ฉันและสามี ทำงาน 6 วันต่อสปดาห์ค่ะ ซึ่งมีวันหยุดตรงกันคือวันอาทิตย์
หลังจากแต่งงานมาได้ประมาณปีกว่าๆ เวลาที่สามีมีให้ก็น้อยลงเรื่อยๆค่ะ
ตัวเขาเป็นผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนฉันเป็นรองผู้จัดการอีกบริษัทหนึ่ง
งานของเราคล้ายๆกัน แต่ต่างกันที่สถานประกอบการค่ะ
เวลาทีลงน้อยเรื่อยๆ หมายถึง
1.ปกติเขาเลิกงาน 17.00 น. เขามักจะกลับบ้านประมาณ 22.30 น. เกือบทุกวัน เหตุผลเพราะเขาอยากทำโอทีและเคลีบร์งานกับลูกน้อง
2. เวลาส่วนตัว เช่นหลังเลิกงาน 22.30น. มักจำเป็นต้องออกจากบ้าน ไปออฟฟิศอีก เนื่องจากที่ออฟฟิศมีปัญหา (พนักงานมีปัญหากับลูกค้าบ้าง, ปัญหาของบริษัทบ้าง) ข้อนี้ ประมาณ 4 วัน/สัปดาห์ที่ต้องไปออฟฟิศดึกๆ
3.วันอาทิตย์วันหยุด ก็มีเหตุจำเป็นต้องไปออฟฟิศอีก ครั้งละครึ่งวัน เหตุผลต่างๆนานาๆ เกี่ยวกับงาน (ประชุมบ้าง, อบรมบ้าง)
4.วันสำคัญของครอบครัวคือวันธรรมดาสำหรับเขา เช่น วันเกิด , วันครบรอบ, วันวาเลนไทน์ ไม่เคยมีเซอร์ไพรส์ เคยนัดกันกินข้าว แต่เขาก็ทิ้งฉันไว้กลางทาง เพราะที่ออฟฟิศมีปัญหาด่วนเข้ามา
ครั้งล่าสุดเสียใจมากเลยค่ะ กำลังเดินเวียนเทียนกันอยู่ เขาก็ต้องไปทันทีเพราะงาน
แรกๆก็พอเข้าใจได้นะคะ คิดเสมอว่าเขาทำงาน เขาเป็นผู้จัดการที่ดี เขามีความรับผิดชอบ
เจ้าของกิจการโชคดีที่ได้คนมีความรับผิดชอบอย่างสามีไปร่วมงาน แต่ในฐานะภรรยา ดิฉันก็โหยหาเวลาจากสามีเช่นเดียวกัน
คืนแล้วคืนเล่า ที่เขากลับมาตอนฉันหลับ กี่วันแล้วฉันไปทำงานโดยที่เขายังไม่ตื่น
นานมากแล้วที่เราสองคนไม่ได้ทานข้าวร่วมกัน มันเหงามากนะ! เหงามากจริงๆ
เคยคุยกันแล้วค่ะ หลายครั้ง สุดท้ายจบลงด้วยความไม่เข้าใจ อย่างี่เง่า! คือคำพูดของเขาที่ใช้จบบทสนทนา
ฉันมีเพื่อนน้อย มีสังคมน้อย ไม่นิยมมีกิ๊ก สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ คือเข้าวัดและฟังเพลง
แต่ทุกข์นั้นก็ไม่สามารถดับลงได้ เพราะฉันรักเขามากจริงๆ
อยากดูหนังกับเขา อยากไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเขา อยากขับรถเที่ยวกับเขา
อยากมีเวลากับเขา เวลาที่ฉันมีปัญหาและเครียดเรื่องงานก็อยากจะซบไหล่เขาบ้าง
ที่ฉันพิมพ์มาทั้งหมด ฉันแค่อยากระบาย หากเขามีโอกาสได้เข้ามาอ่าน ฉันอยากบอกเขาเหลือเกิน
"พี่คะ หนูนั่งรอพี่หน้าบ้านทุกคืน หนูพยายามเพ่งมองหาไฟรถของพี่เสมอ หนูไม่อาจเลิกรักพี่ได้ แต่หนูหวังว่า สักวันความพยายามของหนูจะเห็นผล
เมื่อพี่จัดแจงเวลาทำงานของพี่ได้ ได้โปรดเถอะ แบ่งเวลามาให้หนูหน่อย "
ด้วยรัก
วนิดา
ขอพื้นที่เล็กๆ ให้ผู้หญิงคนนี้ได้ระบาย
หลังจากแต่งงานมาได้ประมาณปีกว่าๆ เวลาที่สามีมีให้ก็น้อยลงเรื่อยๆค่ะ
ตัวเขาเป็นผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนฉันเป็นรองผู้จัดการอีกบริษัทหนึ่ง
งานของเราคล้ายๆกัน แต่ต่างกันที่สถานประกอบการค่ะ
เวลาทีลงน้อยเรื่อยๆ หมายถึง
1.ปกติเขาเลิกงาน 17.00 น. เขามักจะกลับบ้านประมาณ 22.30 น. เกือบทุกวัน เหตุผลเพราะเขาอยากทำโอทีและเคลีบร์งานกับลูกน้อง
2. เวลาส่วนตัว เช่นหลังเลิกงาน 22.30น. มักจำเป็นต้องออกจากบ้าน ไปออฟฟิศอีก เนื่องจากที่ออฟฟิศมีปัญหา (พนักงานมีปัญหากับลูกค้าบ้าง, ปัญหาของบริษัทบ้าง) ข้อนี้ ประมาณ 4 วัน/สัปดาห์ที่ต้องไปออฟฟิศดึกๆ
3.วันอาทิตย์วันหยุด ก็มีเหตุจำเป็นต้องไปออฟฟิศอีก ครั้งละครึ่งวัน เหตุผลต่างๆนานาๆ เกี่ยวกับงาน (ประชุมบ้าง, อบรมบ้าง)
4.วันสำคัญของครอบครัวคือวันธรรมดาสำหรับเขา เช่น วันเกิด , วันครบรอบ, วันวาเลนไทน์ ไม่เคยมีเซอร์ไพรส์ เคยนัดกันกินข้าว แต่เขาก็ทิ้งฉันไว้กลางทาง เพราะที่ออฟฟิศมีปัญหาด่วนเข้ามา
ครั้งล่าสุดเสียใจมากเลยค่ะ กำลังเดินเวียนเทียนกันอยู่ เขาก็ต้องไปทันทีเพราะงาน
แรกๆก็พอเข้าใจได้นะคะ คิดเสมอว่าเขาทำงาน เขาเป็นผู้จัดการที่ดี เขามีความรับผิดชอบ
เจ้าของกิจการโชคดีที่ได้คนมีความรับผิดชอบอย่างสามีไปร่วมงาน แต่ในฐานะภรรยา ดิฉันก็โหยหาเวลาจากสามีเช่นเดียวกัน
คืนแล้วคืนเล่า ที่เขากลับมาตอนฉันหลับ กี่วันแล้วฉันไปทำงานโดยที่เขายังไม่ตื่น
นานมากแล้วที่เราสองคนไม่ได้ทานข้าวร่วมกัน มันเหงามากนะ! เหงามากจริงๆ
เคยคุยกันแล้วค่ะ หลายครั้ง สุดท้ายจบลงด้วยความไม่เข้าใจ อย่างี่เง่า! คือคำพูดของเขาที่ใช้จบบทสนทนา
ฉันมีเพื่อนน้อย มีสังคมน้อย ไม่นิยมมีกิ๊ก สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ คือเข้าวัดและฟังเพลง
แต่ทุกข์นั้นก็ไม่สามารถดับลงได้ เพราะฉันรักเขามากจริงๆ
อยากดูหนังกับเขา อยากไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเขา อยากขับรถเที่ยวกับเขา
อยากมีเวลากับเขา เวลาที่ฉันมีปัญหาและเครียดเรื่องงานก็อยากจะซบไหล่เขาบ้าง
ที่ฉันพิมพ์มาทั้งหมด ฉันแค่อยากระบาย หากเขามีโอกาสได้เข้ามาอ่าน ฉันอยากบอกเขาเหลือเกิน
"พี่คะ หนูนั่งรอพี่หน้าบ้านทุกคืน หนูพยายามเพ่งมองหาไฟรถของพี่เสมอ หนูไม่อาจเลิกรักพี่ได้ แต่หนูหวังว่า สักวันความพยายามของหนูจะเห็นผล
เมื่อพี่จัดแจงเวลาทำงานของพี่ได้ ได้โปรดเถอะ แบ่งเวลามาให้หนูหน่อย "
ด้วยรัก
วนิดา