แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

สวัสดี​ วันนี้จะมาเล่ายาวๆเลยเกี่ยวกับประสบการณ์ป่วยเรื้อรังยาวนานมาเป็นปีของเรา

เริ่มตั้งแต่วัยรุ่น​ เราเป็นคนกล้ามเนื้อหลังไม่ดี​ เพราะยกของหนัก​ ยกผิดท่า​ แล้วไม่บริหารกล้ามเนื้อหลังอย่างถูกวิธี​ ทำให้เป็นคนปวดหลังง่ายมาแต่ไหนแต่ไร​

จนกระทั่งประสบอุบัติเหตุเมื่อตอนเดือนธันวาคมปี60​ ซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วมันตกหลุมแรงมาก​ โชคดีที่มอเตอร์ไซค์ไม่ล้ม​เพราะเป็นมอเตอร์ไซค์3ล้อ​  แต่เราเจ็บมาก​ เจ็บจนน้ำตาไหล​ หลังจากนั้นสองสามวันก็เริ่มรู้สึกร้าวลงไปถึงน่อง

นั่นแหละค่ะ​ จุดเริ่มต้นอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทของเรา

มกราคม2561​ เราก็ตัดสินใจไปหาหมอที่รพ.เอกชนใกล้บ้านที่เป็นที่ฝากผีฝากไข้ของเรา​ หมอก็ไม่ได้ให้เราขึ้นเตียงตรวจ​ แต่จับเรายกขาดู​ เรายกขาซ้าย​ไม่ได้​ ยกนิดเดียวก็ร้องเจ็บแล้ว​ หมอก็เลยวินิจฉัยว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท​ ให้ไปกายภาพบำบัด10วัน​ โดยไม่ได้ส่งไปMRIดูให้ชัดเจนด้วยนะ​ แต่เราก็เชื่อหมอไง​ โอเค​ กายภาพบำบัดครบปุ๊บมันก็ดีขึ้นนะ​ ใช้ชีวิตได้ปรกติมาเป็นปี 

ระหว่างนั้นก็ปวดหลังเป็นพักๆ​ ถึงแม้จะไม่ร้าวลงขาแล้วแต่เราก็นั่งนานไม่ได้​ ยืนนานก็ปวด​ ขับรถนานก็ปวด​ ปวดมากๆ​ ก็พยายามกายบริหารตามที่นักกายภาพบำบัดแนะนำมาตลอด​ ทั้งแพลงกิ้ง​ ดันหลัง​ หนีบหมอน​ ทำประจำแต่อาการก็ยังทรงๆ


จนกระทั่งเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา​ เราไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยใจเบิกบานสุดๆ​ ปรกติเราเดินวันละประมาณ8000ก้าว​ พอไปเที่ยว​ เดินวันละ20000ก้าวขึ้นไป​ เราเริ่มร้าวที่กลางฝ่าเท้าซ้ายตั้งแต่ไปเที่ยววันที่2  แต่ก็คิดว่าคงเพราะเดินเยอะเฉยๆไม่เป็นอะไรหรอก​ ก็เดินอย่างนั้นน่ะทั้งหมด7วัน​ วันท้ายๆก็ไปเที่ยวดิสนี่ย์ซีด้วย​ แล้วห้าวมาก​ นึกว่าตัวเองสบายดีก็เลยไปเล่นรถไฟเหาะค่ะ​ สนุกมาก​ 55555​ จนกลับมาไทยนี่แหละ​ 


18เมษายน​ เราถึงบ้านที่กรุงเทพแล้ว​ ยังรู้สึกปรกติดี​ แต่ปวดขา​ 


20เมษายน​ ร้าวถึงข้อเท้าเลยค่ะ​ ปวดก้นมาก​ ก็เลยกลับไปหาหมอคนเดิม​ คราวนี้เราเดินขาแป​ ต้ลากขาข้างนึงเพราะยกไม่ไหว​ มันเจ็บ​ ไม่ได้เดินตรงๆเหมือนปรกติ​ แต่หมอก็ยังบอกว่าเราเป็นไม่มาก​ ส่งไปกายภาพอีก10วันเดี๋ยวก็หาย​ เราถามหมอว่าต้องMRIดูไหม​ หมอก็บอกว่าดูไปก็เท่านั้น​ จากอาการแล้วเราเป็นไม่เยอะ​ เรายังเดินได้​ ยังไม่มีอาการชาหรืออ่อนแรง​ ยังไงก็รักษาด้วยการกายภาพอยู่ดี​  เอ้า​ เราก็เชื่อหมอ​ ก็ได้วะ

จนกระทั่งกายภาพครบ10วัน​ เรายังไม่ดีขึ้น​เท่าไหร่​ แล้วมีวันนึงที่เราต้องยืนเยอะ​ หลังจากวันนั้นเราเริ่มมีอาการชาที่น่องซ้าย​ ปลายเท้า​ ยุบยิบยุบยิบขึ้นมาเป็นพักๆ​ ก็เลยไปติดต่อทำนัดกายภาพบำบัดที่สหเวชศาสตร์จุฬาฯ​  หลังจากได้กายภาพกับนักกายภาพ2ครั้ง​ นักกายภาพให้ข้อสังเกตมาว่าเราดูเผินๆแล้วเหมือนเป็นไม่เยอะ​ แต่พอจับนอน​ จับยกจับยืดอะไรแล้วทำไม่ได้เลยสักอย่าง​ เค้าแนะนำให้เรากลับไปขอMRIให้แน่ใจว่าเป็นไม่มากจริงๆใช่ไหม​ เราก็เลยกลับไปขอMRIกับหมอคนเดิม

ตอนไปขอหมอmri.หมอยังไม่ค่อยอยากส่งเลย​ หมอบอกว่าเราเดินได้​ ยังไหวอยู่​ MRIมันก็แพง​ ทำไปก็กายภาพบำบัดเหมือนเดิมนะ​ แต่เรายืนยันว่าจะขอMRI


แจ็กพอตแตก​ พอผลMRIออก​ หมอหน้าเปลี่ยนเลยค่ะ​ หมอบอกว่าเราเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นค่อนข้างเยอะ​ ต้องปวดมากแน่ๆ(ก็ใช่น่ะซี้)​ แนะนำให้ผ่าตัด​ กายภาพอย่างเดียวไม่หายแน่นอน  ด้วยความที่หมอคนนี้คือคนที่ประเมินความรุนแรงของอาการเราผิดเราก็เลยเสียความเชื่อมั่นไปมาก​ คือจริงๆก็เข้าใจหมอนะ​ เราเป็นคนทนเก่ง​ เจ็บมากก็ทน​ คนก็จะดูไม่ค่อยออกว่าจริงๆเจ็บอยู่​ หมอก็คงเหมือนกัน​ แต่ก็นะ...  นี่หลังเรา​  คุณภาพชีวิตเรา​ ก็เลยกลับออกมานอนหาข้อมูลไป​ ชั่งใจไปว่าจะผ่าดีไม่ผ่าดี​ จนสุดท้ายเราชามากขึ้นเรื่อยๆและปวดจนร้องไห้​ ปวดตลอดเวลา​ ปวดทุกวินาที​ แต่ถึงขนาดนั้นแล้วก็ยังไปรับงานที่ต้องยืนเยอะๆอีก​ 55555​ อดทนจริงๆ


ฟางเส้นสุดท้าย​ วันที่4มิถุนายนที่ผ่านมา​ เรานั่งรถแฟนเข้ามาทำงาน​ ระหว่างนั่งรถเราปวดมาก​ ปวดจนร้องไห้​ นอนบิดไปบิดมาบนรถ​ ทั้งที่กินยาแก้ปวดมาแล้วด้วย​ แต่ยาที่กินก็แค่ไอบูโพรเฟน  คงเอาไม่อยู่​

ระหว่างนอนบิดนอนร้องนั้นเราก็เสิร์ชหาชื่อหมอกระดูกสันหลังไปด้วย​ โรงพยาบาลไหนใกล้ๆบ้านเราที่มีหมอกระดูกสันหลังเราก็มาร์กไว้​ แล้วโทรนัดหมอเลย​ ไม่เลือกหมอแล้ว​ คนไหนก็ได้​ ขอแค่เป็นหมอกระดูกสันหลังก็พอ


โชคดีที่โทรนัดแล้วหมอมีคิวพอดี​ วันที่4  เราได้พบหมอตอนเที่ยงครึ่งเลย​ พร้อมกับผลMRIที่เราพกติดตัวไปด้วย​ พอหมอเห็นผลMRIปุ๊บหมอถึงกับร้องอื้อหือ​
(อย่าอื้อหือสิคะหมอ​ นั่นหลังดิฉันเองนะคะ​ 😂)​
คนไข้ได้ทานยาแก้ปวดไหม​ ก็บอกหมอว่ากินไอบูโพรเฟนตอนเช้ามา6วันแล้วค่ะ​ แต่ไม่ช่วยอะไรเลย​ หมอก็พยักหน้า​ มันเอาไม่อยู่หรอกครับ  โพรงประสาทกระดูกสันหลังของคนไข้​ ข้อที่ปรกติดีมันกว้างถึง14มิลลิเมตร​ แต่ข้อที่มีปัญหามันเหลือเพียง3มิลลิเมตร​ มีการกดทับที่รุนแรงพอควร​ คนไข้ทนเก่งมาก​ ทนมาได้เป็นเดือน​  

หลังจากนั้นหมดก็ให้เรานอน​ ทดสอบอาการอ่อนแรง​ พบว่านิ้วเท้าเราอ่อนแรงแล้ว​ แต่เรายังไม่รู้ตัวเพราะเรายังเดินได้​ หมอบอกให้เราผ่าเถอะ​ ถูกต้องแล้ว​ หมอนรองกระดูกเราปลิ้นทับเส้นประสาทเยอะมากจนไม่น่าเชื่อว่าทนไหว​ กายภาพบำบัดไปไม่หายแล้วจริงๆ​ ถ้าปล่อยไว้เส้นประสาทที่ถูกกดทับของเราจะเสื่อมไปเรื่อยๆจนฟื้นฟูยาก​ เราตกลงผ่าทันที​ นัดคิวผ่าได้วันถัดไปเลย​ เราได้ผ่าคิว21.00​ คืนวันที่5มิถุนายน​ ไวมาก​ 


เช้าวันที่5  เราตื่นมาพร้อมกับอาการเจ็บเหมือนทุกวัน​ แต่ใจเราเบิกบานมาก​ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราตื่นมาพร้อมกับอาการนี้​ พรุ่งนี้เราจะหายปวด​ เราเก็บของใช้​ ครีมทาหน้าอะไรพร้อมแล้วก็นั่งรถอย่างทรมานไปเช่นเคย​ ไปโรงพยาบาลเพื่อแอดมิดและรอผ่า​


ก่อนผ่า​ หมอแวะมาตรวจอาการดู  เราก็คุยกับหมอ​ หมอบอกว่าตื่นมาแล้วจะเบาไปมากเลยนะ​ จะไม่ปวดเท่าเดิม​ ในบางรายอาจจะมีเจ็บๆได้​ แต่จะเป็นอาการชั่วคราว​ เดี๋ยวก็ดีขึ้น​ จากนั้นก็มีนักกายภาพมาสอนเราใช้วอร์กเกอร์4ขา​ สอนเราลุกจากเตียง​ สอนเรานั่ง​ สอนท่าบริหารเพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนหลังผ่า​ 


20.30  เวรเปลมารับเราหน้าห้อง​ พาเราไปผ่า​ เรายิ้มร่าเริงมาก​ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในชีวิตนี้จะดีใจที่ได้ผ่าตัดมากขนาดนี้​ ถ่ายรูปชูสองนิ้วเก็บไว้ด้วย​  สู้มากๆ​ ไม่กลัวเลย​ เพราะที่ปวดอยู่มันทรมาน​จริงๆ

เราไปนอนรอในห้องเตรียมผ่า  วิสัญญีแพทย์​มาเปิดเส้นเราและอธิบายเกี่ยวกับการวางยาและตื่นของเรา​ ตกลงกันว่าถ้าคนไข้ขี้เกียจลืมตา​ ให้กระดิกเท้าบอกนะว่าตื่นแล้ว​   เราก็โอเคค่ะหมอ​

21.25 พยาบาลเข็นเราเข้าไปในห้องผ่าตัด​ เราซึ่งได้ยาซึมมาแล้วก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้​ มันเหมือนในหนังเลย​แฮะ​ 5555​ แถมหนาวจนตัวสั่นอีกต่างหาก​ วิสัญญีแพทย์​มาจับหน้าแล้วก็บอกว่าจะฉีดยาแล้วนะคะ​ อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะ​ เราก็งงๆ​ รู้สึกหนักๆที่แขน​ เปรยออกมาว่าต้องหลับแล้วเหรอคะ​ แล้วก็คร่อก..... Instant rest mode หลับเลยจ้าาาา


เราฟื้นมาอีกทีตอน23.30  แค่2ชั่วโมงเอง​ ฟื้นมาอยู่ในห้องพักฟื้น​ คอแห้งเป็นผงเลย​ แล้วก็เห็นแฟนใส่ชุดปลอดเชื้อเดินเข้ามาหาเรา​ เราค่อยๆจับสังเกตร่างกายตัวเอง​ พบว่าตึงที่หลังมาก​  ตึงๆแผลแหละ แต่ยังสบายอยู่  พอลองจับสังเกตขาซ้ายเรา​ เราร้องไห้น้ำตาไหลเลย​ ดีใจมาก​ มันไม่ปวดแล้ว​ ตอนนั้นคอแห้งมากๆ​ เมายาสลบยังพูดไม่เป็นคำ​ แต่ก็ยังพยายามจะพูดออกมาว่าไม่เจ็บแล้วไม่เจ็บแล้ว​ ฮือๆ​ ดีจังเลย​ สบายจังเลย​ แฟนก็มาโอ๋​ มาลูบหัว​ สักพักก็เป็นแม่กับพี่ชายเข้ามาเยี่ยม​ เราก็พยายามร้องบอกว่าเราไม่เจ็บแล้ว​ ดีจังเลย​ สบายจังเลย​ คงเพราะฤทธิ์มอฟีนด้วยแหละ​ 5555

เราถูกเข็นกลับไปที่ห้องพักตอนเที่ยงคืนครึ่ง​ คืนนั้นเป็นคืนที่เรานอนหลับสบายที่สุดในรอบปี​ ด้วยความถูกวางยามาและฤทธิ์มอฟีน 

วันรุ่งขึ้น​ วันที่6มิถุนายน​ เราตื่นมาพร้อมกับความเบิกบานใจ​ เราไม่เจ็บขาแล้ว​ จาก10มันเหลือ0เลย​ หมอมาเยี่ยมตอน9โมงแล้วให้เราลองเดินดู​ ตอนนั้นยังมีสายสวนปัสสาวะคาจิ๊มิ๊อยู่เลย​ แต่เดินแบบดีใจมาก​ เดินได้ไม่เจ็บแล้วโว้ยยยย​ หมอบอกว่ายังอ่อนแรงอยู่นะ​ เดี๋ยวเย็นๆมาดู​อีกที

อ้อ​ เราผ่าแบบส่องกล้อง​ แผลเล็กนิดเดียว​ ประมาณนิ้วนึงได้​ ทำให้ฟื้นตัวเร็วด้วย​ ถือเป็นความโชคดีที่เสิร์ชมาถูกโรงพยาบาล​ 😝
4โมงเย็น​ หมอกลับมาดู​ คราวนี้เดินได้สองสามก้าว​ หมอบอกให้เดินเอง​ได้แล้ว​ ไม่ต้องใช้วอร์กเกอร์​ ขาดูมีแรงกว่าเมื่อเช้าเยอะแล้ว​ เราก็ดีใจใหญ่​ เย้ๆๆ​ เดินได้แล้ว​ ถอดสายสวนปัสสาวะได้แล้วเพราะเข้าห้องน้ำเองไหวแล้ว


วันที่7มิถุนายน​ หมอมาเยี่ยมตอนเช้าเหมือนเดิม​ คราวนี้เราใส่ตัวพยุงหลัง​ ซึ่งก็ต้องใส่อยู่แล้วน่ะนะ​ แล้วเดิน​ หมอให้เดินเล่นอยู่ในวอร์ดพักนึงเลย​ แล้วก็ถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วย​ คงเป็นพอร์ตของหมอแหละ​

36ชั่วโมงหลังผ่า​ คนไข้เดินคล่องแล้ว​ วันนี้กลับบ้านได้!!! เย้​ กลับบ้านได้แล้ว​ จากนี้อีก3เดือนเราต้องระวังตัวเองมากๆ​ ใส่พยุงหลัง2เดือน​ ห้ามก้มห้ามเงยห้ามยกของ​ ดีใจมากจริงๆ​ จบสิ้นกันทีอาการปวดเรื้อรังนี้​

รู้อย่างนี้รีบMRI​ รีบผ่าตั้งนานแล้ว​ ไม่รู้ทนไปทำไมตั้งนาน
จบประสบการณ์​ป่วยและประสบการณ์ผ่า​

ต่อไปจะเป็นประสบการณ์พักฟื้นอีก3เดือน​ จะคอยมาอัพเดตเป็นพักๆ​

เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยจริงๆนะให้ตายเถอะ​ 🤗

รูปอยู่ตรงนี้ค่ะ​ เป็นรูปMRIของเรา​
เราเป็นข้อL4-L5.​ เป็นภาพด้านข้างนะคะที่เห็นมันปลิ้นออกมา​

ส่วนอีกภาพนึงให้จินตนาการมองจากด้านหลังเข้ามา​ เส้นขาวๆคือเส้นประสาท​ ส่วนที่แหว่งไปคือส่วนที่เส้นประสาทถูกกดค่ะ

แล้วก็รูปหมอนรองกระดูกที่หมอคีบออกมา​ เยอะเหมือนกัน​ เยอะจนเสียวๆว่าที่เหลืออยู่ในหลังเรามันแค่ไหนนะ​ แต่เอาเถอะ​ เดี๋ยวออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อหลังเอา​ จะได้พยุงกระดูกได้ดี







ตอนนี้เราผ่ามาได้4วันแล้ว​ ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นที่บ้าน​ ทำกิจวัตรได้ตามปรกติเลยค่ะ​ อ้อ​ ตอนอาบน้ำต้องนั่งเก้าอี้อาบนะคะ​ ป้องกันการลื่นล้ม​ ปลอดภัยไว้ก่อน​ ต้องระวังมากๆ​ ขึ้นลงบันไดห้ามลืมจับราวบันได​ ลุกนั่งต้องถูกท่า​ ที่จริงไม่เจ็บปวดอะไรแล้ว​ แต่เราต้องระวัง​ เพื่อให้ผลการรักษาดีที่สุดค่ะ

  หมอให้ใส่พยุงหลังไว้ตลอดถ้าไม่ใช่ตอนนอน​ และห้ามนั่งนานเกิน20นาที​ ห้ามเอี้ยวหลัง​ ให้ทำตัวเป็นท่อนไม้ไปก่อนประมาณ3เดือน​
สบายมากค่าาาา

แล้วจะมาอัพเดตเป็นพักๆค่ะ

เพิ่มเติม​*
ปัจจุบันเราอายุ30ปีค่ะ​ ผ่าตอนนี้จะยังหายได้ไวอยู่​ หมอบอก
และค่าใช้จ่ายในการผ่าทั้งหมด​ รวมนอน2คืน​ แต่ไม่รวมMRI อยู่ที่​ 290,xxx ค่ะ​ นอนรพ.เอกชนแพงหน่อย​ เพราะไม่มีเวลาเลือกเวลารอแล้ว​ ปวดจริงอะไรจริง​ โชคดีที่ทำประกัน​สุขภาพไว้ ก็ช่วยได้มากค่ะ​ เทียบกับความเจ็บที่หายไปแล้วถือว่าคุ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่