Camino de Santiago
ฝน กับความสำคัญต่อวัฒนธรรมมนุษย์
‘ฝน’ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีความหมายในเชิงวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง วัฒนธรรมของมนุษย์เราสัมพันธ์กับการกสิกรรม และแน่นอนว่าสายฝนที่ตกต้องตามฤดูกาลย่อมเป็นแกนกลางของความเฟื่องฟูในแต่ละอารยธรรม แม้ในทุกวันนี้ต่อให้เราสามารถไปย่ำบนดวงจันทร์ได้แล้ว แต่ฝนก็ยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่คอยกำหนดความเป็นไปและความกินดีอยู่ดีของมนุษย์เรา
สายฝนเป็นได้ทั้งพรและโทษทัณฑ์จากธรรมชาติ สายฝนที่พร่างลงสู่พื้นดินอย่างถูกเวลาและแผ่วเบาเป็นเสมือนพรที่อำนวยความชุ่มฉ่ำและเป็นเหมือนการชำระล้างความรู้สึก หลายครั้งในตำนานโบราณสายฝนจึงทำหน้าที่เหมือนสัญญาณศักดิ์สิทธิ์ของสรวงสวรรค์ และในอีกหลายครั้งสายฝนคือการลงโทษและการชำระสิ่งต่างๆ เพื่อนำสมดุลของโลกใบนี้กลับคืนมา
ในแง่ของสภาพอากาศ เมืองร้อนแบบบ้านเราก็มีฤดูฝน ฤดูที่พืชพรรณและผลไม้ได้แตกหน่อผลิบาน สายฝนดูจะเป็นสิ่งที่เราบูชา ส่วนหนึ่งเพราะบ้านเราเป็นดินแดนกสิกรรมและใช้ชีวิตอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ที่สายฝนนำมาให้ ในโลกตะวันตกสายฝนเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาเท่าไหร่ ฝนในเมืองถูกโยงเข้ากับความหม่นเศร้าตรงข้ามกับแสงแดดที่สดใส แน่ล่ะนึกภาพอากาศหนาวๆ ฟ้าหม่นๆ แถมมีฝนตกมาสร้างความยะเยือกในหัวใจเข้าไปอีก ไม่แปลกเนอะที่ฝนจะเป็นตัวแทนของความโศกเศร้าและความทุกข์
กลิ่นความอบอุ่นของฝน
สิ่งที่น่ารักอย่างหนึ่งเวลาฝนตกคือ ‘กลิ่น’ ของสายฝน เราต่างสัมผัสกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ทุกครั้งเวลาฝนตกได้ นักวิทยาศาสตร์เองก็สงสัยและทำการศึกษาว่ากลิ่นของฝนที่เราคุ้นเคยนี้มันคืออะไรนะ
ในปี 1964 นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียสองคนให้คำตอบว่ากลิ่นฝนนี้มันคืออะไร พี่แกเรียกชื่อของกลิ่นฝนไว้อย่างสวยงามว่า ‘Petrichor’ เป็นคำจากภาษากรีกสองคำคือ ‘petra’ ที่แปลว่าหิน กับ ‘ichor’ คือเลือดของเทพเจ้าตามตำนานกรีก สรุปแล้วเจ้ากลิ่นนี้ก็คือกลิ่นที่เกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่พอเผชิญกับความแห้งแล้งจะสร้างสปอร์ออกมา พอฝนตกปุ๊บ สายฝนและความชื้นในอากาศทำให้สปอร์ของเจ้าแบคทีเรียฟุ้งกระจายแล้วกลายเป็นกลิ่นฝนที่เราคุ้นเคย
amaliaamandakasih
ฝนกับความรู้สึก
มีหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆ กันตอนฝนตก อากาศและบรรยากาศที่ชุ่มฉ่ำขึ้น ความกดอากาศลดต่ำลง และเสียงของสายฝนที่สม่ำเสมอ ทั้งหมดนั้นล้วนส่งผลกับร่างกายและความรู้สึกของมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ตกอยู่ใต้บรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงจากพลังของธรรมชาติ
งานศึกษาหนึ่งยืนยันความรู้สึกเจ็บปวดต่างๆ ตอนที่ฝนตก เช่นอาการปวดหลัง ปวดข้อต่อทั้งหลายจะหนักขึ้น โดยงานศึกษาพบว่าด้วยความกดอากาศและความชื้นในอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะฝนนี้ส่งผลกับระบบเลือดและของเหลวต่างๆ ในร่างกาย ทำให้อาการบวมและความดันต่างๆ ของเนื้อเยื่อรุนแรงขึ้น ความชื้นและความกดอากาศนี้ทำให้ระบบประสาทและข้อต่อของเราเจ็บ ฝืด และเคลื่อนไหวได้น้อยลง
เสียงของฝนที่สม่ำเสมอบางครั้งช่วยให้เราหลับสบายและเพิ่มสมาธิในการจดจ่อสิ่งต่างๆ เสียงฝนมีลักษณะเป็น ‘white noise’ คือเป็นเสียงที่ตัดการรบกวนจากเสียงยุ่งเหยิงอื่นๆ รอบตัว
สำหรับมนุษย์เราที่รู้สึกว่าตัวเองแสนยิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายฝนก็เป็นเหมือนปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ทั้งสามารถให้คุณและให้โทษกับเราได้อย่างมีนัยสำคัญ เมืองที่แสนน่าภูมิใจอาจเป็นอัมพาตเพราะสายฝนที่หนักเกินไป โลหะและสิ่งปลูกสร้างต่างถูกกัดกร่อนได้ด้วยสายฝน เรื่อยไปจนถึงระดับเซลล์ของเราที่สายฝนก็สามารถส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกได้ในระดับเนื้อเยื่อ
THE MATTER
vanat putnark
เวลาฝนตกคุณจะนึกถึงอะไร
Camino de Santiago
ฝน กับความสำคัญต่อวัฒนธรรมมนุษย์
‘ฝน’ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีความหมายในเชิงวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง วัฒนธรรมของมนุษย์เราสัมพันธ์กับการกสิกรรม และแน่นอนว่าสายฝนที่ตกต้องตามฤดูกาลย่อมเป็นแกนกลางของความเฟื่องฟูในแต่ละอารยธรรม แม้ในทุกวันนี้ต่อให้เราสามารถไปย่ำบนดวงจันทร์ได้แล้ว แต่ฝนก็ยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่คอยกำหนดความเป็นไปและความกินดีอยู่ดีของมนุษย์เรา
สายฝนเป็นได้ทั้งพรและโทษทัณฑ์จากธรรมชาติ สายฝนที่พร่างลงสู่พื้นดินอย่างถูกเวลาและแผ่วเบาเป็นเสมือนพรที่อำนวยความชุ่มฉ่ำและเป็นเหมือนการชำระล้างความรู้สึก หลายครั้งในตำนานโบราณสายฝนจึงทำหน้าที่เหมือนสัญญาณศักดิ์สิทธิ์ของสรวงสวรรค์ และในอีกหลายครั้งสายฝนคือการลงโทษและการชำระสิ่งต่างๆ เพื่อนำสมดุลของโลกใบนี้กลับคืนมา
ในแง่ของสภาพอากาศ เมืองร้อนแบบบ้านเราก็มีฤดูฝน ฤดูที่พืชพรรณและผลไม้ได้แตกหน่อผลิบาน สายฝนดูจะเป็นสิ่งที่เราบูชา ส่วนหนึ่งเพราะบ้านเราเป็นดินแดนกสิกรรมและใช้ชีวิตอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ที่สายฝนนำมาให้ ในโลกตะวันตกสายฝนเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาเท่าไหร่ ฝนในเมืองถูกโยงเข้ากับความหม่นเศร้าตรงข้ามกับแสงแดดที่สดใส แน่ล่ะนึกภาพอากาศหนาวๆ ฟ้าหม่นๆ แถมมีฝนตกมาสร้างความยะเยือกในหัวใจเข้าไปอีก ไม่แปลกเนอะที่ฝนจะเป็นตัวแทนของความโศกเศร้าและความทุกข์
กลิ่นความอบอุ่นของฝน
สิ่งที่น่ารักอย่างหนึ่งเวลาฝนตกคือ ‘กลิ่น’ ของสายฝน เราต่างสัมผัสกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ทุกครั้งเวลาฝนตกได้ นักวิทยาศาสตร์เองก็สงสัยและทำการศึกษาว่ากลิ่นของฝนที่เราคุ้นเคยนี้มันคืออะไรนะ
ในปี 1964 นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียสองคนให้คำตอบว่ากลิ่นฝนนี้มันคืออะไร พี่แกเรียกชื่อของกลิ่นฝนไว้อย่างสวยงามว่า ‘Petrichor’ เป็นคำจากภาษากรีกสองคำคือ ‘petra’ ที่แปลว่าหิน กับ ‘ichor’ คือเลือดของเทพเจ้าตามตำนานกรีก สรุปแล้วเจ้ากลิ่นนี้ก็คือกลิ่นที่เกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่พอเผชิญกับความแห้งแล้งจะสร้างสปอร์ออกมา พอฝนตกปุ๊บ สายฝนและความชื้นในอากาศทำให้สปอร์ของเจ้าแบคทีเรียฟุ้งกระจายแล้วกลายเป็นกลิ่นฝนที่เราคุ้นเคย
amaliaamandakasih
ฝนกับความรู้สึก
มีหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆ กันตอนฝนตก อากาศและบรรยากาศที่ชุ่มฉ่ำขึ้น ความกดอากาศลดต่ำลง และเสียงของสายฝนที่สม่ำเสมอ ทั้งหมดนั้นล้วนส่งผลกับร่างกายและความรู้สึกของมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ตกอยู่ใต้บรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงจากพลังของธรรมชาติ
งานศึกษาหนึ่งยืนยันความรู้สึกเจ็บปวดต่างๆ ตอนที่ฝนตก เช่นอาการปวดหลัง ปวดข้อต่อทั้งหลายจะหนักขึ้น โดยงานศึกษาพบว่าด้วยความกดอากาศและความชื้นในอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะฝนนี้ส่งผลกับระบบเลือดและของเหลวต่างๆ ในร่างกาย ทำให้อาการบวมและความดันต่างๆ ของเนื้อเยื่อรุนแรงขึ้น ความชื้นและความกดอากาศนี้ทำให้ระบบประสาทและข้อต่อของเราเจ็บ ฝืด และเคลื่อนไหวได้น้อยลง
เสียงของฝนที่สม่ำเสมอบางครั้งช่วยให้เราหลับสบายและเพิ่มสมาธิในการจดจ่อสิ่งต่างๆ เสียงฝนมีลักษณะเป็น ‘white noise’ คือเป็นเสียงที่ตัดการรบกวนจากเสียงยุ่งเหยิงอื่นๆ รอบตัว
สำหรับมนุษย์เราที่รู้สึกว่าตัวเองแสนยิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายฝนก็เป็นเหมือนปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ทั้งสามารถให้คุณและให้โทษกับเราได้อย่างมีนัยสำคัญ เมืองที่แสนน่าภูมิใจอาจเป็นอัมพาตเพราะสายฝนที่หนักเกินไป โลหะและสิ่งปลูกสร้างต่างถูกกัดกร่อนได้ด้วยสายฝน เรื่อยไปจนถึงระดับเซลล์ของเราที่สายฝนก็สามารถส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกได้ในระดับเนื้อเยื่อ
THE MATTER
vanat putnark