เอาแค่ในประเทศ ทุกวันนี้ก็จบมาปีละเกือบ 3000 คน
ตำแหน่งงานทั้งรัฐบาลและเอกชนก็เต็มแน่นเกือบหมดแล้ว
คนจบในประเทศครึ่งนึงหาที่เรียนเฉพาะทางไม่ได้
คนจบนอกมา ความหวังที่จะต่อบอร์ดในไทยยิ่งน้อยกว่า 5%
นอกจากนี้คนจบปินส์/จีน เกินครึ่งไม่สามารถสอบใบประกอบโรคศิลป์ให้ผ่านได้ในครั้งเดียว บางคนเวียนสอบ 4-5 ปีกว่าจะผ่าน มันสะท้อนอะไร ? ..... มันสะท้อนว่าเค้าจบมาจากสถาบันที่มาตรฐานต่ำกว่าปกติทั้งวิชาการและปฏิบัติ ไหนจะเรื่องอุปสรรคทางภาษา และอุปสรรคด้านคนไข้ที่ได้ฝึกตรวจรักษา ที่น้อยกว่าการเรียนในไทยมากๆ
เป้าหมายบางคนอยากเป็นหมอจริงๆ อันนี้ชื่นชม บางส่วนที่อยากเป็นหมอเพราะสั่งคนอื่นได้ ไม่ต้องอึดอัดทำตามใครสั่งเหมือนวิชาชีพอื่นสายสุขภาพ บางคนก็ถือความเก็บกดจากตอนเป็นกายภาพ เทคนิค เภสัช พยาบาล จนดั้นด้นไปเรียนหมอได้
แต่ที่ไม่น้อยเลยคืออยากเป็นหมอเพราะหวังรวย พวกนี้จบมาถึงก็หาที่เรียนเสริมความงาม โบทอกซ์ ร้อยไหม ทำจมูก ทำตา ซะแล้วตั้งแต่ยังสอบใบประกอบฯไม่ผ่าน เรียนเสร็จก็เป็นมือปืนรับจ้าง วิ่งรอกฉีดหน้า ผ่าตัด ตามคลินิกความงามเกรดตลาดล่างที่ประกาศรับหมอ freelance ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า มาทำในราคาถูกๆ ที่มีอยู่ทั่วไป เหมือนเป็นที่ลองมือ (ในลูกค้าจ่ายเงินจริง) เป็นที่มาของเคสเน่า เคสทะลุ ที่มีให้ผ่าแก้เท่าไหร่ก็ไม่หมด
และสิ่งที่พวกนี้พร่องมากคือ กล้าได้กล้าเสีย ไม่ถือคติ do no harm กล้าทำทุกอย่างที่ได้เงิน ไม่ว่าหัตถการนั้นจะมีผลเสียแค่ไหน
กับขาดจริยวัตรของอาชีพ เพราะไม่ค่อยได้ซึมซับอะไรจากครูแพทย์ในโรงเรียนแพทย์ชั้นนำ
มันสมควรแล้วเหรอ ที่แพทยสภาจะยังเปิดโอกาสต่อไปเรื่อยๆ กับการคัดมาตรฐานคนที่จะมารับผิดชอบชีวิตผู้อื่น ด้วยข้อสอบแค่ 2 ชุด กับปฏิบัติ 20 ข้อ
เมื่อไหร่แพทยสภาจะปิดช่องทางให้คนจบปินส์/จีนมาสอบใบประกอบโรคศิลป์
ตำแหน่งงานทั้งรัฐบาลและเอกชนก็เต็มแน่นเกือบหมดแล้ว
คนจบในประเทศครึ่งนึงหาที่เรียนเฉพาะทางไม่ได้
คนจบนอกมา ความหวังที่จะต่อบอร์ดในไทยยิ่งน้อยกว่า 5%
นอกจากนี้คนจบปินส์/จีน เกินครึ่งไม่สามารถสอบใบประกอบโรคศิลป์ให้ผ่านได้ในครั้งเดียว บางคนเวียนสอบ 4-5 ปีกว่าจะผ่าน มันสะท้อนอะไร ? ..... มันสะท้อนว่าเค้าจบมาจากสถาบันที่มาตรฐานต่ำกว่าปกติทั้งวิชาการและปฏิบัติ ไหนจะเรื่องอุปสรรคทางภาษา และอุปสรรคด้านคนไข้ที่ได้ฝึกตรวจรักษา ที่น้อยกว่าการเรียนในไทยมากๆ
เป้าหมายบางคนอยากเป็นหมอจริงๆ อันนี้ชื่นชม บางส่วนที่อยากเป็นหมอเพราะสั่งคนอื่นได้ ไม่ต้องอึดอัดทำตามใครสั่งเหมือนวิชาชีพอื่นสายสุขภาพ บางคนก็ถือความเก็บกดจากตอนเป็นกายภาพ เทคนิค เภสัช พยาบาล จนดั้นด้นไปเรียนหมอได้
แต่ที่ไม่น้อยเลยคืออยากเป็นหมอเพราะหวังรวย พวกนี้จบมาถึงก็หาที่เรียนเสริมความงาม โบทอกซ์ ร้อยไหม ทำจมูก ทำตา ซะแล้วตั้งแต่ยังสอบใบประกอบฯไม่ผ่าน เรียนเสร็จก็เป็นมือปืนรับจ้าง วิ่งรอกฉีดหน้า ผ่าตัด ตามคลินิกความงามเกรดตลาดล่างที่ประกาศรับหมอ freelance ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า มาทำในราคาถูกๆ ที่มีอยู่ทั่วไป เหมือนเป็นที่ลองมือ (ในลูกค้าจ่ายเงินจริง) เป็นที่มาของเคสเน่า เคสทะลุ ที่มีให้ผ่าแก้เท่าไหร่ก็ไม่หมด
และสิ่งที่พวกนี้พร่องมากคือ กล้าได้กล้าเสีย ไม่ถือคติ do no harm กล้าทำทุกอย่างที่ได้เงิน ไม่ว่าหัตถการนั้นจะมีผลเสียแค่ไหน
กับขาดจริยวัตรของอาชีพ เพราะไม่ค่อยได้ซึมซับอะไรจากครูแพทย์ในโรงเรียนแพทย์ชั้นนำ
มันสมควรแล้วเหรอ ที่แพทยสภาจะยังเปิดโอกาสต่อไปเรื่อยๆ กับการคัดมาตรฐานคนที่จะมารับผิดชอบชีวิตผู้อื่น ด้วยข้อสอบแค่ 2 ชุด กับปฏิบัติ 20 ข้อ