สวัสดีค่ะ นี่ถือเป็นกระทู้แรกของเราแท็กผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ
เราเพิ่งเรียนจบค่ะ และกำลังเริ่มงานได้ไม่นาน เรามีเรื่องจะปรึกษาว่าเราควรจัดการตัวเองยังไงดีกับคนในบ้าน และถือโอกาสระบายด้วยนะคะ เราตั้งใจจะตั้งกระทู้นานแล้วแต่วันนี้ไม่ไหวจริงๆมันหนักมาก
ขอเกริ่นก่อนนะคะ ว่าเราอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นในระดับนึงค่ะจากภายนอก แต่ในความรู้สึกเราอึดอัดมาก เป็นความอึดอัดที่ระบายออกไปไม่ได้ เราไม่กล้าเปิดใจคุยกับคนในบ้านค่ะ เราเคยคุยแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยค่ะ จนเราอยากหนีไปไกลๆ (เราเคยหนีไปแล้วถึงสองครั้งค่ะระหว่างเรียนมหาลัย คือไปอยู่หอ ตอนนั้นแฮปปี้ดีติดตรงอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมาก แต่เราพยายามหาพิเศษแบ่งเบาอยู่บ้างค่ะ)
เราไม่ได้คิดว่าการมี"พ่อแม่"เป็นห่วงเป็นเรื่องที่ไม่ดีนะคะ แต่สำหรับเรามัน"เกินไป"ค่ะ ที่เราพูดแบบนี้ได้เพราะเราอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กค่ะ เรากล้าพูดว่าเราได้รับความอบอุ่นจากท่านทั้งสองไม่มากพอเพราะท่านต้องทำงานหนัก (จริงๆไม่ใช่คนเดียวแบบนั้นนะคะ เขาส่งเราไปอยู่บ้านญาติตั้งแต่เราเกิดแค่ส่งเงินให้เท่านั้นจนเราจำความได้ แต่ด้วยความที่มีเด็กเยอะ แล้วทุกอย่างคือการแย่งชิงในตอนนั้น) เราโตมาด้วยการโดนบุลลี่ตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่โดนเรียกพบผู้ปกครอง "ไหนล่ะพ่อแม่เรา?" ด้วยเหตุผลนี้เราเลยรู้สึกว่าเรากับพ่อแม่ห่างกันมากๆ และนี่คือแผลในใจเราค่ะ ถึงตอนนี้จะเป็นแค่สะเก็ดแต่มันทำให้เราชินกับการอยู่คนเดียวซะมากกว่า หลังจากที่เราฟื้นฟูสภาพจิตใจเองเรากลับคิดว่า เรารับรู้ว่าเรามีพ่อแม่ แต่เรากลับไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ ความเป็นห่วงของเขากลับทำให้เราอึดอัดถึงขั้นรำคาญในบางครั้ง แต่เราจะพยายามไม่แสดงความรู้สึกนั้นออกไป (ก่อนหน้านี้เราเก็บกดจนระเบิดเลยค่ะ)
(ขอแก้เพิ่มตัวอย่างนะคะ) อย่างแรกที่เป็นความอึดอัดของเราคือเรื่องรถค่ะ ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆเราเข้าใจได้ค่ะ แต่เมื่อเรามีธุระ เขาจะบ่น ว่าอะไรนักหนา พอเราบอกว่าโอเคเดี๋ยวเรานั่งรถโดยสารไปเขาก็ยังไม่หยุดบ่นค่ะ วันนั้นเราปี๊ดมากๆแต่ได้แต่เก็บค่ะ , ขอยกอีกเรื่องคงไม่พ้นเรื่องเงิน เรามีเราให้ท่านค่ะ ไม่รู้หายไปไหนหมด หมดจริงๆค่ะ จนบางทีถึงคราวเราต้องการใช้เงินจริงๆ เรากลับโดนบ่นค่ะ.. ซึ่งเงินที่เราเก็บไว้ถ้าเราเอามาใช้โดนบ่นทั้งวันเลยค่ะ
ตั้งแต่เราเริ่มทำงานช่วงนี้หนักมากเลยค่ะ เราพยายามจะทิ้งความเหนื่อยไว้ที่ทำงานแต่ไม่ได้จริงๆค่ะ เราไม่อยากให้ท่านมาวุ่นวายกับเราเลย เราอยากแยกออกไปอยู่คนเดียวมากๆ เราพยายามหาที่ทำงานใกล้บ้านเพื่อที่จะไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายมาก แต่ช่วงนี้ทะเลาะกับที่บ้านถี่มากๆ โดยเฉพาะแม่จะประชดเราด้วยการไม่หยุดทำงานทั้งที่ร่างกายอ่อนล้า เราจะเริ่มบอกให้ท่านหยุดด้วยน้ำเสียงปกติก่อน จนเรียบ และกลายเป็นตะคอกค่ะ แล้วท่านก็จะโกรธหนักเข้าไปอีก เราไม่รู้จะทำยังไงเลยค่ะ อีกอย่างนึงเราเป็นซึมเศร้าในระดับนึงด้วยค่ะ หมอที่เรารักษาประจำยังไม่กลับจากต่างประเทศ ทำให้ตอนนี้เราต้องหยุดและยาก็หมดค่ะ เรารู้สึกตัวได้เลยว่า มันกำลังจะกลับมาหนักอีกครั้ง บางครั้งแม่ก็จะพูดว่าไม่ต้องรักษาแล้วก็ได้มั้ง รู้ตัวขนาดนี้ มันทำให้เราเสียใจค่ะ เราอยากหายมากแต่คนในบ้านไม่ช่วยเราเลย ทุกวันนี้เราคิดว่าการอยู่บ้านไม่มีความสุขเลยค่ะ ทุกคนมีความเครียดเราเข้าใจเราเองก็มี แต่เขากลับมองว่าเราสบายที่สุด ซึ่งมันก็ใช่ค่ะแค่ทางกายแต่ทางใจตอนนี้พังค่ะ
จริงๆปัญหาหนักอกหนักใจเยอะมากค่ะ แต่เราเล่าแบบคร่าวๆ เราจะทำยังไงดี? เราปล่อยวางจนตอนนี้วางจนล้นพื้นแล้วค่ะ ธรรมะก็ไม่ช่วยอะไรแล้วตอนนี้ ใจจริงอยากได้ใครซักคนไว้ปรึกษาปัญหาชีวิตก็ดีค่ะ ยุ่งเหยินจนเราสตองไม่ไหวแล้วค่ะ..
ขอคำปรึกษาและถือโอกาสระบายค่ะ
เราเพิ่งเรียนจบค่ะ และกำลังเริ่มงานได้ไม่นาน เรามีเรื่องจะปรึกษาว่าเราควรจัดการตัวเองยังไงดีกับคนในบ้าน และถือโอกาสระบายด้วยนะคะ เราตั้งใจจะตั้งกระทู้นานแล้วแต่วันนี้ไม่ไหวจริงๆมันหนักมาก
ขอเกริ่นก่อนนะคะ ว่าเราอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นในระดับนึงค่ะจากภายนอก แต่ในความรู้สึกเราอึดอัดมาก เป็นความอึดอัดที่ระบายออกไปไม่ได้ เราไม่กล้าเปิดใจคุยกับคนในบ้านค่ะ เราเคยคุยแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยค่ะ จนเราอยากหนีไปไกลๆ (เราเคยหนีไปแล้วถึงสองครั้งค่ะระหว่างเรียนมหาลัย คือไปอยู่หอ ตอนนั้นแฮปปี้ดีติดตรงอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมาก แต่เราพยายามหาพิเศษแบ่งเบาอยู่บ้างค่ะ)
เราไม่ได้คิดว่าการมี"พ่อแม่"เป็นห่วงเป็นเรื่องที่ไม่ดีนะคะ แต่สำหรับเรามัน"เกินไป"ค่ะ ที่เราพูดแบบนี้ได้เพราะเราอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กค่ะ เรากล้าพูดว่าเราได้รับความอบอุ่นจากท่านทั้งสองไม่มากพอเพราะท่านต้องทำงานหนัก (จริงๆไม่ใช่คนเดียวแบบนั้นนะคะ เขาส่งเราไปอยู่บ้านญาติตั้งแต่เราเกิดแค่ส่งเงินให้เท่านั้นจนเราจำความได้ แต่ด้วยความที่มีเด็กเยอะ แล้วทุกอย่างคือการแย่งชิงในตอนนั้น) เราโตมาด้วยการโดนบุลลี่ตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่โดนเรียกพบผู้ปกครอง "ไหนล่ะพ่อแม่เรา?" ด้วยเหตุผลนี้เราเลยรู้สึกว่าเรากับพ่อแม่ห่างกันมากๆ และนี่คือแผลในใจเราค่ะ ถึงตอนนี้จะเป็นแค่สะเก็ดแต่มันทำให้เราชินกับการอยู่คนเดียวซะมากกว่า หลังจากที่เราฟื้นฟูสภาพจิตใจเองเรากลับคิดว่า เรารับรู้ว่าเรามีพ่อแม่ แต่เรากลับไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ ความเป็นห่วงของเขากลับทำให้เราอึดอัดถึงขั้นรำคาญในบางครั้ง แต่เราจะพยายามไม่แสดงความรู้สึกนั้นออกไป (ก่อนหน้านี้เราเก็บกดจนระเบิดเลยค่ะ)
(ขอแก้เพิ่มตัวอย่างนะคะ) อย่างแรกที่เป็นความอึดอัดของเราคือเรื่องรถค่ะ ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆเราเข้าใจได้ค่ะ แต่เมื่อเรามีธุระ เขาจะบ่น ว่าอะไรนักหนา พอเราบอกว่าโอเคเดี๋ยวเรานั่งรถโดยสารไปเขาก็ยังไม่หยุดบ่นค่ะ วันนั้นเราปี๊ดมากๆแต่ได้แต่เก็บค่ะ , ขอยกอีกเรื่องคงไม่พ้นเรื่องเงิน เรามีเราให้ท่านค่ะ ไม่รู้หายไปไหนหมด หมดจริงๆค่ะ จนบางทีถึงคราวเราต้องการใช้เงินจริงๆ เรากลับโดนบ่นค่ะ.. ซึ่งเงินที่เราเก็บไว้ถ้าเราเอามาใช้โดนบ่นทั้งวันเลยค่ะ
ตั้งแต่เราเริ่มทำงานช่วงนี้หนักมากเลยค่ะ เราพยายามจะทิ้งความเหนื่อยไว้ที่ทำงานแต่ไม่ได้จริงๆค่ะ เราไม่อยากให้ท่านมาวุ่นวายกับเราเลย เราอยากแยกออกไปอยู่คนเดียวมากๆ เราพยายามหาที่ทำงานใกล้บ้านเพื่อที่จะไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายมาก แต่ช่วงนี้ทะเลาะกับที่บ้านถี่มากๆ โดยเฉพาะแม่จะประชดเราด้วยการไม่หยุดทำงานทั้งที่ร่างกายอ่อนล้า เราจะเริ่มบอกให้ท่านหยุดด้วยน้ำเสียงปกติก่อน จนเรียบ และกลายเป็นตะคอกค่ะ แล้วท่านก็จะโกรธหนักเข้าไปอีก เราไม่รู้จะทำยังไงเลยค่ะ อีกอย่างนึงเราเป็นซึมเศร้าในระดับนึงด้วยค่ะ หมอที่เรารักษาประจำยังไม่กลับจากต่างประเทศ ทำให้ตอนนี้เราต้องหยุดและยาก็หมดค่ะ เรารู้สึกตัวได้เลยว่า มันกำลังจะกลับมาหนักอีกครั้ง บางครั้งแม่ก็จะพูดว่าไม่ต้องรักษาแล้วก็ได้มั้ง รู้ตัวขนาดนี้ มันทำให้เราเสียใจค่ะ เราอยากหายมากแต่คนในบ้านไม่ช่วยเราเลย ทุกวันนี้เราคิดว่าการอยู่บ้านไม่มีความสุขเลยค่ะ ทุกคนมีความเครียดเราเข้าใจเราเองก็มี แต่เขากลับมองว่าเราสบายที่สุด ซึ่งมันก็ใช่ค่ะแค่ทางกายแต่ทางใจตอนนี้พังค่ะ
จริงๆปัญหาหนักอกหนักใจเยอะมากค่ะ แต่เราเล่าแบบคร่าวๆ เราจะทำยังไงดี? เราปล่อยวางจนตอนนี้วางจนล้นพื้นแล้วค่ะ ธรรมะก็ไม่ช่วยอะไรแล้วตอนนี้ ใจจริงอยากได้ใครซักคนไว้ปรึกษาปัญหาชีวิตก็ดีค่ะ ยุ่งเหยินจนเราสตองไม่ไหวแล้วค่ะ..