ็บอยู่ หมอก็คงเหมือนกัน แต่ก็นะ... นี่หลังเรา คุณภาพชีวิตเรา ก็เลยกลับออกมานอนหาข้อมูลไป ชั่งใจไปว่าจะผ่าดีไม่ผ่าดี จนสุดท้ายเราชามากขึ้นเรื่อยๆและปวดจนร้องไห้ ปวดตลอดเวลา ปวดทุกวินาที แต่ถึงขนาดนั้นแล้วก็ยังไปรับงานที่ต้องยืนเยอะๆอีก 55555 อดทนจริงๆ
ฟางเส้นสุดท้าย วันที่4มิถุนายนที่ผ่านมา เรานั่งรถแฟนเข้ามาทำงาน ระหว่างนั่งรถเราปวดมาก ปวดจนร้องไห้ นอนบิดไปบิดมาบนรถ ทั้งที่กินยาแก้ปวดมาแล้วด้วย แต่ยาที่กินก็แค่ไอบูโพรเฟน คงเอาไม่อยู่
ระหว่างนอนบิดนอนร้องนั้นเราก็เสิร์ชหาชื่อหมอกระดูกสันหลังไปด้วย โรงพยาบาลไหนใกล้ๆบ้านเราที่มีหมอกระดูกสันหลังเราก็มาร์กไว้ แล้วโทรนัดหมอเลย ไม่เลือกหมอแล้ว คนไหนก็ได้ ขอแค่เป็นหมอกระดูกสันหลังก็พอ
โชคดีที่โทรนัดแล้วหมอมีคิวพอดี วันที่4 เราได้พบหมอตอนเที่ยงครึ่งเลย พร้อมกับผลMRIที่เราพกติดตัวไปด้วย พอหมอเห็นผลMRIปุ๊บหมอถึงกับร้องอื้อหือ
(อย่าอื้อหือสิคะหมอ นั่นหลังดิฉันเองนะคะ 😂)
คนไข้ได้ทานยาแก้ปวดไหม ก็บอกหมอว่ากินไอบูโพรเฟนตอนเช้ามา6วันแล้วค่ะ แต่ไม่ช่วยอะไรเลย หมอก็พยักหน้า มันเอาไม่อยู่หรอกครับ โพรงประสาทกระดูกสันหลังของคนไข้ ข้อที่ปรกติดีมันกว้างถึง14มิลลิเมตร แต่ข้อที่มีปัญหามันเหลือเพียง3มิลลิเมตร มีการกดทับที่รุนแรงพอควร คนไข้ทนเก่งมาก ทนมาได้เป็นเดือน
หลังจากนั้นหมดก็ให้เรานอน ทดสอบอาการอ่อนแรง พบว่านิ้วเท้าเราอ่อนแรงแล้ว แต่เรายังไม่รู้ตัวเพราะเรายังเดินได้ หมอบอกให้เราผ่าเถอะ ถูกต้องแล้ว หมอนรองกระดูกเราปลิ้นทับเส้นประสาทเยอะมากจนไม่น่าเชื่อว่าทนไหว กายภาพบำบัดไปไม่หายแล้วจริงๆ ถ้าปล่อยไว้เส้นประสาทที่ถูกกดทับของเราจะเสื่อมไปเรื่อยๆจนฟื้นฟูยาก เราตกลงผ่าทันที นัดคิวผ่าได้วันถัดไปเลย เราได้ผ่าคิว21.00 คืนวันที่5มิถุนายน ไวมาก
เช้าวันที่5 เราตื่นมาพร้อมกับอาการเจ็บเหมือนทุกวัน แต่ใจเราเบิกบานมาก วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราตื่นมาพร้อมกับอาการนี้ พรุ่งนี้เราจะหายปวด เราเก็บของใช้ ครีมทาหน้าอะไรพร้อมแล้วก็นั่งรถอย่างทรมานไปเช่นเคย ไปโรงพยาบาลเพื่อแอดมิดและรอผ่า
ก่อนผ่า หมอแวะมาตรวจอาการดู เราก็คุยกับหมอ หมอบอกว่าตื่นมาแล้วจะเบาไปมากเลยนะ จะไม่ปวดเท่าเดิม ในบางรายอาจจะมีเจ็บๆได้ แต่จะเป็นอาการชั่วคราว เดี๋ยวก็ดีขึ้น จากนั้นก็มีนักกายภาพมาสอนเราใช้วอร์กเกอร์4ขา สอนเราลุกจากเตียง สอนเรานั่ง สอนท่าบริหารเพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนหลังผ่า
20.30 เวรเปลมารับเราหน้าห้อง พาเราไปผ่า เรายิ้มร่าเริงมาก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในชีวิตนี้จะดีใจที่ได้ผ่าตัดมากขนาดนี้ ถ่ายรูปชูสองนิ้วเก็บไว้ด้วย สู้มากๆ ไม่กลัวเลย เพราะที่ปวดอยู่มันทรมานจริงๆ
เราไปนอนรอในห้องเตรียมผ่า วิสัญญีแพทย์มาเปิดเส้นเราและอธิบายเกี่ยวกับการวางยาและตื่นของเรา ตกลงกันว่าถ้าคนไข้ขี้เกียจลืมตา ให้กระดิกเท้าบอกนะว่าตื่นแล้ว เราก็โอเคค่ะหมอ
21.25 พยาบาลเข็นเราเข้าไปในห้องผ่าตัด เราซึ่งได้ยาซึมมาแล้วก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ มันเหมือนในหนังเลยแฮะ 5555 แถมหนาวจนตัวสั่นอีกต่างหาก วิสัญญีแพทย์มาจับหน้าแล้วก็บอกว่าจะฉีดยาแล้วนะคะ อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะ เราก็งงๆ รู้สึกหนักๆที่แขน เปรยออกมาว่าต้องหลับแล้วเหรอคะ แล้วก็คร่อก..... Instant rest mode หลับเลยจ้าาาา
เราฟื้นมาอีกทีตอน23.30 แค่2ชั่วโมงเอง ฟื้นมาอยู่ในห้องพักฟื้น คอแห้งเป็นผงเลย แล้วก็เห็นแฟนใส่ชุดปลอดเชื้อเดินเข้ามาหาเรา เราค่อยๆจับสังเกตร่างกายตัวเอง พบว่าตึงที่หลังมาก ตึงๆแผลแหละ แต่ยังสบายอยู่ พอลองจับสังเกตขาซ้ายเรา เราร้องไห้น้ำตาไหลเลย ดีใจมาก มันไม่ปวดแล้ว ตอนนั้นคอแห้งมากๆ เมายาสลบยังพูดไม่เป็นคำ แต่ก็ยังพยายามจะพูดออกมาว่าไม่เจ็บแล้วไม่เจ็บแล้ว ฮือๆ ดีจังเลย สบายจังเลย แฟนก็มาโอ๋ มาลูบหัว สักพักก็เป็นแม่กับพี่ชายเข้ามาเยี่ยม เราก็พยายามร้องบอกว่าเราไม่เจ็บแล้ว ดีจังเลย สบายจังเลย คงเพราะฤทธิ์มอฟีนด้วยแหละ 5555
เราถูกเข็นกลับไปที่ห้องพักตอนเที่ยงคืนครึ่ง คืนนั้นเป็นคืนที่เรานอนหลับสบายที่สุดในรอบปี ด้วยความถูกวางยามาและฤทธิ์มอฟีน
วันรุ่งขึ้น วันที่6มิถุนายน เราตื่นมาพร้อมกับความเบิกบานใจ เราไม่เจ็บขาแล้ว จาก10มันเหลือ0เลย หมอมาเยี่ยมตอน9โมงแล้วให้เราลองเดินดู ตอนนั้นยังมีสายสวนปัสสาวะคาจิ๊มิ๊อยู่เลย แต่เดินแบบดีใจมาก เดินได้ไม่เจ็บแล้วโว้ยยยย หมอบอกว่ายังอ่อนแรงอยู่นะ เดี๋ยวเย็นๆมาดูอีกที
อ้อ เราผ่าแบบส่องกล้อง แผลเล็กนิดเดียว ประมาณนิ้วนึงได้ ทำให้ฟื้นตัวเร็วด้วย ถือเป็นความโชคดีที่เสิร์ชมาถูกโรงพยาบาล 😝
4โมงเย็น หมอกลับมาดู คราวนี้เดินได้สองสามก้าว หมอบอกให้เดินเองได้แล้ว ไม่ต้องใช้วอร์กเกอร์ ขาดูมีแรงกว่าเมื่อเช้าเยอะแล้ว เราก็ดีใจใหญ่ เย้ๆๆ เดินได้แล้ว ถอดสายสวนปัสสาวะได้แล้วเพราะเข้าห้องน้ำเองไหวแล้ว
วันที่7มิถุนายน หมอมาเยี่ยมตอนเช้าเหมือนเดิม คราวนี้เราใส่ตัวพยุงหลัง ซึ่งก็ต้องใส่อยู่แล้วน่ะนะ แล้วเดิน หมอให้เดินเล่นอยู่ในวอร์ดพักนึงเลย แล้วก็ถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วย คงเป็นพอร์ตของหมอแหละ
36ชั่วโมงหลังผ่า คนไข้เดินคล่องแล้ว วันนี้กลับบ้านได้!!! เย้ กลับบ้านได้แล้ว จากนี้อีก3เดือนเราต้องระวังตัวเองมากๆ ใส่พยุงหลัง2เดือน ห้ามก้มห้ามเงยห้ามยกของ ดีใจมากจริงๆ จบสิ้นกันทีอาการปวดเรื้อรังนี้
รู้อย่างนี้รีบMRI รีบผ่าตั้งนานแล้ว ไม่รู้ทนไปทำไมตั้งนาน
จบประสบการณ์ป่วยและประสบการณ์ผ่า
ต่อไปจะเป็นประสบการณ์พักฟื้นอีก3เดือน จะคอยมาอัพเดตเป็นพักๆ
เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยจริงๆนะให้ตายเถอะ 🤗
รูปอยู่ตรงนี้ค่ะ เป็นรูปMRIของเรา
เราเป็นข้อL4-L5. เป็นภาพด้านข้างนะคะที่เห็นมันปลิ้นออกมา
ส่วนอีกภาพนึงให้จินตนาการมองจากด้านหลังเข้ามา เส้นขาวๆคือเส้นประสาท ส่วนที่แหว่งไปคือส่วนที่เส้นประสาทถูกกดค่ะ
แล้วก็รูปหมอนรองกระดูกที่หมอคีบออกมา เยอะเหมือนกัน เยอะจนเสียวๆว่าที่เหลืออยู่ในหลังเรามันแค่ไหนนะ แต่เอาเถอะ เดี๋ยวออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อหลังเอา จะได้พยุงกระดูกได้ดี
ตอนนี้เราผ่ามาได้4วันแล้ว ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นที่บ้าน ทำกิจวัตรได้ตามปรกติเลยค่ะ อ้อ ตอนอาบน้ำต้องนั่งเก้าอี้อาบนะคะ ป้องกันการลื่นล้ม ปลอดภัยไว้ก่อน ต้องระวังมากๆ ขึ้นลงบันไดห้ามลืมจับราวบันได ลุกนั่งต้องถูกท่า ที่จริงไม่เจ็บปวดอะไรแล้ว แต่เราต้องระวัง เพื่อให้ผลการรักษาดีที่สุดค่ะ
หมอให้ใส่พยุงหลังไว้ตลอดถ้าไม่ใช่ตอนนอน และห้ามนั่งนานเกิน20นาที ห้ามเอี้ยวหลัง ให้ทำตัวเป็นท่อนไม้ไปก่อนประมาณ3เดือน
สบายมากค่าาาา
แล้วจะมาอัพเดตเป็นพักๆค่ะ
เพิ่มเติม*
ปัจจุบันเราอายุ30ปีค่ะ ผ่าตอนนี้จะยังหายได้ไวอยู่ หมอบอก
และค่าใช้จ่ายในการผ่าทั้งหมด รวมนอน2คืน แต่ไม่รวมMRI อยู่ที่ 290,xxx ค่ะ นอนรพ.เอกชนแพงหน่อย เพราะไม่มีเวลาเลือกเวลารอแล้ว ปวดจริงอะไรจริง โชคดีที่ทำประกันสุขภาพไว้ ก็ช่วยได้มากค่ะ เทียบกับความเจ็บที่หายไปแล้วถือว่าคุ้ม