สวัสดีค่ะทุกๆ คน ขอขอบคุณล่วงหน้าที่สละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้นี้นะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเราสมัครบัญชีนี้ขึ้นมาเพื่อตั้งใจจะมาแก้บนโดยเฉพาะ!!!
หลังจากที่เราได้รู้ผลว่าสอบผ่าน IELTS ตามคะแนนที่ตั้งใจไว้แบบเป๊ะๆ คือ Band 6
ก็ถึงเวลาแล้วที่จะมาทำตามสิ่งที่เคยบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเอาไว้
โดยเราจะขอแชร์ประสบการณ์การเตรียมตัว **ฉบับเด็กที่อ่อนภาษาอังกฤษ** อ่านได้
คนทำงานไปด้วยเตรียมสอบไปด้วยทำได้จริง
(ถึงแม้ว่าเราเองจะยังมีนิสัยเสียแอบขี้เกียจนิดๆ ระหว่างทางก็เถอะ)
IELTS คือการสอบวัดระดับผลภาษาอังกฤษ ทั้ง 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน และเขียน
โดยแต่ละมหาลัยในต่างประเทศจะมีเกณฑ์การรับคะแนนที่แตกต่างกันไปตามชื่อเสียงและคณะนั้นๆ
ของเราตั้งใจไปเรียน Fashion Marketing and Management ที่ De Montford University
ซึ่งมหาลัย Require คะแนนสอบ IELTS อยู่ที่ Band 6 และทุกพาร์ทต้องไม่ต่ำกว่า 5.5
*บอกตรงๆ ว่าท้อใจมาก!!* ถึงแม้ว่าจะเหมือนคะแนนไม่สูง
แต่ด้วยความที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย (ถึงตอนนี้ 12 Tenses ก็ยังใช้ไม่ถูกเลยอะ)
"ถ้ามัวแต่ท้อก็คงไปไม่ถึงฝั่งสักที"
เมื่อคิดได้เราจึงได้เริ่มลงมองหาคอร์สติวภาษาเริ่มจากการปูพื้นฐานแกรมม่าใหม่ทั้งหมด
ซึ่งเราเลือกลงติวที่ Oxbrigde ในคอร์ส Grammar Brushup เรียน 2 ครั้งต่อ สัปดาห์
พอคอร์สนี้จบก็เข้าสู่การเตรียมตัว 1 เดือนอย่างจริงจังก่อนสอบ
ทั้งแบบติวเองและมีติวเตอร์ส่วนตัว
ค่าสอบ IELTS อยู่ที่ครั้งละประมาณ 9000 นิดๆ ถ้าจำไม่ผิด
โดยเราลงเผื่อไป 2 รอบ รอบแรกวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม และรอบที่สองวันเสาร์ที่ 6 เมษายน (กันเหนียว)
ซึ่งพอผลสอบครั้งแรกออกว่าผ่าน เราก็ปล่อยเบลอรอบสองไปเลย เพราะขี้เกียจ แหะๆ
มาเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมตัวกันเลยดีกว่า
โดยจะขอแบ่งเป็นรีวิวแต่ละพาร์ทแบบสั้นๆ ทั้ง 4 พาร์ท ดังนี้
Listening
พาร์ทนี้สำหรับเราง่ายที่สุดและเป็นตัวช่วยดึงคะแนนได้ดี
โดยข้อสอบของพาร์ทนี้จะแบ่งเป็น 4 พาร์ทย่อย เริ่มจากง่ายไปยาก
แนะนำให้เก็บคะแนนช่วงข้อที่ 1-25 ให้เยอะๆ ระวังเรื่องแกรมม่า การเติม S ต่างๆ
รวมถึงข้อสอบหลอก ต้องตั้งสติดีๆ ห้ามหลุด ถ้าไม่ได้ให้ข้ามเลย ตามสิ่งที่เทปกำลังเปิดอยู่ให้ทัน
วิธีการฝึก: เราฝึกข้อสอบจากหนังสือ Cambridge IELTS Academic หลายเล่มมากๆ ถึงแม้ว่าจะแพง แต่เราก็ว่ามันคุ้ม
เพราะสามารถทำได้บ่อยๆ ได้ฟิลเหมือนอ่านข้อสอบจริง ทำทุกวันอย่างน้อยก็วันละครั้งสองครั้ง
โดยเสิร์ชไฟล์ Audio บน Youtube ทำคู่กันไปเรื่อยๆ แล้วจะเจอจุดที่ตัวเองผิดพลาดบ่อยๆ เอง
Reading
พาร์ทนี้คิดว่าตัวเองจะห่วยกว่านี้ แต่คะแนนออกมาน่าพึงพอใจพอสมควร
โดยอยากให้มีคลังศัพท์ Academic ติดตัวไว้บ้าง เพราะจะเป็นผลดีอย่างมหาศาล
วิธีการฝึก: พาร์ทนี้ยอมรับว่าเราฝึกน้อยมากน้อยพอๆ กับ Speaking เลยก็ว่าได้
โดยเราก็ใช้ Cambridge IELTS Academic เล่มเดิมนี่แหล่ะเพราะมีครบทุกพาร์ท
และพยายามหา Topic หลายๆ อย่างมาฝึกทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์ สัตว์ ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ศิลปะ ฯลฯ
ตอนฝึกทำคะแนนห่วยจนท้อใจ ได้ 4 4.5 อย่างมากก็แค่ 5.5 แต่พอสอบจริงปรากฎว่าได้ 6
กรีดร้องลั่นบ้านเลยจริงๆ แบบว่าดีใจมากๆ ไม่คิดว่าจะได้เกินความคาดหมาย
Writing
มาถึงพาร์ทหินที่ไม่กล้าหวังอะไรเลย เพราะทุกอย่างดูยากไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเขียน แกรมม่า การเล่าเรื่อง ทุกอย่างสำหรับเราคือความพินาศมาก
จนกระทั่งเพื่อนได้แนะนำติวเตอร์ให้ ซึ่งยอมรับเลยว่าที่ผ่านมาได้ เพราะติวเตอร์+ความพยายามนิดๆ ของตัวเอง
คือพาร์ทนี้ขอแค่ทำแล้วพอผ่านไปจริงๆ เพราะรู้ตัวว่ามันยากมากกกกกกก พอผลออกมาแล้ว
ก็พึงพอใจเพราะได้ตามที่คิดเป๊ะๆ ตอนแรกคิดว่าจะแย่กว่านี้ด้วยซ้ำ
(ใครสนใจติวเตอร์ติดต่อมาหลังไมค์ได้นะ ไม่ได้ค่าอะไรทั้งสิ้น แต่นับถือที่ติวเตอร์เข็นควายให้เป็นคนได้ แหะๆ)
วิธีการฝึก: ฝึกกับติวเตอร์ล้วนๆ (มีแพทเทิร์น) ฝึกจำ ฝึกเขียนทุกวัน
ระหว่างทำงานถ้าเบรคก็จะฝึกเขียน กินข้าวก็เขียน ถ้าเขียนไม่ได้ก็ท่องในใจ
พาร์ทนี้ใช้ความพยายามมาหาศาลมากๆ เมื่อเทียบกับพาร์ทอื่นๆ
พาร์ทนี้คือจุดอ่อนของเราจริงๆ เพราะข้อสอบมีทั้งแบบกราฟและแสดงความคิดเห็น
แต่ละแบบก็จะมีวิธีการเขียนที่แตกต่างกันไปอีก พี่เค้าสอนละเอียดมาก ทั้งการใช้แกรมม่า วิธีการเขียนที่หลากหลาย
ส่วนตัวเราเรียนแบบเฉพาะเขียน 20 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นหลังเลิกงานทั้งหมด
ดังนั้นก็จะมีความเพลีย สมองล้ามากๆ สำหรับพาร์ทเขียน แต่มิได้ย่อท้อ ตอนกลางวันระหว่างพักงาน
ก็จะเอาออกมาเขียนๆ ท่องๆ สูตรแพทเทิร์นต่างๆ รวมถึงศัพท์ที่เหมาะกับโจทย์แต่ละแบบด้วย
(บอกตรงๆ ตอนนี้ลืมไปเกือบหมดแล้ว TT )
Speaking
อีกหนึ่งพาร์ทที่ทำให้จิตใจสั่นคลอนได้มากที่สุด โดยเราได้ฝึกสปีกกิ้งกับติวเตอร์แค่ 3 ครั้งเท่านั้น!
เกาะขาขอให้ติวเตอร์ช่วยเพราะตอนนั้นคืออีกหนึ่งอาทิตย์จะสอบแล้ว พาร์ทนี้แอบร้อนๆ หนาวๆ พอสมควร
เพราะเราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน แต่โชคดีที่ได้ทำงานบริษัทต่างชาติเลยมีความรู้เรื่องคำศัพท์บ้าง
แอบลอกเลียนลักษณะการพูด การออกเสียงแบบฝรั่งมาได้บ้าง และมีความไม่กลัวต่างชาติติดมาด้วย
วิธีการฝึก: ระหว่างทางที่ติวสอบในช่วงหนึ่งเดือน สองอาทิตย์สุดท้าย
เรามีขอให้เพื่อนร่วมงานช่วยเป็น Examiner ไปพลางๆ ด้วย โดยฝึกทุกวันหลังเลิกงาน
เอาโจทย์จากเว็บไซต์ IELTS Liz เพราะคล้ายการสอบจริงมากที่สุด
แต่ถ้าจะให้เพื่อนๆ ช่วย เราแนะนำว่าควรเป็นคนที่ภาษาอังกฤษระดับดีมาก - Native Speaking
เพราะเค้าจะได้ช่วยแก้ข้อผิดพลาดและช่วยบอกเทคนิคการพูดยังไงให้เป็นธรรมชาติได้ด้วย
หากใครที่ยังพอมีเวลา อยากให้รีบเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า
เพราะข้อสอบมันโหดและหินมากจริงๆ
ซึ่งมันต้องอาศัยทั้งความขยันผสมความโชคดี
(วันไปสอบนี่ใส่เครื่องรางเต็มแขน )
เราว่าเราโชคดีเพราะข้อสอบบางพาร์ทก็ง่ายมาก
เจอ Examiner ที่พูดด้วยก็ใจดี ไม่กดดันอีก
ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปได้มากจริงๆ
สำหรับใครที่มีคำถามอื่นๆ หรือต้องการคำแนะนำติดต่อเรามาได้เลย
เรายินดีและพร้อมที่จะแชร์ทุกเรื่องที่รู้ คิดซะว่าเป็นเพื่อนกัน
เพราะเราเข้าใจว่าความรู้สึกเคว้ง มึนงง ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนสอบนี่มันเป็นยังไง
ขอขอบคุณทุกๆ คนด้วยที่สละเวลาเข้ามาอ่านกัน
ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนโชคดีกับการสอบและการเรียนต่อในต่างประเทศนะคะ
[กระทู้แก้บน] แชร์เทคนิคติวสอบ IELTS ฉบับด่วนจี๋แบบที่คนไม่เก่งภาษาก็ทำได้!
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเราสมัครบัญชีนี้ขึ้นมาเพื่อตั้งใจจะมาแก้บนโดยเฉพาะ!!!
หลังจากที่เราได้รู้ผลว่าสอบผ่าน IELTS ตามคะแนนที่ตั้งใจไว้แบบเป๊ะๆ คือ Band 6
ก็ถึงเวลาแล้วที่จะมาทำตามสิ่งที่เคยบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเอาไว้
โดยเราจะขอแชร์ประสบการณ์การเตรียมตัว **ฉบับเด็กที่อ่อนภาษาอังกฤษ** อ่านได้
คนทำงานไปด้วยเตรียมสอบไปด้วยทำได้จริง
(ถึงแม้ว่าเราเองจะยังมีนิสัยเสียแอบขี้เกียจนิดๆ ระหว่างทางก็เถอะ)
โดยแต่ละมหาลัยในต่างประเทศจะมีเกณฑ์การรับคะแนนที่แตกต่างกันไปตามชื่อเสียงและคณะนั้นๆ
ของเราตั้งใจไปเรียน Fashion Marketing and Management ที่ De Montford University
ซึ่งมหาลัย Require คะแนนสอบ IELTS อยู่ที่ Band 6 และทุกพาร์ทต้องไม่ต่ำกว่า 5.5
*บอกตรงๆ ว่าท้อใจมาก!!* ถึงแม้ว่าจะเหมือนคะแนนไม่สูง
แต่ด้วยความที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย (ถึงตอนนี้ 12 Tenses ก็ยังใช้ไม่ถูกเลยอะ)
"ถ้ามัวแต่ท้อก็คงไปไม่ถึงฝั่งสักที"
เมื่อคิดได้เราจึงได้เริ่มลงมองหาคอร์สติวภาษาเริ่มจากการปูพื้นฐานแกรมม่าใหม่ทั้งหมด
ซึ่งเราเลือกลงติวที่ Oxbrigde ในคอร์ส Grammar Brushup เรียน 2 ครั้งต่อ สัปดาห์
พอคอร์สนี้จบก็เข้าสู่การเตรียมตัว 1 เดือนอย่างจริงจังก่อนสอบ
ค่าสอบ IELTS อยู่ที่ครั้งละประมาณ 9000 นิดๆ ถ้าจำไม่ผิด
โดยเราลงเผื่อไป 2 รอบ รอบแรกวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม และรอบที่สองวันเสาร์ที่ 6 เมษายน (กันเหนียว)
ซึ่งพอผลสอบครั้งแรกออกว่าผ่าน เราก็ปล่อยเบลอรอบสองไปเลย เพราะขี้เกียจ แหะๆ
มาเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมตัวกันเลยดีกว่า
โดยจะขอแบ่งเป็นรีวิวแต่ละพาร์ทแบบสั้นๆ ทั้ง 4 พาร์ท ดังนี้
พาร์ทนี้สำหรับเราง่ายที่สุดและเป็นตัวช่วยดึงคะแนนได้ดี
โดยข้อสอบของพาร์ทนี้จะแบ่งเป็น 4 พาร์ทย่อย เริ่มจากง่ายไปยาก
แนะนำให้เก็บคะแนนช่วงข้อที่ 1-25 ให้เยอะๆ ระวังเรื่องแกรมม่า การเติม S ต่างๆ
รวมถึงข้อสอบหลอก ต้องตั้งสติดีๆ ห้ามหลุด ถ้าไม่ได้ให้ข้ามเลย ตามสิ่งที่เทปกำลังเปิดอยู่ให้ทัน
วิธีการฝึก: เราฝึกข้อสอบจากหนังสือ Cambridge IELTS Academic หลายเล่มมากๆ ถึงแม้ว่าจะแพง แต่เราก็ว่ามันคุ้ม
เพราะสามารถทำได้บ่อยๆ ได้ฟิลเหมือนอ่านข้อสอบจริง ทำทุกวันอย่างน้อยก็วันละครั้งสองครั้ง
โดยเสิร์ชไฟล์ Audio บน Youtube ทำคู่กันไปเรื่อยๆ แล้วจะเจอจุดที่ตัวเองผิดพลาดบ่อยๆ เอง
Reading
พาร์ทนี้คิดว่าตัวเองจะห่วยกว่านี้ แต่คะแนนออกมาน่าพึงพอใจพอสมควร
โดยอยากให้มีคลังศัพท์ Academic ติดตัวไว้บ้าง เพราะจะเป็นผลดีอย่างมหาศาล
โดยเราก็ใช้ Cambridge IELTS Academic เล่มเดิมนี่แหล่ะเพราะมีครบทุกพาร์ท
และพยายามหา Topic หลายๆ อย่างมาฝึกทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์ สัตว์ ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ศิลปะ ฯลฯ
ตอนฝึกทำคะแนนห่วยจนท้อใจ ได้ 4 4.5 อย่างมากก็แค่ 5.5 แต่พอสอบจริงปรากฎว่าได้ 6
กรีดร้องลั่นบ้านเลยจริงๆ แบบว่าดีใจมากๆ ไม่คิดว่าจะได้เกินความคาดหมาย
Writing
มาถึงพาร์ทหินที่ไม่กล้าหวังอะไรเลย เพราะทุกอย่างดูยากไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเขียน แกรมม่า การเล่าเรื่อง ทุกอย่างสำหรับเราคือความพินาศมาก
จนกระทั่งเพื่อนได้แนะนำติวเตอร์ให้ ซึ่งยอมรับเลยว่าที่ผ่านมาได้ เพราะติวเตอร์+ความพยายามนิดๆ ของตัวเอง
คือพาร์ทนี้ขอแค่ทำแล้วพอผ่านไปจริงๆ เพราะรู้ตัวว่ามันยากมากกกกกกก พอผลออกมาแล้ว
ก็พึงพอใจเพราะได้ตามที่คิดเป๊ะๆ ตอนแรกคิดว่าจะแย่กว่านี้ด้วยซ้ำ
(ใครสนใจติวเตอร์ติดต่อมาหลังไมค์ได้นะ ไม่ได้ค่าอะไรทั้งสิ้น แต่นับถือที่ติวเตอร์เข็นควายให้เป็นคนได้ แหะๆ)
วิธีการฝึก: ฝึกกับติวเตอร์ล้วนๆ (มีแพทเทิร์น) ฝึกจำ ฝึกเขียนทุกวัน
แต่ละแบบก็จะมีวิธีการเขียนที่แตกต่างกันไปอีก พี่เค้าสอนละเอียดมาก ทั้งการใช้แกรมม่า วิธีการเขียนที่หลากหลาย
ส่วนตัวเราเรียนแบบเฉพาะเขียน 20 ชั่วโมงเข้าไปแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นหลังเลิกงานทั้งหมด
ดังนั้นก็จะมีความเพลีย สมองล้ามากๆ สำหรับพาร์ทเขียน แต่มิได้ย่อท้อ ตอนกลางวันระหว่างพักงาน
ก็จะเอาออกมาเขียนๆ ท่องๆ สูตรแพทเทิร์นต่างๆ รวมถึงศัพท์ที่เหมาะกับโจทย์แต่ละแบบด้วย
(บอกตรงๆ ตอนนี้ลืมไปเกือบหมดแล้ว TT )
Speaking
อีกหนึ่งพาร์ทที่ทำให้จิตใจสั่นคลอนได้มากที่สุด โดยเราได้ฝึกสปีกกิ้งกับติวเตอร์แค่ 3 ครั้งเท่านั้น!
เกาะขาขอให้ติวเตอร์ช่วยเพราะตอนนั้นคืออีกหนึ่งอาทิตย์จะสอบแล้ว พาร์ทนี้แอบร้อนๆ หนาวๆ พอสมควร
เพราะเราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน แต่โชคดีที่ได้ทำงานบริษัทต่างชาติเลยมีความรู้เรื่องคำศัพท์บ้าง
แอบลอกเลียนลักษณะการพูด การออกเสียงแบบฝรั่งมาได้บ้าง และมีความไม่กลัวต่างชาติติดมาด้วย
วิธีการฝึก: ระหว่างทางที่ติวสอบในช่วงหนึ่งเดือน สองอาทิตย์สุดท้าย
เรามีขอให้เพื่อนร่วมงานช่วยเป็น Examiner ไปพลางๆ ด้วย โดยฝึกทุกวันหลังเลิกงาน
เอาโจทย์จากเว็บไซต์ IELTS Liz เพราะคล้ายการสอบจริงมากที่สุด
แต่ถ้าจะให้เพื่อนๆ ช่วย เราแนะนำว่าควรเป็นคนที่ภาษาอังกฤษระดับดีมาก - Native Speaking
เพราะเค้าจะได้ช่วยแก้ข้อผิดพลาดและช่วยบอกเทคนิคการพูดยังไงให้เป็นธรรมชาติได้ด้วย
ซึ่งมันต้องอาศัยทั้งความขยันผสมความโชคดี
(วันไปสอบนี่ใส่เครื่องรางเต็มแขน )
เราว่าเราโชคดีเพราะข้อสอบบางพาร์ทก็ง่ายมาก
เจอ Examiner ที่พูดด้วยก็ใจดี ไม่กดดันอีก
ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปได้มากจริงๆ
สำหรับใครที่มีคำถามอื่นๆ หรือต้องการคำแนะนำติดต่อเรามาได้เลย
เรายินดีและพร้อมที่จะแชร์ทุกเรื่องที่รู้ คิดซะว่าเป็นเพื่อนกัน
เพราะเราเข้าใจว่าความรู้สึกเคว้ง มึนงง ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนสอบนี่มันเป็นยังไง
ขอขอบคุณทุกๆ คนด้วยที่สละเวลาเข้ามาอ่านกัน
ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนโชคดีกับการสอบและการเรียนต่อในต่างประเทศนะคะ