ทำไมคนเหนือต้องมาเที่ยวน่าน นั้นนะสิ
น่านในความรู้สึกผมคล้ายๆกับเมืองลับแล เพราะถ้าไม่ตั้งใจจะมาก็คงมาไม่ถึง
(ผมต้องขอออกตัวก่อนว่าบันทึกการเดินทางของผม
จะมีบางรูปที่ผมก๊อบเค้ามาเนื่องจากผมถ่ายรูปไม่ค่อยสวยนะครับ
และ เนื่องด้วย จขกท .อยู่ในอารมณ์อกหักมีเวิ่นเว้อบ้าง ต้องอภัยมา ณ ที่นี้)
ทริปนี้ผมเดินทางจาก เชียงใหม่ มหานครของภาคเหนือ
โดยรถกรีนบัส ซึ่งมีประมาณ สี่ถึงห้ารอบต่อวัน
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5ชั่วโมงครับ
และก็แนะนำเลยว่าพยายามมาให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกเพราะถนนหนทางค่อนข้างโหด
ถนนบางส่วนกำลังสร้างตอบสนองต่อความนิยมของเมืองนี้
อาจจะบอกได้ว่าผมอยากมาน่าน เพียงเพราะอยากมาเห็น ภาพกระซิบรักบันลือโลก ว่าของจริงจะสวยปานใด
แต่พอมาแล้วผมกลับหลงเสน่ห์เมืองนี้เข้าเต็มเปาเลยครับ
ผมเดินทางออกจากเชียงใหม่ตอน11โมงกว่าด้วยรถ กรีนบัส ป.2
ใจจริงอยาก จะจองรอบ 9โมง ซึ่งเป็น รถ ป.1แต่ดันเต็มซะก่อน สภาพรถค่อนข้างหฤโหด
แอร์ไม่ค่อยเย็น แต่พนักงานดูแลค่อนข้างดีเลยนะครับ
รถผ่าน ลำปาง แพร่ เข้าอำเภอเวียงสา แล้วก็มาถึง ตัวเมืองน่าน เวลาเกือบๆ
หกโมงเย็น เปิดกูเกิลแมป ที่พักห่างออกไป 1.2 กิโลเมตร
ใจจริงตั้งใจว่าจะ เช่ามอเตอร์ไซค์ขับไป ปรากฏว่าร้านปิด
กะเลยตัดสินใจว่าเดิน ถ้าบังเอิญเจอร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ไหน กะเช่ามันที่นั่นแหละ
ผลปรากฏว่า เดินจนถึงที่พัก 555
ที่พักผมตั้งใจเลือกcutinnan ซึ่งเป็น โฮสเทล อยู่ใกล้ถนนคนเดิน ใกล้วัดภูมินทร์
เรื่องของเรื่องเกิดมาไม่เคย นอนโฮสเทล คนเดียวเลย ของมันต้องลอง
ผมว่าเดินทางคนเดียวมันต้องมานอนโฮสเทลนี่แหละ จะได้ออกจากคอมฟอร์ทโซน ได้เจอกับผู้คนมากมาย
หลายหลายวัฒนธรรม ได้คุย สนทนา ได้ใช้ภาษาอังกฤษ
พอดีวันนี้พิเศษหน่อยได้คุยกับสาวฝรั่งเศษเชื้อสายเวียดนาม แล้วมานั่งตกใจตัวเองเห้ย เราก็คุยภาษาอังกฤษได้นี่หว่า 555
คืนแรกของการนอนโฮสเทล เห้ย !!! ก็ไม่เลวร้ายนะ ผมมีเพื่อนนอนชั้นล่างเป็นคนจีน
ฝั่งตรงข้ามเป็นหนุ่มและสาวกรุงเทพ มุมไกลๆ เป็นสาวฝรั่งเศสเชื้อสายเวียดนาม
ถึงแม้จะได้ยินเสียงกรนของครอบครัวกรุงเทพเตียงไกลออกไปบ้าง แต่ก็ถือว่าสนุกดี
ผมว่าของสำคัญสำหรับคนนอนโฮสเทล คือ เอียร์ปลั๊กนี่แหละ
เช้าวันถัดมาขณะที่กำลังนั่งคิดว่าจะเอาไงต่อดี พลันสายตาก็หันไปเห็น
ป้ายนั่งรถรางชมเมือง เออน่าสนใจดี ตรงที่ว่า เราไม่ต้องเดินแบบงงๆ แถมมีไกด์คอยเล่าเรื่องราวต่างๆ
ราคาแค่ 30 บาท อืมน่าสนๆ เลยโทรมาศูนย์บริการนักท่องเที่ยว(อยู่ฝั่งตรงข้ามวัดภูมินทร์)
เขาบอกว่ามาซื้อตั๋วตอนแปดโมงครึ่งได้เลย ผมเลือกรอบ9.30 น. พอมาซื้อตั๋วเสร็จนั่งดูคนรอขึ้นรถ
เอิ่มนี่กุมาเที่ยวกับอากงอาม่า ใช่ไหมเนี้ย 555
9.30 รถออกเดินทาง น้องกิ๊ก รับหน้าที่เป็นไกด์บรรยายได้ดีมาก รถรางเคลื่อนไปผ่านที่ต่างๆ อาทิ ศาลหลักเมือง คุ้มเจ้า
กำแพงเมือง วัดต่างๆ พร้อมเล่าที่มาของเมือง
แวะจุดแรก คือวัดศรีพันต้น เป็นวัดสีทองสวยอร่ามตา
ด้านหน้าวิหารมีรูปปั้นพญานาค สวยงาม
ด้านข้างมีเรือชื่อพญาคึ (คำว่า " คึ " ในภาษาเหนือหมายถึงอะไรที่มันยิ่งใหญ่แบบเวอร์วังอลังการ)
เป็นเรือที่ยาวที่สุดในจังหวัดน่าน บรรจุฝีพายได้ 70-90คน
ด้านในมีพระท่านให้พรประพรมน้ำมนต์ เอาฤกษ์เอาชัย
พอออกจากวัดรถก็วกกลับมาเส้นพิพิทธภัณฑ์ แล้วเลี้ยวซ้ายออกไป ผ่านกำแพงเมืองเก่า
นั่งฟังน้อง กิ๊กเล่าถึงประวัติศาสตร์ วัดหรือสถานที่โบราณสถาน จริงๆมันก็สวยอยู่แล้วครับ
ยิ่งพอเราได้รู้ที่มา มันทำให้เรายิ่งตระหนักแล้วเข้าใจถึงคุณค่าของสิ่งเหล่านี้
แล้วรถก็พาไปจอดจุดที่สอง
คือวัดสวนตาล เป็นวัดที่มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่หน้าวัด ศิลปะได้รับอิทธิพลมาจาก
ล้านช้าง สังเกตจากพญานาคตัวจะเล็กๆยาวๆเหมือนงู นั่งฟังประวัติการสร้างเจดีย์
กับสร้างพระแล้วก็อดทึ่งในภูมิปัญญาและความเสียสละของบรรพบุรุษไม่ได้ครับ
ระหว่างอยู่บนรถรางน้องกิ๊กก็บอกว่าหากใครอยากมีคู่ให้ไปบูชาเทียนคู่แล้วจะสมหวังในรัก
ฟังผ่านๆหูแต่ดันจำไม่ได้ว่าต้องไปบูชาเทียนที่วัดอะไร....จะถามน้องกิ๊กก็กะไรอยู่
ใครที่รู้รบกวนบอกด้วยนะครับ เผื่อวันหน้าวันหลังกลับมาจะ ได้มาขอคู่บ้าง 555
รถพาผ่านวัดที่มีหลากหลายอิทธิพลครับทั้ง ศิลปะล้านช้าง สุโขทัย พม่า รวมถึงชุมชนศาสนาคริสต์
นั่งประมาณชั่วโมง นิดๆก็กลับมาที่เดิมที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ หน้าวัดภูมินทร์
ผมเลยเดินกลับ cuteinnan เพื่อว่าจะได้โทรเช่ามอเตอร์ไซค์ สำหรับไป
วัดพระธาตุแช่แห้ง
ไปหอศิลป์ริมน่าน
นั่งจิบกาแฟริมน้ำตอนบ่าย
แล้วก็ ไปชมวิวเมืองตอนเย็นบนวัดพระธาตุเขาน้อย
พอกลับมาในโฮสเทลตอนนั้นก็ถามป้าเจ้าของโฮสเทลว่าใครไปไหนบ้าง( กะว่าจะลอกทริป )
ปรากฎว่ามีคนหนึ่งชื่อน้องปลา น้องที่มาจากกรุงเทพ เขาเช่าจักรยานปั่นรอบเมือง
ไอ่ผมนะครับถึงขั้นห๊ะ!!! เลยทีเดียว เพราะตอนนั้นอุณหภูมิเกือบๆ 40 องศา
เลยเดาว่าน้องเค้าคงละลาย อยู่แถวข้างทางที่ไหนสักแห่งบนถนนเป็นแน่แท้
รถมารับเพื่อไปเช่ามอเตอร์ไซค์
ผมเลือกเช่ามอเตอร์ไซด์ เวฟแบบมีเกียร์ เพื่อว่าจะได้ขึ้นและลงดอยสะดวกครับ
(แถมให้เล็กน้อย การขับรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นลงดอย เกียร์ธรรมดาจะขับง่ายกว่า
เพราะใช้วิธีลงเกียร์ต่ำแล้ว เสริมด้วยการเหยียบเบรก ต่างจากออโต้ที่จะยากกว่าครับ)
ค่าเช่าวันละ 250 ค่าประกัน1,000 บาท พอดีเงินสดผมไม่พอจึงจะออกไปกด เจ้าของร้านใจดีมากครับ
บอกว่า
"ไม่เป็นไรพี่คิดค่าประกัน 500ก็พอ"
ต้องขอบคุณแกมากเลย
ใครอยากจะเช่ามอเตอร์ไซค์ เที่ยวน่านแนะนำเลยครับ ร้านแกอยู่ในโครงการน่านน้ำทอง หลังบขส.น่านครับ
ได้มอเตอร์ไซค์แล้วกะเลยขับไปวัดพระธาตุแช่แห้ง วัดสำหรับคนเกิดปีเถาะ
และก็ไม่น่าเชื่อครับผมเจอน้องปลา ปั่นมาเที่ยวถึงนี่
เลยเข้าไปทัก พร้อมกับสอบถามว่าคิดยังไงถึงปั่นรถถีบมาถึงนี่
ได้ความว่าน้องเขาขับมอเตอร์ไซค์ไม่เป็น เลยต้องปั่นรถถีบ มาสี่กิโล(ท่ามกลางอุณหภูมิเกือบๆ 40 องศา)
ผมเลยถามต่อว่าจะไปไหนต่อ น้องเขาตอบไม่รู้เหมือนกันเพราะตอนนี้ร้อนมากๆ
[CR] Backpacker บันทึกนักเดินทาง : จากเชียงใหม่ ลุยเดี่ยวเที่ยวน่านนครา สเน่ห์มนตราแห่งล้านนาตะวันออก
น่านในความรู้สึกผมคล้ายๆกับเมืองลับแล เพราะถ้าไม่ตั้งใจจะมาก็คงมาไม่ถึง
(ผมต้องขอออกตัวก่อนว่าบันทึกการเดินทางของผม
จะมีบางรูปที่ผมก๊อบเค้ามาเนื่องจากผมถ่ายรูปไม่ค่อยสวยนะครับ
และ เนื่องด้วย จขกท .อยู่ในอารมณ์อกหักมีเวิ่นเว้อบ้าง ต้องอภัยมา ณ ที่นี้)
ทริปนี้ผมเดินทางจาก เชียงใหม่ มหานครของภาคเหนือ
โดยรถกรีนบัส ซึ่งมีประมาณ สี่ถึงห้ารอบต่อวัน
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5ชั่วโมงครับ
และก็แนะนำเลยว่าพยายามมาให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกเพราะถนนหนทางค่อนข้างโหด
ถนนบางส่วนกำลังสร้างตอบสนองต่อความนิยมของเมืองนี้
อาจจะบอกได้ว่าผมอยากมาน่าน เพียงเพราะอยากมาเห็น ภาพกระซิบรักบันลือโลก ว่าของจริงจะสวยปานใด
แต่พอมาแล้วผมกลับหลงเสน่ห์เมืองนี้เข้าเต็มเปาเลยครับ
ผมเดินทางออกจากเชียงใหม่ตอน11โมงกว่าด้วยรถ กรีนบัส ป.2
ใจจริงอยาก จะจองรอบ 9โมง ซึ่งเป็น รถ ป.1แต่ดันเต็มซะก่อน สภาพรถค่อนข้างหฤโหด
แอร์ไม่ค่อยเย็น แต่พนักงานดูแลค่อนข้างดีเลยนะครับ
รถผ่าน ลำปาง แพร่ เข้าอำเภอเวียงสา แล้วก็มาถึง ตัวเมืองน่าน เวลาเกือบๆ
หกโมงเย็น เปิดกูเกิลแมป ที่พักห่างออกไป 1.2 กิโลเมตร
ใจจริงตั้งใจว่าจะ เช่ามอเตอร์ไซค์ขับไป ปรากฏว่าร้านปิด
กะเลยตัดสินใจว่าเดิน ถ้าบังเอิญเจอร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ไหน กะเช่ามันที่นั่นแหละ
ผลปรากฏว่า เดินจนถึงที่พัก 555
ที่พักผมตั้งใจเลือกcutinnan ซึ่งเป็น โฮสเทล อยู่ใกล้ถนนคนเดิน ใกล้วัดภูมินทร์
เรื่องของเรื่องเกิดมาไม่เคย นอนโฮสเทล คนเดียวเลย ของมันต้องลอง
ผมว่าเดินทางคนเดียวมันต้องมานอนโฮสเทลนี่แหละ จะได้ออกจากคอมฟอร์ทโซน ได้เจอกับผู้คนมากมาย
หลายหลายวัฒนธรรม ได้คุย สนทนา ได้ใช้ภาษาอังกฤษ
พอดีวันนี้พิเศษหน่อยได้คุยกับสาวฝรั่งเศษเชื้อสายเวียดนาม แล้วมานั่งตกใจตัวเองเห้ย เราก็คุยภาษาอังกฤษได้นี่หว่า 555
คืนแรกของการนอนโฮสเทล เห้ย !!! ก็ไม่เลวร้ายนะ ผมมีเพื่อนนอนชั้นล่างเป็นคนจีน
ฝั่งตรงข้ามเป็นหนุ่มและสาวกรุงเทพ มุมไกลๆ เป็นสาวฝรั่งเศสเชื้อสายเวียดนาม
ถึงแม้จะได้ยินเสียงกรนของครอบครัวกรุงเทพเตียงไกลออกไปบ้าง แต่ก็ถือว่าสนุกดี
ผมว่าของสำคัญสำหรับคนนอนโฮสเทล คือ เอียร์ปลั๊กนี่แหละ
เช้าวันถัดมาขณะที่กำลังนั่งคิดว่าจะเอาไงต่อดี พลันสายตาก็หันไปเห็น
ป้ายนั่งรถรางชมเมือง เออน่าสนใจดี ตรงที่ว่า เราไม่ต้องเดินแบบงงๆ แถมมีไกด์คอยเล่าเรื่องราวต่างๆ
ราคาแค่ 30 บาท อืมน่าสนๆ เลยโทรมาศูนย์บริการนักท่องเที่ยว(อยู่ฝั่งตรงข้ามวัดภูมินทร์)
เขาบอกว่ามาซื้อตั๋วตอนแปดโมงครึ่งได้เลย ผมเลือกรอบ9.30 น. พอมาซื้อตั๋วเสร็จนั่งดูคนรอขึ้นรถ
เอิ่มนี่กุมาเที่ยวกับอากงอาม่า ใช่ไหมเนี้ย 555
9.30 รถออกเดินทาง น้องกิ๊ก รับหน้าที่เป็นไกด์บรรยายได้ดีมาก รถรางเคลื่อนไปผ่านที่ต่างๆ อาทิ ศาลหลักเมือง คุ้มเจ้า
กำแพงเมือง วัดต่างๆ พร้อมเล่าที่มาของเมือง
แวะจุดแรก คือวัดศรีพันต้น เป็นวัดสีทองสวยอร่ามตา
ด้านหน้าวิหารมีรูปปั้นพญานาค สวยงาม
ด้านข้างมีเรือชื่อพญาคึ (คำว่า " คึ " ในภาษาเหนือหมายถึงอะไรที่มันยิ่งใหญ่แบบเวอร์วังอลังการ)
เป็นเรือที่ยาวที่สุดในจังหวัดน่าน บรรจุฝีพายได้ 70-90คน
ด้านในมีพระท่านให้พรประพรมน้ำมนต์ เอาฤกษ์เอาชัย
พอออกจากวัดรถก็วกกลับมาเส้นพิพิทธภัณฑ์ แล้วเลี้ยวซ้ายออกไป ผ่านกำแพงเมืองเก่า
นั่งฟังน้อง กิ๊กเล่าถึงประวัติศาสตร์ วัดหรือสถานที่โบราณสถาน จริงๆมันก็สวยอยู่แล้วครับ
ยิ่งพอเราได้รู้ที่มา มันทำให้เรายิ่งตระหนักแล้วเข้าใจถึงคุณค่าของสิ่งเหล่านี้
แล้วรถก็พาไปจอดจุดที่สอง
คือวัดสวนตาล เป็นวัดที่มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่หน้าวัด ศิลปะได้รับอิทธิพลมาจาก
ล้านช้าง สังเกตจากพญานาคตัวจะเล็กๆยาวๆเหมือนงู นั่งฟังประวัติการสร้างเจดีย์
กับสร้างพระแล้วก็อดทึ่งในภูมิปัญญาและความเสียสละของบรรพบุรุษไม่ได้ครับ
ระหว่างอยู่บนรถรางน้องกิ๊กก็บอกว่าหากใครอยากมีคู่ให้ไปบูชาเทียนคู่แล้วจะสมหวังในรัก
ฟังผ่านๆหูแต่ดันจำไม่ได้ว่าต้องไปบูชาเทียนที่วัดอะไร....จะถามน้องกิ๊กก็กะไรอยู่
ใครที่รู้รบกวนบอกด้วยนะครับ เผื่อวันหน้าวันหลังกลับมาจะ ได้มาขอคู่บ้าง 555
รถพาผ่านวัดที่มีหลากหลายอิทธิพลครับทั้ง ศิลปะล้านช้าง สุโขทัย พม่า รวมถึงชุมชนศาสนาคริสต์
นั่งประมาณชั่วโมง นิดๆก็กลับมาที่เดิมที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ หน้าวัดภูมินทร์
ผมเลยเดินกลับ cuteinnan เพื่อว่าจะได้โทรเช่ามอเตอร์ไซค์ สำหรับไป
วัดพระธาตุแช่แห้ง
ไปหอศิลป์ริมน่าน
นั่งจิบกาแฟริมน้ำตอนบ่าย
แล้วก็ ไปชมวิวเมืองตอนเย็นบนวัดพระธาตุเขาน้อย
พอกลับมาในโฮสเทลตอนนั้นก็ถามป้าเจ้าของโฮสเทลว่าใครไปไหนบ้าง( กะว่าจะลอกทริป )
ปรากฎว่ามีคนหนึ่งชื่อน้องปลา น้องที่มาจากกรุงเทพ เขาเช่าจักรยานปั่นรอบเมือง
ไอ่ผมนะครับถึงขั้นห๊ะ!!! เลยทีเดียว เพราะตอนนั้นอุณหภูมิเกือบๆ 40 องศา
เลยเดาว่าน้องเค้าคงละลาย อยู่แถวข้างทางที่ไหนสักแห่งบนถนนเป็นแน่แท้
รถมารับเพื่อไปเช่ามอเตอร์ไซค์
ผมเลือกเช่ามอเตอร์ไซด์ เวฟแบบมีเกียร์ เพื่อว่าจะได้ขึ้นและลงดอยสะดวกครับ
(แถมให้เล็กน้อย การขับรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นลงดอย เกียร์ธรรมดาจะขับง่ายกว่า
เพราะใช้วิธีลงเกียร์ต่ำแล้ว เสริมด้วยการเหยียบเบรก ต่างจากออโต้ที่จะยากกว่าครับ)
ค่าเช่าวันละ 250 ค่าประกัน1,000 บาท พอดีเงินสดผมไม่พอจึงจะออกไปกด เจ้าของร้านใจดีมากครับ
บอกว่า
"ไม่เป็นไรพี่คิดค่าประกัน 500ก็พอ"
ต้องขอบคุณแกมากเลย
ใครอยากจะเช่ามอเตอร์ไซค์ เที่ยวน่านแนะนำเลยครับ ร้านแกอยู่ในโครงการน่านน้ำทอง หลังบขส.น่านครับ
ได้มอเตอร์ไซค์แล้วกะเลยขับไปวัดพระธาตุแช่แห้ง วัดสำหรับคนเกิดปีเถาะ
และก็ไม่น่าเชื่อครับผมเจอน้องปลา ปั่นมาเที่ยวถึงนี่
เลยเข้าไปทัก พร้อมกับสอบถามว่าคิดยังไงถึงปั่นรถถีบมาถึงนี่
ได้ความว่าน้องเขาขับมอเตอร์ไซค์ไม่เป็น เลยต้องปั่นรถถีบ มาสี่กิโล(ท่ามกลางอุณหภูมิเกือบๆ 40 องศา)
ผมเลยถามต่อว่าจะไปไหนต่อ น้องเขาตอบไม่รู้เหมือนกันเพราะตอนนี้ร้อนมากๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้