สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 38
เหมือนลูกน้องที่ทำงานพี่เลยค่ะ มาขอลาออก บอกแม่ไม่สบาย ต้องกลับไปดูแล ญาติๆ กดดัน พี่เลยถามว่าลาออกแล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนรักษาแม่เธอ ไปนั่งจ้องตาเปล่าๆ โรคนี้มันไม่หายหรอกนะ ไปฟังญาติคนอื่นพูดทำไม ได้มาช่วยซักบาทหรือก็ไม่ เราแก้ปัญหาให้เค้าโดยการแนะนำให้เค้าพาแม่มาอยู่ด้วยที่นี่ ย้ายรพมาที่กทม อยู่ใกล้ตัว ใกล้หมอ ดูแลได้เต็มที่ มีงานทำ มีเงินใช้ด้วยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 42
เคสของพี่ พ่อป่วยตั้งแต่ต้นปี 57 แต่มาเป็นหนักเมื่อปี 59 ช่วงวันพ่อ ( 5 ธันวาคม 59) พี่กลับบ้านไปหาพ่อ อยู่ๆพ่อก็พูดมาว่า พ่ออยากได้บ้าน
ต้องเล่าก่อนว่าพี่ไม่มีบ้านไม่มีที่เป็นของตัวเอง อาศัยญาติพี่น้องของแม่ปลูกกระต๊อบอยู่พี่เกิดมาก็เห็นสภาพความเป็นอยู่แบบนี้แล้วนะ จนพี่เรียนจบทำงานได้ 5 ปี พี่ซื้อที่แปลงเล็กๆได้พ่อกับแม่ก็ย้ายไปปลูกกระต๊อบในที่ของเราเองแล้ว (นึกภาพตามคือ เหมือนเราไปเที่ยวน้ำตกแถวนครนายกแล้วมีซุ้มให้นั่งเล่นอ่ะ เป็นแบบนั้นเลย 2 หลัง พ่อกับแม่อยู่คนละหลัง) เงินทองที่มีก็เอามารักษาพ่อ ไม่มีเก็บเลยมีแค่กินไปวันๆ
จนพ่อบอกว่าอยากได้บ้านแล้วนะ พ่อไม่ได้อยากมีบ้านสวยๆไว้อวดคนอื่นๆแต่พ่ออยากมีบ้านไว้ตายพ่ออยากตายที่บ้านนะ ที่เห็นพ่อยิ้มๆ พ่อยิ้มพ่อหัวเราะไปกับลูกหลานเฉยๆในใจพ่อไม่ไหวแล้ว พ่อเจ็บพ่อปวดมากเลย
หลังจากกลับจากบ้านมาพี่แคะกระปุกออมสินมานับได้เงิน 9,000 กว่าบาท พี่บอกให้แม่สั่งเสาเลย เงินเท่านี้ได้กี่ต้นก็ต้องเอา สิ้นปีมาได้โบนัสอีกเกือบ 40,000 พี่เอาไปซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างเลย โชคดีที่พี่ชายกับน้องเขยเป็นช่าง ไม่ต้องจ้างใคร เงินทั้งหมดเลยเป็นค่าอุปกรณ์ ก็ไม่ได้เสร็จทีเดียวเลยนะ ค่อยๆทำไป พี่ใช้ตังวันละ 80 บาทเพื่อให้มีเงินเหลือเดือนละหมื่น 2-3 เดือนก็โอนใหัแม่ทีนึง ไปต่อเติม ก่อผนัง เทพื้น ทำห่างกันหลายเดือนนะ ทำทีละอย่างเอาเพราะเราไม่มีเงินก้อน
ผ่านไป 2 ปีบ้านพี่เสร็จพ่อก็เสีย เสียต้นปี 62 นี่เอง หลังปีใหม่มาหน่อย เสียที่บ้านตามที่เขาตั้งใจด้วย พ่อพี่ได้ทันเห็นบ้าน บ้านที่พี่ภาคภูมิใจ
ที่เล่ามาทั้งหมดแค่อยากจะบอกว่า พี่ก็ไม่ได้ลาออกจากงานนะ พี่ทำงานส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่ตามปกติ พ่อก็เข้าใจและคิดว่าพี่เป็นเสาหลักของบ้าน ถ้าพี่ออกจากงานใครจะหาเลี้ยง
ต้องเล่าก่อนว่าพี่ไม่มีบ้านไม่มีที่เป็นของตัวเอง อาศัยญาติพี่น้องของแม่ปลูกกระต๊อบอยู่พี่เกิดมาก็เห็นสภาพความเป็นอยู่แบบนี้แล้วนะ จนพี่เรียนจบทำงานได้ 5 ปี พี่ซื้อที่แปลงเล็กๆได้พ่อกับแม่ก็ย้ายไปปลูกกระต๊อบในที่ของเราเองแล้ว (นึกภาพตามคือ เหมือนเราไปเที่ยวน้ำตกแถวนครนายกแล้วมีซุ้มให้นั่งเล่นอ่ะ เป็นแบบนั้นเลย 2 หลัง พ่อกับแม่อยู่คนละหลัง) เงินทองที่มีก็เอามารักษาพ่อ ไม่มีเก็บเลยมีแค่กินไปวันๆ
จนพ่อบอกว่าอยากได้บ้านแล้วนะ พ่อไม่ได้อยากมีบ้านสวยๆไว้อวดคนอื่นๆแต่พ่ออยากมีบ้านไว้ตายพ่ออยากตายที่บ้านนะ ที่เห็นพ่อยิ้มๆ พ่อยิ้มพ่อหัวเราะไปกับลูกหลานเฉยๆในใจพ่อไม่ไหวแล้ว พ่อเจ็บพ่อปวดมากเลย
หลังจากกลับจากบ้านมาพี่แคะกระปุกออมสินมานับได้เงิน 9,000 กว่าบาท พี่บอกให้แม่สั่งเสาเลย เงินเท่านี้ได้กี่ต้นก็ต้องเอา สิ้นปีมาได้โบนัสอีกเกือบ 40,000 พี่เอาไปซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างเลย โชคดีที่พี่ชายกับน้องเขยเป็นช่าง ไม่ต้องจ้างใคร เงินทั้งหมดเลยเป็นค่าอุปกรณ์ ก็ไม่ได้เสร็จทีเดียวเลยนะ ค่อยๆทำไป พี่ใช้ตังวันละ 80 บาทเพื่อให้มีเงินเหลือเดือนละหมื่น 2-3 เดือนก็โอนใหัแม่ทีนึง ไปต่อเติม ก่อผนัง เทพื้น ทำห่างกันหลายเดือนนะ ทำทีละอย่างเอาเพราะเราไม่มีเงินก้อน
ผ่านไป 2 ปีบ้านพี่เสร็จพ่อก็เสีย เสียต้นปี 62 นี่เอง หลังปีใหม่มาหน่อย เสียที่บ้านตามที่เขาตั้งใจด้วย พ่อพี่ได้ทันเห็นบ้าน บ้านที่พี่ภาคภูมิใจ
ที่เล่ามาทั้งหมดแค่อยากจะบอกว่า พี่ก็ไม่ได้ลาออกจากงานนะ พี่ทำงานส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่ตามปกติ พ่อก็เข้าใจและคิดว่าพี่เป็นเสาหลักของบ้าน ถ้าพี่ออกจากงานใครจะหาเลี้ยง
แสดงความคิดเห็น
ผิดมากไหมค่ะ ที่ไม่ยอมลาออกจากงานไปดูแลพ่อที่ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
เพราะไม่มีเงินเก็บสักบาท
จบมาก็พึ่งทำงานได้ ไม่ถึง2ปี มีเงินเก็บ10000บาท
ก่อนพ่อป่วยไปดาวรถมาขี่เพราะบ้านอยู่ ตจว ไปกลับรถตัวเองสะดวกกว่า และต้องส่งหนี้ กยศ อีก
และเมื่อต้นปีก็ได้รับข่าวร้ายพ่อป่วยเป็นมะเร็ง แล้วก็ใช้ตังเก็บตัวเองจนหมด +กับพ่แแม่ก็ไม่ได้มีเงินสำรองเหลือ
ถ้าหนุดทำงานก็คงไม่มีอะไรกินพอดี
ถูกคนอื่นพูดกดดันให้ลาออกมาดูแลพ่อ
แต่หนูก็กลับไปหาเค้าทุกอาทิตย์ค่ะ