เป็นคนคางถอยเหมือนกันครับ ถ่ายรูปด้านหน้าจะไม่ค่อยมีปัญหาสักเท่าไหร่แต่ถ่ายด้านข้างหรือมุมเฉียงนี่ดูไม่โอเคเลยก็เลยตัดสินใจทำ แถมคางด้านขวาเคยไปกระแทกกับกำแพงจนกระดูกปูดขึ้นมานิดนึงทำให้เวลาถ่ายรูปหน้าดูเบี้ยวเพราะคางดูไม่เท่ากัน หาข้อมูลเยอะพอสมควรเลยครับ แต่รีวิวคางผู้ชายค่อนข้างน้อยมากแต่สุดท้ายก็ได้คลินิกที่ดูรีวิวแล้วถูกใจ ตอนแรกมี 2 ที่แต่ที่แรกไม่ทำให้ หมอบอกว่าคาง2ฝั่งไม่เท่ากันทำออกมาแล้วจะเบี้ยว ก็เลยไปปรึกษาที่คลินิกที่2 วันนัดปรึกษาคุยกันนานพอสมควรซึ่งหมอก็บอกเหมือนคลินิกแรกคือทำแล้วอาจจะเบี้ยว (หรือไม่เบี้ยวก็ได้) หมอแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์แทนแต่ใจผมอยากเสริมให้จบไปทีเดียวเลยมากกว่าการต้องมาเติมทุกปี สุดท้ายคุยกันรู้เรื่องตกลงกันได้ก็เลยทำครับ วันนัดทำมีปรึกษาก่อนทำอีกรอบซึ่งก็เกือบจะไม่ทำแล้วเหมือนกัน ตัดสินใจอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงแต่สุดท้ายก็ทำ

ผลออกมาคือพอใจ 85% เลยครับ อีก 15% ที่เหลือเพราะพื้นฐานคางที่ไม่เท่ากันของตัวเอง อันนี้เข้าใจได้ไม่ใช่ปัญหา ผมทำแบบยื่นมาข้างหน้าไม่เพิ่มความยาวเพราะไม่ได้มีปัญหาคางสั้น ทำออกมาไม่แหลมไม่ป้านจนเกินไป ไม่เบี้ยวแบบที่หมอกังวลด้วยครับ ก็เลยรู้สึกว่าตัดสินใจถูกที่ทำและโชคดีที่เจอหมอมีฝีมือด้วย ทำบ่ายวันศุกร์มีเวลาพักฟื้น 2 วันคือเสาร์อาทิตย์ วันจันทร์มาทำงานไม่มีใครทักเลยว่าหน้าแปลกไปหรือเปล่าเพราะยุบบวมค่อนข้างเร็วเพราะช่วงพักฟื้นผมไม่ได้นอนทั้งวันแต่เลือกที่จะเดินเยอะ ๆ ครับ วันที่ 5 หลังทำก็ออกงานได้สบายแล้ว ยุบบวมจนดูไม่บวมแล้ว แต่ความจริงคือยังยุบไม่100% หน้าเปลี่ยนเรื่อยๆอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ บางวันก็ดูพอดีบางวันก็ดูยาวเกิน พอผ่านไป 3 4 เดือนมีเริ่มคิดแล้วว่าน่าจะบอกหมอให้ทำยาวลงกว่านี้สักหน่อย จนถึงวันนี้ยังไม่เคยมีคนทักว่าหน้าเปลี่ยนหรือไปทำอะไรกับคางมาหรือเปล่าเลยสักคนครับ เพราะแต่เดิมถ้าไม่มองด้านข้างก็จะไม่รู้เลยว่าคางถอย ทำมาแล้วมองหน้าตรงก็แทบไม่รู้สึกเลยว่ามีอะไรเปลี่ยน แต่พอมองจากด้านข้างมีพี่ที่ทำงานทักว่าพอผมจัดฟันมานานแล้วคางก็เริ่มยื่นแล้ว 555 ตอนนี้ผ่านมา 10 เดือนแล้วพอใจแล้วครับ ถึงแม้จะอยากให้ยื่นมาข้างหน้าอีกนิดแต่ก็เข้าใจพื้นฐานคางเดิมของตัวเองครับ ตอนแรกกลัวเจ็บมากครับและก็กลัวดูแลไม่ดี แต่เอาเข้าจริงไม่เจ็บเลยครับ หลังทำรู้สึกแค่หน่วง ๆ ตึง ๆ นอกจากประคบร้อนเย็น กินยาและเดินเยอะๆแล้วก็ไม่ได้มีการดูและอะไรเป็นพิเศษเลยครับ