สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ถามความต้องการตัวเองให้ชัดเจนนะคะ
เมื่อจะไปเกี่ยวข้องกับใคร มันมักมีความคาดหวังเกิดขึ้นนะคะ ถ้ายังจัดการกับตัวเองไม่ได้ และความคาดหวังของเราจะทำร้ายคนอื่น ก็อย่าพึ่งรีบตัดสินใจค่ะ ยิ่งการมาอยู่ร่วมกัน มันไม่แปลกที่ต้องปรับตัว คุณและครอบครัว พร้อมจะเรียนรู้และปรับตัวใหม่ กับสมาชิกใหม่แค่ไหนคะ
ถ้าเด็กไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง ถ้าเขาไม่ยินดียินร้ายต่อครอบครัวสายเลือด เรียนจบไม่ช่วยเหลือทางบ้านคุณที่มีคนแก่ต้องดูแล ต้องถามก่อน คุณและครอบครัวจะยอมรับได้ไหมว่า คุณทำตามความต้องการที่อยากส่งเสียโดยไม่หวังอะไรตอบแทนแต่แรกแล้ว
ถ้าแค่อยากช่วยเหลือ ส่งเสริมเขาจริงๆ มีหลายช่องทางที่ทำได้นะ ฝากทุนให้กับทางมูลนิธิก็ได้ หรือ แจ้งความประสงค์จะส่งเสียโดยให้มูลนิธิประสาน และถ้าวันไหนเด็กอยากเจอหรือพร้อมจะรู้จักครอบครัว เขาก็อาจจะติดต่อกลับมา
เด็กรู้จักครอบครัวแท้จริงอยู่แล้วค่ะ คิดว่า เลขบัตรประจำตัว 13 หลัก หล่นจากฟ้าหรือคะ เด็กคนนี้ถูกครอบครัวนำไปฝาก ไม่ใช่เก็บได้ข้างถนนนะ ที่จะไม่มีหลักฐานพิสูจน์ตนเอง
เมื่อจะไปเกี่ยวข้องกับใคร มันมักมีความคาดหวังเกิดขึ้นนะคะ ถ้ายังจัดการกับตัวเองไม่ได้ และความคาดหวังของเราจะทำร้ายคนอื่น ก็อย่าพึ่งรีบตัดสินใจค่ะ ยิ่งการมาอยู่ร่วมกัน มันไม่แปลกที่ต้องปรับตัว คุณและครอบครัว พร้อมจะเรียนรู้และปรับตัวใหม่ กับสมาชิกใหม่แค่ไหนคะ
ถ้าเด็กไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง ถ้าเขาไม่ยินดียินร้ายต่อครอบครัวสายเลือด เรียนจบไม่ช่วยเหลือทางบ้านคุณที่มีคนแก่ต้องดูแล ต้องถามก่อน คุณและครอบครัวจะยอมรับได้ไหมว่า คุณทำตามความต้องการที่อยากส่งเสียโดยไม่หวังอะไรตอบแทนแต่แรกแล้ว
ถ้าแค่อยากช่วยเหลือ ส่งเสริมเขาจริงๆ มีหลายช่องทางที่ทำได้นะ ฝากทุนให้กับทางมูลนิธิก็ได้ หรือ แจ้งความประสงค์จะส่งเสียโดยให้มูลนิธิประสาน และถ้าวันไหนเด็กอยากเจอหรือพร้อมจะรู้จักครอบครัว เขาก็อาจจะติดต่อกลับมา
เด็กรู้จักครอบครัวแท้จริงอยู่แล้วค่ะ คิดว่า เลขบัตรประจำตัว 13 หลัก หล่นจากฟ้าหรือคะ เด็กคนนี้ถูกครอบครัวนำไปฝาก ไม่ใช่เก็บได้ข้างถนนนะ ที่จะไม่มีหลักฐานพิสูจน์ตนเอง
แสดงความคิดเห็น
พี่ผมเคยฝากลูกไว้ที่สถานสงเคราะห์หลายปีแล้ว ตอนนี้ผมทำเรื่องขอรับเด็กกลับมาอยู่ที่บ้านได้ไหมครับ (ขอด้านกฎหมาย)
แต่ตอนนั้นผมอยู่ประถม จำรายละเอียดไม่ค่อยได้
ยายเล่าให้ฟังว่ากว่าที่บ้านเราจะรู้ เด็กก็คลอดออกมาแล้ว ครอบครัวฝ่ายหญิงไม่รับเด็ก ผลักความรับผิดชอบมาให้พี่ชายผมคนเดียว
สุดท้ายปัญหาก็จบลงที่ทั้งคู่เลิกรากันไป ส่วนเด็กก็ถูกส่งไปยังสถานสงเคราะห์
จนถึงตอนนี้ผมก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพี่เท่าไหร่
แต่ตอนนั้นพวกเรามีกันแค่ 3 คน คือ ผม พี่ และยาย ลำพังแค่ค่าใช้จ่ายในบ้านก็ไม่พอจ่ายแล้ว เราไม่มีกำลังทรัพย์ในการเลี้ยงเด็กจริงๆ
ตอนนี้ผมมีงานทำแล้ว มีรายได้พอเลี้ยงยายและผ่อนห้อง
ส่วนพี่อยู่ต่างประเทศ มีงานประจำเหมือนกัน แต่รายได้อาจจะไม่เยอะเท่าไหร่เพราะมีวุฒิแค่ม.6
ส่วนผมไม่มีแฟน ไม่มีหนี้ นอกจากยาย ผมก็ไม่มีภาระทางค่าใช้จ่ายอะไรอีกแล้ว ส่วนตัวผมคิดว่าตัวเองมั่นคงมากพอที่จะรับผิดชอบชีวิตคนคนหนึ่งได้แล้ว
ผมพอจะศึกษากฎหมายการอุปการะลูกบุญธรรมมาบ้าง แต่ปัญหาคือระยะห่างอายุของผมกับลูกของพี่ชายมันใกล้กันมากเกินไป
ตามกฎหมายลูกบุญธรรมและผู้อุปการะต้องอายุห่างกันอย่างน้อย 15 ปี
แต่พี่ผมมีลูกตอนอายุ 15 ซึ่งผมอายุน้อยกว่าพี่แค่ 6 ปี นั่นแปลว่าตอนนี้ผมอายุ 26 ลูกของพี่ผมก็อายุแค่ 17 เท่านั้น
แต่นอกจากนี้ยังมีกฎหมายวรรคหนึ่งที่ระบุว่าผู้อุปการะต้องได้รับคำยินยอมจากพ่อแม่ที่แท้จริง
ผมได้เอาประเด็นนี้ไปคุยกับพี่ชายและแฟนเก่าเป็นที่เรียบร้อย เขาไม่มีปัญหา
แต่ผมไม่แน่ใจว่าในทางปฏิบัติจะเป็นไปได้หรือเปล่า เพราะพี่ผมไม่ได้ติดต่อกับสถานสงเคราะห์มาหลายปีแล้ว
ผมอ่านเจอว่าถ้าครอบครัวไม่ได้ติดต่อกับสถานสงเคราะห์เป็นเวลามากกว่า 1 ปี สถานสงเคราะห์จะปิดเคส แล้วจัดหาครอบครัวบุญธรรมเลย
นั่นแปลว่าญาติหรือครอบครัวสายตรงอย่างผมจะไม่มีสิทธิในการดูแลเด็กแล้วถูกต้องไหมครับ?
ถ้าอย่างนั้น หากผมต้องการรับอุปการะ สามารถทำได้ด้วยวิธีอื่นไหมครับ?
เท่าที่ผมหาดู ไม่มีกำหนดอายุ maximum ของผู้อุปการะ หากผมใช้ชื่อยายในการทำเรื่องแทนจะเป็นไปได้ไหมครับ (อนึ่งยายผมอายุ 78 ครับ)
สรุปคำถาม
1. ถ้าครอบครัวขาดการติดต่อกับสถานสงเคราะห์มาเกิน 1 ปีแล้ว ญาติสายตรงยังมีสิทธิในการดูแลเด็กอยู่ไหมครับ?
2. หากผมใช้ชื่อยายในการอุปการะแทนจะเป็นไปได้ไหมครับ
สุดท้ายนี้ สาเหตุหลักที่ผมอยากให้หลานได้กลับมาอยู่บ้าน เพราะผมอยากให้เขารู้จักครอบครัวที่แท้จริง
แล้วก็ส่งเขาเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยด้วยครับ
แต่ผมเข้าใจดีว่าทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเด็ก
ผมได้วางแผนติดต่อกับสถานสงเคราะห์เพื่อสอบถามความต้องการของเขาก่อนอยู่แล้วแน่นอนครับ