ตามหัวข้อกระทู้ค่ะ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเราค่ะ แต่ค้างคาใจมาก
โดยส่วนตัวอยู่กับแฟน และคิดว่า ตัวเองคงไม่โอเคเลย ถ้าอยู่ๆวันหนึ่ง พ่อแม่เรา หรือพ่อแม่แฟน มาอยู่ด้วย ด้วยอารมณ์ที่เราของข้างมีโลกและต้องมีพื้นที่เป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้น อยู่ใกล้ๆได้ แต่อย่ามาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวสุขสันต์ อันนี้เราไม่เอา และแฟนเราก็เห็นด้วยกับเรา เพราะตอนจีบก็จีบกัน 2 คน เรายอมรับนิสัยแฟนได้ ไม่ได้หมายความว่า เราจะยอมรับนิสัยพ่อแม่แฟนได้ หรือแฟนจะยอมรับนิสัยพ่อแม่เราได้
แต่ เมื่อหลายวันก่อน เราได้คุยกับเพื่อนร่วมงาน A ซึ่งอาศัยซื้อบ้านอยู่กับแฟน ยังไม่ได้แต่งงานมีลูก
A บ่นกับกลุ่มเพื่อนที่ทำงานว่าไม่โอเคมากๆ ที่ครอบครัวแฟนจะมาหาและมาอยู่ที่บ้านของตนเองกับแฟนหลายๆวัน เพราะ A อึดอัดไม่สบายใจ ถึงขั้นเถียงกับแฟน ในขณะเดียวกัน A กลับโอเค ถ้าครอบครัวตัวเองจะมาพักอยู่ เราก็งงว่า "แบบนี้ก็ได้เหรอ" ก็สังคายนา A กันไป
ตัดมาอีกไม่กี่วัน เราก็ได้คุยกับเพื่อนร่วมงาน B ซึ่งแต่งงานมีลูกและซื้อบ้านร่วมกับแฟน อายุมากกว่าเรา
คุยไปคุยมาก็วกมาเข้าเรื่อง A ได้ไงไม่รู้ (วันที่ A บ่น B ไม่ได้อยู่ด้วย) เราก็สะท้อนเรื่อง A เป็นมุมกว้างๆว่า ซื้อบ้านกับแฟน ไม่ควรเอาครอบครัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาอยู่นะ อีกคนจะอึดอัด แล้ว B ก็สวนขึ้นมาว่า B ไม่เห็นด้วย B มองว่าครอบครัว พ่อแม่ ยังไงก็ต้องดูแล วันหนึ่งพอเขาแก่ตัวยังไงก็ต้องเอามาอยู่ด้วย ยังไงก็ต้องยอมรับและเข้ากันให้ได้ สรุป คือ มุมมอง B มองว่า การเอาครอบครัวมาอยู่ด้วยเป็นเรื่องปกติที่พึงกระทำ และเราไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรอีก เพราะโดยนิสัย B เป็นคนมั่นใจในความคิดของตนเอง ต่อให้ใครพูดยังไง B ก็จะสวน ตัดประโยคคนอื่น แล้วเอาความคิดของตนเองยัดไปทันที
แต่สิ่งที่เราเห็นในครอบครัวของ B คือ B เอาแม่มาอยู่ด้วย โดยอ้างว่าเอามาเลี้ยงหลาน วันดีคืนดีก็เอาญาติตัวเอง มากินเลี้ยงเฮฮาที่บ้าน ในขณะที่สามีของ B เป็นคนไม่มีปากเสียง B คิดและชอบพูดกับคนอื่นว่าตนเองคุมสามีและต้องค่อยสั่งสามีตลอดเวลา บวกกับทางครอบครัวของสามี B ไม่เคยมาขอพักอาศัยหรือยุ่งเกี่ยวกับ B เลย
เลยเป็นจุดคิดว่า เพราะ B ไม่เคยเกิดความอึดอัดใจจากครอบครัวสามีหรือเปล่า B ถึงคิดเช่นนี้ ในขณะเดียวกันครอบครัวของตัวเองเป็นสิ่งที่ชินกับนิสัย ยอมรับได้ และไม่เคยถามสามีว่าตัวสามีสบายใจไหม คิดเอาเองว่า สามีโอเค
ซึ่งโดยส่วนตัว เรามองว่า พ่อแม่แก่ตัวเราเข้าใจได้ การดูแลพ่อแม่ เราก็เข้าใจได้ แต่ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ใกล้ชิดกันตลอด 24 ชม. อาจอยู่ในพื้นที่ระแวกเดียวกันที่ไปมาหาสู่กันได้ก็พอ
ในอนาคต เราก็แอบคิด ว่าเราจะอยู่กับแฟนยังไง เพราะที่บ้านคงอยากให้เราอยากกลับไปอยู่บ้าน แต่ครอบครัวที่บ้านก็คงอึดอัดกับแฟนเรา และแฟนเราก็คงอึดอัดกับบ้านเรา จะเอาแฟนไปอยู่ด้วยก็ไกลพ่อแม่เขา แฟนลูกคนเดียว ส่วนบ้านแฟนเราก็คงไม่โอเคกับนิสัยพ่อแม่แฟน ทุกวันนี้ครอบครัวอยู่จังหวัดหนึ่งแบบเดินทาง 3 ชม.ถึง บ้านแฟนอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง และเรากับแฟนก็อยู่อีกจังหวัดหนึ่ง หาจุดลงตัวในการอยู่อาศัยร่วมกันไม่ได้เลย เลยปล่อยเป็นเรื่องของอนาคตแทน
คิดเห็นอย่างไร กับการซื้อบ้านอยู่กับแฟน แล้วครอบครัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาอยู่ด้วย
โดยส่วนตัวอยู่กับแฟน และคิดว่า ตัวเองคงไม่โอเคเลย ถ้าอยู่ๆวันหนึ่ง พ่อแม่เรา หรือพ่อแม่แฟน มาอยู่ด้วย ด้วยอารมณ์ที่เราของข้างมีโลกและต้องมีพื้นที่เป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้น อยู่ใกล้ๆได้ แต่อย่ามาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวสุขสันต์ อันนี้เราไม่เอา และแฟนเราก็เห็นด้วยกับเรา เพราะตอนจีบก็จีบกัน 2 คน เรายอมรับนิสัยแฟนได้ ไม่ได้หมายความว่า เราจะยอมรับนิสัยพ่อแม่แฟนได้ หรือแฟนจะยอมรับนิสัยพ่อแม่เราได้
แต่ เมื่อหลายวันก่อน เราได้คุยกับเพื่อนร่วมงาน A ซึ่งอาศัยซื้อบ้านอยู่กับแฟน ยังไม่ได้แต่งงานมีลูก
A บ่นกับกลุ่มเพื่อนที่ทำงานว่าไม่โอเคมากๆ ที่ครอบครัวแฟนจะมาหาและมาอยู่ที่บ้านของตนเองกับแฟนหลายๆวัน เพราะ A อึดอัดไม่สบายใจ ถึงขั้นเถียงกับแฟน ในขณะเดียวกัน A กลับโอเค ถ้าครอบครัวตัวเองจะมาพักอยู่ เราก็งงว่า "แบบนี้ก็ได้เหรอ" ก็สังคายนา A กันไป
ตัดมาอีกไม่กี่วัน เราก็ได้คุยกับเพื่อนร่วมงาน B ซึ่งแต่งงานมีลูกและซื้อบ้านร่วมกับแฟน อายุมากกว่าเรา
คุยไปคุยมาก็วกมาเข้าเรื่อง A ได้ไงไม่รู้ (วันที่ A บ่น B ไม่ได้อยู่ด้วย) เราก็สะท้อนเรื่อง A เป็นมุมกว้างๆว่า ซื้อบ้านกับแฟน ไม่ควรเอาครอบครัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาอยู่นะ อีกคนจะอึดอัด แล้ว B ก็สวนขึ้นมาว่า B ไม่เห็นด้วย B มองว่าครอบครัว พ่อแม่ ยังไงก็ต้องดูแล วันหนึ่งพอเขาแก่ตัวยังไงก็ต้องเอามาอยู่ด้วย ยังไงก็ต้องยอมรับและเข้ากันให้ได้ สรุป คือ มุมมอง B มองว่า การเอาครอบครัวมาอยู่ด้วยเป็นเรื่องปกติที่พึงกระทำ และเราไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรอีก เพราะโดยนิสัย B เป็นคนมั่นใจในความคิดของตนเอง ต่อให้ใครพูดยังไง B ก็จะสวน ตัดประโยคคนอื่น แล้วเอาความคิดของตนเองยัดไปทันที
แต่สิ่งที่เราเห็นในครอบครัวของ B คือ B เอาแม่มาอยู่ด้วย โดยอ้างว่าเอามาเลี้ยงหลาน วันดีคืนดีก็เอาญาติตัวเอง มากินเลี้ยงเฮฮาที่บ้าน ในขณะที่สามีของ B เป็นคนไม่มีปากเสียง B คิดและชอบพูดกับคนอื่นว่าตนเองคุมสามีและต้องค่อยสั่งสามีตลอดเวลา บวกกับทางครอบครัวของสามี B ไม่เคยมาขอพักอาศัยหรือยุ่งเกี่ยวกับ B เลย
เลยเป็นจุดคิดว่า เพราะ B ไม่เคยเกิดความอึดอัดใจจากครอบครัวสามีหรือเปล่า B ถึงคิดเช่นนี้ ในขณะเดียวกันครอบครัวของตัวเองเป็นสิ่งที่ชินกับนิสัย ยอมรับได้ และไม่เคยถามสามีว่าตัวสามีสบายใจไหม คิดเอาเองว่า สามีโอเค
ซึ่งโดยส่วนตัว เรามองว่า พ่อแม่แก่ตัวเราเข้าใจได้ การดูแลพ่อแม่ เราก็เข้าใจได้ แต่ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ใกล้ชิดกันตลอด 24 ชม. อาจอยู่ในพื้นที่ระแวกเดียวกันที่ไปมาหาสู่กันได้ก็พอ
ในอนาคต เราก็แอบคิด ว่าเราจะอยู่กับแฟนยังไง เพราะที่บ้านคงอยากให้เราอยากกลับไปอยู่บ้าน แต่ครอบครัวที่บ้านก็คงอึดอัดกับแฟนเรา และแฟนเราก็คงอึดอัดกับบ้านเรา จะเอาแฟนไปอยู่ด้วยก็ไกลพ่อแม่เขา แฟนลูกคนเดียว ส่วนบ้านแฟนเราก็คงไม่โอเคกับนิสัยพ่อแม่แฟน ทุกวันนี้ครอบครัวอยู่จังหวัดหนึ่งแบบเดินทาง 3 ชม.ถึง บ้านแฟนอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง และเรากับแฟนก็อยู่อีกจังหวัดหนึ่ง หาจุดลงตัวในการอยู่อาศัยร่วมกันไม่ได้เลย เลยปล่อยเป็นเรื่องของอนาคตแทน