ผมกังวลว่าผมจะเป็นโรคแพนิค ประมาณ 2 อาทิตย์ที่แล้ว(วันที่ 17/5/62) ปกติผมไม่กินกาแฟ เพราะกินทีไรใจจะสั่นทุกทีไม่ชอบอาการแบบนี้เลยไม่กิน แต่ดันกินไปเพราะไม่รู้ว่าคือกาแฟ ที่ทำงาสั่งมาให้บอกเป็น คาราเมล เลยกินซะหมดแก้วพอกินเสร็จถึงถามว่าคาราเมลผสมกับอะไร พี่ที่ทำงานก็บอกกาแฟล้วนๆ พอได้ยินแบบนั้นคิดในใจว่า
ละ กุกินกาแฟนไม่ได้นี่หว่า ผมกินตอนประมาณ 10 โมง และก็ไม่ได้กินข้าวเช้า พอตกช่วงบ่ายโมงผมเดินไปตรวจไซด์งานรู้สึกใจสั่น เต้นเร็วมาก เหมือนคนกำลังจะเป็นลม ผมนั่งพักแต่ก็นั่งไม่ได้ ต้องขยับตัวตลอด ในใจก็คิดว่าคงเป็นเพราะกาแฟแน่นอน เป็นอาการแบบนั้นอนยู่ประมาณ 3 ชม. รู้สึกหวิวๆ ตลอด ตอนกลางคืนนอนไม่หลับ เหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ยิ่งกังวลหนักไปอีกsearch หาในเน็ตว่าเรามีอาการอะไร หาไปหามาหนักกว่าเดิม โรคหัวใจบ้าง เบาหวาน ความดัน อะไรไม่รู้มาหมด ตันสินใจพอๆเลิกหา สรุปคืนนั้นหลับได้แต่ตา แต่นอนไม่หลับ พอตี 5 รู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นรัวและแรงอีก อยู่เฉยไม่ได้ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว รีบออกจากบ้านขับรถไปหาแม่ แต่ก็ไม่กล้าเล่าให้แม่ฟังว่าเป็นอะไร บอกว่ามาหาเฉยๆ แม่เลยชวนไปไหว้พระที่องค์พระปฐม ในระหว่างที่ขับรถอาการทุกอย่างหายไปเป็นปกติ จะมีก็แต่จะรู้สึกเรอ บ่อยๆ ตอนแวะกินข้าวระหว่างทางก็ไม่มีอาการอะไร พอไปถึงองค์พระ จอดรถเสร็จ มองขึ้นไปตรงบรรได แดดร้อนจัดไปถึงเกือบ 11 โมง ในใจคิด จะเดินขึ้นไหวไหมนิ เอาว่ะ อดทนเดินขึ้นไปซึ่งปกติเดินขึ้นแค่นี้ผมสบายมากเลยเพราะไปมาบ่อยมาก แต่พอมาวันนี้ ระหว่างเดินขึ้นไป หัวใจเต้นเเรง เหมือนจะเป็นลมอีกแล้ว เหงื่อนี่เต็มเลยต้องหายใจ เข้าออกลึกๆ พอไหว้พระเสร็จกลับมาเข้ารถ อาการหายไปเป็นปกติอีกครั้ง แต่มีอาการแน่นท้องหายใจไม่ทั่วท้องอยู่เลย แวะซื้อยากระต่ายบินมากิน หลังจากกินไปอาการแน่นรู้สึกดีขึ้น จนถึงเย็นก็ไม่มีอาการก็ปกติ ก็ได้าบน้ำและนอน แต่ก็นอนด้วยความกังวลกลัวอาการมันจะกลับมาอีก และก็หลับไป จนลืมตาตื่นมา หยิบโทรศัพท์ดู เห็นเวลา ตี 5 (อีกแล้ว) ในใจคิด กุตื่นมาทำไม ทำไมต้องเวลาเดิม พยายามนอนต่อก็นอนไม่หลับ และแล้วหัวใจก็เต้นแรงอีกแล้วคราวนี้พยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เหมือนร่างกายจะไม่มีแรงกลัวว่าจะเป็นเส้นเลือดในสมมองแตกป่าววะ พยายามขยับ มือขยับขา ตลอดเวลาเพราะอ่านในเน็ตมาว่า แขนขาจะไม่มีแรงยิ่งกลัวหนักกว่าเดิม พยายามทำสมาธิว่ากุเป็นอะไรเนี่ย หายใจเข้าออกลึกๆ กำหนดจิตว่าเเขนขาเราไม่มีแรงจริงหรือ เลยลูกขึ้นไปยก ดัมเบล ก็ยกขึ้นนี่หว่าเลยกลับมานอนต่อ แต่ก็ไม่หลับมันเหมือนอยากจะให้หลับแต่เราไม่ง่วงนอนเลย จนเช้า จึงตัดสินใจไปหาหมอก็ได้วะ พอไปถึงก็กังวลว่าตัวเราจะเป็นอะไรไหมคิดในใจตลอด ใจก็เต้นแรงนั่งรอหมอเรียกคิว พอหมดเรียกก้เล่าอาการในหมอฟัง ตั้งแต่กินกาแฟมาแล้วเป็นยังไง มีอาการเรอบ่อย หายใจไม่ค่อยสะดวก และต้องตื่นตอนตี 5 ตลอดแล้วหัวใจเต้นแรง พอพูดจบหมดบอกคุณเป็นโรคกรดไหลย้อน โรคกระเพาะ ผมนี่งเลย เลยถามว่าแล้วหัวใจผมทำไมเต้นแรง หมอก็ให้คำตอบว่า เนื่องจากมีลมในท้องเยอะกระบังลมไปโดนกล้ามเนื้อหัวใจทำให้เราหายใจไม่ทั่ว+วิตกกังวลทำให้ใจเต้นรัว กลับบ้านไปนอนพักผ่อน เยอะๆ นะไม่ถึง 10 นาทีในการตรวจ รับยา กลับบ้าน รู้สึกใจชื้นมาหน่อย ว่าเราเป็นแค่กรดไหลย้อน (มันสมควรเป็น เพราะผมกินข้าวไม่เคยตรงเวลาเลยตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยจนทำงาน ข้าวเช้ากินบ้างไม่กินบ้าง กินแต่นม กลางคืนกินเสร็จแปเดี่ยวก็นอนเลยไม่ได้นั่งให้ย่อยก่อนเป็นแบบนี้ตลอด) พอตกกลางคืนไม่มีอาการอะไรแต่หัวผมมันไม่ยอมหลับกลัวว่าอาการจะกลับมาอีกผมเลยเล่นโทรศัพท์หาอาการว่ากรดไหลย้อนอาการเป็นยังไง ต้องกินอะไรห้ามกินอะไร อ่านไปอ่านมาไปเจอโรคเบาหวาน เขียนว่ามีอาการ ร่างกายไม่มีแรง ใจสั่น ตาพร่ามัว มือ เท้า ชา หิวน้ำบ่อย คอแห้ง แค่นั้นแหล่ะ อ่านเสร็จสำรวจตัว เอง เฮ้ย!!! ทำไมเท้าซ้าย ชาๆ วะนิ้วมือก็ชานิดนึง คอก็แห้งด้วย พยายามตั้งสติกำหนดจิตว่าเราชาจริงไหม มันก็ชาจริงๆแต่ชาไม่เยอะ ในหัวก็คิดแต่เราไม่หิวน้ำ และปวดฉี่บ่อยนี่หว่า สักพักเหมือนจะปวดฉี่ แต่พยายามไม่ไปเพราะไม่ได้ปวดมาก นอนคิดแบบนั้นทั้งคืน อีกใจก็คิดนี่กุบ้าไปแล้วป่าววะเนี่ย อ่านอะไรก็ต้องเป็นตามนั้นไปหมด สรุปไม่ได้หลับ จนถึงเช้า อาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน พร้อมอาการเป็นไม่มีแรงคงเพราะไม่ได้นอน รู้สึกไม่สดใส ไม่ค่อยมีสมาธิกับงาน วิตกกังวลกับเท้ากับมือว่าเราจะมีอาการชาไหม จะปวดฉี่ และหิวน้ำบ่อยไหม แต่ก็พยายามทำสมาธิว่าไม่เป็นไรเราคิดไปเอง จนถึง 10 โมงเรื่องซวยๆ ก็มักจะเกิดขึ้นในตอนที่เราแย่ๆ ชีวิตนี่บัดซบจริงๆ ผมไป เข้าห้องน้ำพอทำธุระเสร็จ เอามือดึงกระดาษทิชชู่ พลาสติกที่ใส่ดันหลุดลงมาบาดมือเลือดออกอีก ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรไปห้องพยาบาลทำแผล ผ่านไปประมาณ 2 ชม. นั่งมองดูนิ้วตัวเองที่ทำแผลทำไมเลือดมันไหลเยอะจัง คิดไปถึงว่าถ้าเป็นเบาหวานเเผลจะหายยากนี่หว่า ความวิตกกลับมาเยือนอีก แต่คราวนี้หนักว่าเดิม คิดไปคิดมาขาซ้ายเริ่มชา เอาแล้วกุต้องเป็นไรแน่นอน ผมออกจากที่ทำงานเดี่ยวนั้นเลย มุ่งตรงไปโรงพยาบาล ไปบอกหมอ ขอมาตรวจโรคหมอก็ถามอาการ ผมก็เล่ายาวให้หมอฟังไปทั้งหมด หมอก็บอกคุณไม่ได้เป็นอะไรหรอกแค่เครียดและวิตกกังวล
ผมเลยบอกเพื่อความสะบายใจขอตรวจ สรุป ผลตรวจ คลื่นหัวใจ กับ เลือดทุกอย่าง ปกติดี หลังจากฟังผลผมรู้สึกสะบายใจมาก อาการทุกอย่างหายไปหมดเดี่ยวนั้นเลย หมอให้ยานอนหลับมาทานจะได้ไม่เครียดผมก็ทานไปวันแรกวันเดียวไม่อยากทานเยอะ ตอนนี้ก็ผ่านมา 4 วันแล้วที่ผมไปโรงพยาบาลมา อาการก็ดีกว่าตอนแรกมากเพราะเราได้ไข้อข้องใจไปหมดแล้ว แต่กลับรู้สึกกลัวการนอน และการตื่นกลัวว่าใจจะสั่นอีก ตอนนี้ผมพยายามไปออกกำลังกายโดยการวิ่ง เพื่อให้ร่างกายเหนื่อยๆ จะได้หลับง่ายๆ แต่อาการกลัวมันก็ยังวนเวียนในหัวผมตลอด อยากจะถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในนี้ใครพบจะมีประสบการณ์หรือ คำแน่นำอะไรบ้างครับ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับผม ขอโทษนะครับเล่าซะยาวเลย ผมอยากระบาย ขอบคุณครับ
ใครที่เคยเป็น หรือเป็น โรคแพนิค/โรควิตกกังวลโรคเครียด อยู่บ้าง ของสอบถามอาการหน่อยครับ เครียดมากเลย
ผมเลยบอกเพื่อความสะบายใจขอตรวจ สรุป ผลตรวจ คลื่นหัวใจ กับ เลือดทุกอย่าง ปกติดี หลังจากฟังผลผมรู้สึกสะบายใจมาก อาการทุกอย่างหายไปหมดเดี่ยวนั้นเลย หมอให้ยานอนหลับมาทานจะได้ไม่เครียดผมก็ทานไปวันแรกวันเดียวไม่อยากทานเยอะ ตอนนี้ก็ผ่านมา 4 วันแล้วที่ผมไปโรงพยาบาลมา อาการก็ดีกว่าตอนแรกมากเพราะเราได้ไข้อข้องใจไปหมดแล้ว แต่กลับรู้สึกกลัวการนอน และการตื่นกลัวว่าใจจะสั่นอีก ตอนนี้ผมพยายามไปออกกำลังกายโดยการวิ่ง เพื่อให้ร่างกายเหนื่อยๆ จะได้หลับง่ายๆ แต่อาการกลัวมันก็ยังวนเวียนในหัวผมตลอด อยากจะถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในนี้ใครพบจะมีประสบการณ์หรือ คำแน่นำอะไรบ้างครับ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับผม ขอโทษนะครับเล่าซะยาวเลย ผมอยากระบาย ขอบคุณครับ