“แพ้เหงื่อตัวเอง” จากภูมิแพ้ผิวหนัง
อาการแพ้เหงื่อเป็นอาการหนึ่งของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง โดยจะแสดงอาการออกมาในรูปแบบ ผด ผื่น คัน มีผื่นแดงตามร่างกาย โรคนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยมีความเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ ได้มากกว่าปกติ โดยมีความร้อนเป็นตัวเร่งให้ต่อมเหงื่อในร่างกายขับเหงื่อออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการอุดตันบริเวณต่อมเหงื่อ เกิดผด ผื่นแดง คัน ขึ้นที่ผิวหนัง
ผู้ที่เป็นโรคนี้มักมีประวัติคนในครอบครัวเป็นภูมิแพ้ แบบต่างๆ เช่น หวัดเรื้อรัง แพ้ฝุ่น หรือหอบหืด ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน เช่น การออกกำลังกาย การทำงานกลางแจ้ง
อาการของโรคมักจะมีรูปแบบเฉพาะสังเกตได้ง่าย โดยจะมีผิวแห้งและคัน มีผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณร่างกาย โดยแบ่งตามช่วงอายุดังนี้
ช่วงอายุ 2 เดือน – 2 ปี จะมีผื่นผิวหนังอักเสบแดงบริเวณแก้ม หน้าผาก เป็นบริเวณที่มีการเสียดสีในช่วงที่เด็กยังคว่ำหรือคลาน แต่บางคนอาจมีเพียงแค่รอยด่างขาวๆ ที่แก้ม เรียกว่า กลากน้ำนม อาการผิวแห้งคันจะกระตุ้นให้เด็กเกา ยิ่งเกาอาการอักเสบก็ยิ่งมากขึ้น จนบางรายอาจมีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังซ้ำ
ช่วงอายุ 4-10 ปี รอยผิวหนังอักเสบจะเลื่อนไปสู่ตำแหน่งของข้อพับบริเวณแขนและขา ข้อพับเข่า ข้อพับข้อศอก ข้อมือ หรือข้อเท้า ผื่นจะเป็นทั้งสองข้าง ซ้ายขวา แต่ความรุนแรงของการอักเสบอาจไม่เท่ากัน บางคนเป็นตุ่มคันเล็กๆ และเกาจนเยิ้ม บางรายอาจมีผิวหนังที่หนาตัวขึ้นเป็นปื้นและคันมาก พอพ้นช่วงนี้แล้วส่วนใหญ่จะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไป เหลือแต่อาการผิวแห้ง
ช่วงอายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมีอาการผิวแห้ง คันและแพ้ง่าย บางคนมือแตกระแหงจนมีเลือดออกซิบๆ และจะแพ้ได้ง่าย
โรคภูมิแพ้ผิวหนังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดและไม่ติดต่อ แต่สามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้ แต่เราสามารถลดความรุนแรงของโรคลงได้ ด้วยการดูแลตัวเองให้ดี โดยหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีอากาศร้อนอบอ้าว ไม่อาบน้ำร้อนจัดหรือเปิดแอร์เย็นจัด พักผ่อนให้เพียงพอ ทำความสะอาดที่นอนและเครื่องนอนอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไรฝุ่น อาบน้ำบ่อยๆ หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำถูตัวทุกครั้งที่รู้สึกร้อน ใช้ยาทาแก้ผดผื่น เช่น คาลาไมน์
อย่างไรก็ตามหากมีผื่นแดง คันหรืออักเสบ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ไม่ควรซื้อยามาใช้หรือหยุดยาเองในขณะที่ยังไม่หายดี เพราะจะทำให้ผื่นเป็นๆ หายๆ และเรื้อรังมากยิ่งขึ้นครับ...
“แพ้เหงื่อตัวเอง” จากภูมิแพ้ผิวหนัง
อาการแพ้เหงื่อเป็นอาการหนึ่งของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง โดยจะแสดงอาการออกมาในรูปแบบ ผด ผื่น คัน มีผื่นแดงตามร่างกาย โรคนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยมีความเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ ได้มากกว่าปกติ โดยมีความร้อนเป็นตัวเร่งให้ต่อมเหงื่อในร่างกายขับเหงื่อออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการอุดตันบริเวณต่อมเหงื่อ เกิดผด ผื่นแดง คัน ขึ้นที่ผิวหนัง
ผู้ที่เป็นโรคนี้มักมีประวัติคนในครอบครัวเป็นภูมิแพ้ แบบต่างๆ เช่น หวัดเรื้อรัง แพ้ฝุ่น หรือหอบหืด ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน เช่น การออกกำลังกาย การทำงานกลางแจ้ง
อาการของโรคมักจะมีรูปแบบเฉพาะสังเกตได้ง่าย โดยจะมีผิวแห้งและคัน มีผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณร่างกาย โดยแบ่งตามช่วงอายุดังนี้
ช่วงอายุ 2 เดือน – 2 ปี จะมีผื่นผิวหนังอักเสบแดงบริเวณแก้ม หน้าผาก เป็นบริเวณที่มีการเสียดสีในช่วงที่เด็กยังคว่ำหรือคลาน แต่บางคนอาจมีเพียงแค่รอยด่างขาวๆ ที่แก้ม เรียกว่า กลากน้ำนม อาการผิวแห้งคันจะกระตุ้นให้เด็กเกา ยิ่งเกาอาการอักเสบก็ยิ่งมากขึ้น จนบางรายอาจมีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังซ้ำ
ช่วงอายุ 4-10 ปี รอยผิวหนังอักเสบจะเลื่อนไปสู่ตำแหน่งของข้อพับบริเวณแขนและขา ข้อพับเข่า ข้อพับข้อศอก ข้อมือ หรือข้อเท้า ผื่นจะเป็นทั้งสองข้าง ซ้ายขวา แต่ความรุนแรงของการอักเสบอาจไม่เท่ากัน บางคนเป็นตุ่มคันเล็กๆ และเกาจนเยิ้ม บางรายอาจมีผิวหนังที่หนาตัวขึ้นเป็นปื้นและคันมาก พอพ้นช่วงนี้แล้วส่วนใหญ่จะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไป เหลือแต่อาการผิวแห้ง
ช่วงอายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมีอาการผิวแห้ง คันและแพ้ง่าย บางคนมือแตกระแหงจนมีเลือดออกซิบๆ และจะแพ้ได้ง่าย
โรคภูมิแพ้ผิวหนังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดและไม่ติดต่อ แต่สามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้ แต่เราสามารถลดความรุนแรงของโรคลงได้ ด้วยการดูแลตัวเองให้ดี โดยหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีอากาศร้อนอบอ้าว ไม่อาบน้ำร้อนจัดหรือเปิดแอร์เย็นจัด พักผ่อนให้เพียงพอ ทำความสะอาดที่นอนและเครื่องนอนอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไรฝุ่น อาบน้ำบ่อยๆ หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำถูตัวทุกครั้งที่รู้สึกร้อน ใช้ยาทาแก้ผดผื่น เช่น คาลาไมน์
อย่างไรก็ตามหากมีผื่นแดง คันหรืออักเสบ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ไม่ควรซื้อยามาใช้หรือหยุดยาเองในขณะที่ยังไม่หายดี เพราะจะทำให้ผื่นเป็นๆ หายๆ และเรื้อรังมากยิ่งขึ้นครับ...