SCB กับ คลินิกเสริมความงาม ควรฟ้องใครดี

คำถามก็ตามหัวข้อเลยค่ะ
ระหว่างธนาคารกับคลินิก เราควรฟ้องใครดี
หรือแจ้งทั้งคู่ดีค่ะ

เรื่องคือ โดนคลีนิคโฆษณาแล้วรูดบัตรไป
โดยก่อนรูด พนักงานขายอ้างว่าจะทำเรื่องผ่อน 0% กับทางธนาคารให้แต่พอรูดเสร็จ บอกโทรไม่ติดให้เราทำเรื่องเอง และพอเช็คกับธนาคารได้ถึงพบว่า ไม่เป็นความจริง (โดนหลอกเต็ม)

แถมตอนจ่ายก็ไม่มีใบเสร็จให้ มีแต่หนังสือสัญญาที่อ่านแล้วพบว่าไม่เป็นธรรม กับสลิปบัตรเครดิต
วันที่ก็ไม่กรอก (กลับมาบ้านถึงได้เห็น)

ส่งเรื่องขอยกเลิกสัญญาไปที่คลีนิคแล้วยังเงียบ

โทรไป CC กับธนาคารแล้ว เจ้าหน้าที่ให้ติดต่อเอาใบยกเลิกกับทางร้านถ้าเดียว บอกจะระงับยอดไว้ให้ 120 วัน แต่กลับเรียกเก็บและตัดบัตร

พอถามก็ว่าเรายังไม่ได้ส่งเอกสาร คือ ก็โทรไปขอแบบฟอร์มกับธนาคารแล้ว ไปหน้าเคาเตอร์ก็แล้ว (เคาเตอร์ก็ให้โทรเข้าคอลเซนเตอร์อยู่ดี) แล้วก็วนลูป ธนาคารยกเลิกให้ไม่ได้ค่ะ ต้องมีใบจากทางร้าน หรือร้านกดยกเลิกให้เท่านั้น (เท่าที่อ่านกม.ไม่ใช่แบบนี้นี่ค่ะ ลูกค้ามีสิทธิ์ปฏิเสธรายการที่ยังไม่ได้ใช้บริการไม่ใช่หรือค่ะ)

เพิ่งรู้ว่า SCB เอาใจแต่ร้านค้า แล้วลูกค้าล่ะค่ะ

เคยโดนเคสตัดบัตรอัตโนมัติกับธนาคารอื่น โทรไปแจ้งทำเรื่องให้ไวมาก กรอกแบบฟอร์มส่งเรื่องแค่ 3 วัน ปรบมือให้ธนชาติ ส่วน SCB จะครบอาทิตย์แล้วยังโยนไปโยนมา 

ปล. หากมีท่านใดที่เผลอซื้อคอร์ส คลินิก ที่มาเปิดบูธที่บิ๊กซีบางปะกอก เมื่อเดือนมีนาคม ที่อ้างว่ากำลังจะเปิดสาขาใหม่เดอะมอลล์ท่าพระ และเพิ่งเปิดเมื่อไม่นานนี้ มาคุยกันได้นะคะ เพื่อเป็นเจ้าเดียวกัน จะได้ร่วมกันไปสคบ. ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่