สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
สงครามโลกครั้งที่ 1 มีปืนกล ปืนกลมือ มีปืนใหญ่ มีเครื่องบินขับไล่-ทิ้งระเบิด มีรถถัง มีเรือดำน้ำ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้นั้นคือสิ่งที่สงครามโลกครั้งที่ 2 นำศักยภาพและพลังของสิ่งเหล่านี้มาใช้จนถึงขีดสุด
โดยบนบกนั้นรถถังคือสิ่งที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 ต่างไปจากสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสิ้นเชิง
จริงอยู่ว่าในสงครามโลกครั้งที่ 1 รถถังถูกออกแบบมาเพื่อทำลายกฎของแนวรบ Western Front รถถังสามารถฝ่าปืนกลและอาวุธหนักบางชนิดเพื่อนำทางให้ทหารราบสามารถเข้าเคลียร์หลุมเพลาะของศัตรูได้ แต่มันก็ไม่สามารถเทียบได้เลยกับการพัฒนาเทคนิคการใช้และเทคโนโลยีของรถถังจนในขีดสุดกลายเป็นการเปิดศักราชของสงครามสมัยใหม่ อย่างที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็น ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 รถถังมีบทบาทในการสนับสนุนทหารราบเมื่อสงครามดำเนินไปทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะ สัมพันธมิตรหรือ อักษะ ก็ต่างพบว่ารถถังต้องสู้กับรถถังมันจึงทำให้เกิดตำนานอย่าง Panther หรือ T-34-85 ขึ้นมา และด้วยรถถังเหล่านี้จึงได้กลายเป็นบทบัญญัติในการออกแบบรถถังในยุคต่อมาซึ่งมันก็สืบทอดมาถึงปัจจุบันนี้
ส่วนบนฟ้าการพัฒนาเครื่องบินขับไล่และทิ้งระเบิดรวมถึงเครื่องบินที่สามารถทำได้ทั้ง 2 บทบาทก็ถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในสงครามโลกครั้งที่ 2 และจุดสูงสุดของมันนั่นก็คือ M E 262 เครื่องบินขับไล่ที่ใช้เครื่องยนต์เจ็ท ที่เป็นก้าวแรกของการสิ้นสุดยุคสมัยของเครื่องบินใบพัด และสิ่งที่กำหนดว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดควรจะเป็นอย่างไรคือเครื่อง B 29 ว่าการที่จะทำลายจุดยุทธศาสตร์ของข้าศึกในประเทศของพวกเขาเองนั้นควรจะใช้อะไร
และมีหลายคนที่ยังคงเข้าใจผิดเกี่ยวกับ stg 44 ว่าเป็นปืนไรเฟิลจู่โจมที่ เป็นต้นกำเนิดของ ak 47 คือว่าต่อให้ไม่มี stg 44 ตระกูลนี้ก็ได้เกิดมาแน่นอน ในโซเวียตมีการพัฒนาปืนที่มีลักษณะเหมือนกับ ak 47 มาก่อนแล้ว นั่นคือปืน AS 44 ที่คนออกแบบป่วยตายก่อนงานของเขาจะเสร็จจึงทำให้มิคาอิลคาลาชนิคอฟชนะการสร้างปืนเล็กยาวจู่โจมแบบแรกให้กับกองทัพโซเวียต
ในท้องทะเลจุดจบของยุคเรือประจัญบานมาถึงในสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงเวลาที่เรือที่มีปืนหนักเกราะหนาต้องถอยให้กับเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือประจัญบานยามาโตะกับบิสมาร์ค ล้วนแต่สิ้นชื่อลงไปจมอยู่ก้นทะเล เพราะฝูงบินทั้งสิ้นระเบิดเเละตอปิโดสามารถถล่มเรือประจัญบานให้จมลงได้หากมีเครื่องบินมากพอ
ในแอตแลนติกกองเรืออูเปรียบดังหมาป่ากระหายศึกที่จมเรือสินค้าและเรือรบจำนวนมากในขณะที่ความเสียหายของกองเรืออูมีเพียงนิดเดียว ถ้าเทียบกับความพินาศที่ฝูงหมาป่ากระหายศึกฝูงนี้ก่อไว้ในแอตแลนติกพลังที่ไม่อาจต่อกรของเรือดำน้ำ ก่อนที่เทคโนโลยีตัวจับใต้น้ำเช่นโซน่าจะพัฒนาจนตรวจจับเรือดำน้ำได้อยู่ที่ช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็จริงอยู่ที่ว่าเรือดำน้ำเยอรมันมีชื่อเสียงมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีเรือดำน้ำของตอนนั้นที่เพิ่งเริ่มต้นจึงทำให้ไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ พอถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นแหละที่ทำให้ Winston churchill ต้องบอกว่าสิ่งเดียวที่เขาเป็นกังวลตลอดช่วงสงครามก็คือเรือดำน้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่เหมือนกับสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสิ้นเชิงแบบชนิดที่เรียกว่าไม่เหมือนกันเลย นั่นก็คือการสร้างเเละใช้ อาวุธชนิดใหม่ ที่บุกเบิกการสร้างขีปนาวุธและการเดินทางไปอวกาศ ต้นแบบของเทคโนโลยีจรวดในยุคปัจจุบัน V1 กับ V2 นั้นเอง
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้นั้นคือสิ่งที่สงครามโลกครั้งที่ 2 นำศักยภาพและพลังของสิ่งเหล่านี้มาใช้จนถึงขีดสุด
โดยบนบกนั้นรถถังคือสิ่งที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 ต่างไปจากสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสิ้นเชิง
จริงอยู่ว่าในสงครามโลกครั้งที่ 1 รถถังถูกออกแบบมาเพื่อทำลายกฎของแนวรบ Western Front รถถังสามารถฝ่าปืนกลและอาวุธหนักบางชนิดเพื่อนำทางให้ทหารราบสามารถเข้าเคลียร์หลุมเพลาะของศัตรูได้ แต่มันก็ไม่สามารถเทียบได้เลยกับการพัฒนาเทคนิคการใช้และเทคโนโลยีของรถถังจนในขีดสุดกลายเป็นการเปิดศักราชของสงครามสมัยใหม่ อย่างที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็น ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 รถถังมีบทบาทในการสนับสนุนทหารราบเมื่อสงครามดำเนินไปทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะ สัมพันธมิตรหรือ อักษะ ก็ต่างพบว่ารถถังต้องสู้กับรถถังมันจึงทำให้เกิดตำนานอย่าง Panther หรือ T-34-85 ขึ้นมา และด้วยรถถังเหล่านี้จึงได้กลายเป็นบทบัญญัติในการออกแบบรถถังในยุคต่อมาซึ่งมันก็สืบทอดมาถึงปัจจุบันนี้
ส่วนบนฟ้าการพัฒนาเครื่องบินขับไล่และทิ้งระเบิดรวมถึงเครื่องบินที่สามารถทำได้ทั้ง 2 บทบาทก็ถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในสงครามโลกครั้งที่ 2 และจุดสูงสุดของมันนั่นก็คือ M E 262 เครื่องบินขับไล่ที่ใช้เครื่องยนต์เจ็ท ที่เป็นก้าวแรกของการสิ้นสุดยุคสมัยของเครื่องบินใบพัด และสิ่งที่กำหนดว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดควรจะเป็นอย่างไรคือเครื่อง B 29 ว่าการที่จะทำลายจุดยุทธศาสตร์ของข้าศึกในประเทศของพวกเขาเองนั้นควรจะใช้อะไร
และมีหลายคนที่ยังคงเข้าใจผิดเกี่ยวกับ stg 44 ว่าเป็นปืนไรเฟิลจู่โจมที่ เป็นต้นกำเนิดของ ak 47 คือว่าต่อให้ไม่มี stg 44 ตระกูลนี้ก็ได้เกิดมาแน่นอน ในโซเวียตมีการพัฒนาปืนที่มีลักษณะเหมือนกับ ak 47 มาก่อนแล้ว นั่นคือปืน AS 44 ที่คนออกแบบป่วยตายก่อนงานของเขาจะเสร็จจึงทำให้มิคาอิลคาลาชนิคอฟชนะการสร้างปืนเล็กยาวจู่โจมแบบแรกให้กับกองทัพโซเวียต
ในท้องทะเลจุดจบของยุคเรือประจัญบานมาถึงในสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงเวลาที่เรือที่มีปืนหนักเกราะหนาต้องถอยให้กับเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือประจัญบานยามาโตะกับบิสมาร์ค ล้วนแต่สิ้นชื่อลงไปจมอยู่ก้นทะเล เพราะฝูงบินทั้งสิ้นระเบิดเเละตอปิโดสามารถถล่มเรือประจัญบานให้จมลงได้หากมีเครื่องบินมากพอ
ในแอตแลนติกกองเรืออูเปรียบดังหมาป่ากระหายศึกที่จมเรือสินค้าและเรือรบจำนวนมากในขณะที่ความเสียหายของกองเรืออูมีเพียงนิดเดียว ถ้าเทียบกับความพินาศที่ฝูงหมาป่ากระหายศึกฝูงนี้ก่อไว้ในแอตแลนติกพลังที่ไม่อาจต่อกรของเรือดำน้ำ ก่อนที่เทคโนโลยีตัวจับใต้น้ำเช่นโซน่าจะพัฒนาจนตรวจจับเรือดำน้ำได้อยู่ที่ช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็จริงอยู่ที่ว่าเรือดำน้ำเยอรมันมีชื่อเสียงมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีเรือดำน้ำของตอนนั้นที่เพิ่งเริ่มต้นจึงทำให้ไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ พอถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นแหละที่ทำให้ Winston churchill ต้องบอกว่าสิ่งเดียวที่เขาเป็นกังวลตลอดช่วงสงครามก็คือเรือดำน้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่เหมือนกับสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสิ้นเชิงแบบชนิดที่เรียกว่าไม่เหมือนกันเลย นั่นก็คือการสร้างเเละใช้ อาวุธชนิดใหม่ ที่บุกเบิกการสร้างขีปนาวุธและการเดินทางไปอวกาศ ต้นแบบของเทคโนโลยีจรวดในยุคปัจจุบัน V1 กับ V2 นั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
ในสงครามโลกครั้งที่1แตกต่างจากสงครามโลกครั้งที่2อย่างไรในเรื่องยุทธวธีการรบและการสูญเสีย