สวัสดีค่ะ นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของเรา วันนี้จะพาทุกคนไปเที่ยวประเทศ “จีนแผ่นดินใหญ่”
หลายคนก็คงเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของประเทศจีนมาบ้างแล้ว ทั้งเรื่องวัฒนธรรม และความเป็นอยู่ แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าประเทศจีนมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และคงความเป็นธรรมชาติเยอะมากจนน่าทึ่งขนาดนี้ !!!
เหตุเกิดจากเมื่อเราบังเอิญเปิดดูรายการท่องเที่ยวรายการหนึ่ง เห็นภาพวิวน้ำสีฟ้ากับภูเขาหิมะ ท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ หาข้อมูลได้ว่า
สถานที่ท่องเที่ยวนั้นคือ “ย่าติง”
ไม่รอช้าตัดสินใจหาแนวร่วม ได้แก๊งค์ชะโงกทัวร์มา 5 คน ถ้าอ่านหลาย ๆ รีวิว จะเห็นว่าไปได้หลายเส้นทางเลย
เส้นทางที่เราเดินทาง ใช้เวลา 8 วัน วันที่ 27 เมษายน – 4 พฤษภาคม 2562
Day 1 Bangkok > Kunming > Lijiang
Day 2 Lijiang
Day 3 Lijiang > Shangri-La
Day 4 Shangri-La > Riwa
Day 5 Riwa > Yading
Day 6 Yading > Riwa
Day 7 Riwa > Shangri-La > Kunming
Day 8 Kunming > Bangkok
ค่าใช้จ่าย
- ค่าเครื่องบิน Air Asia ตั๋วไป-กลับ
ประมาณ 5,267 บาท
- ค่า Visa จีน + ค่าถ่ายรูป
ประมาณ 1,700 บาท
- ค่ารถไฟฟ้าที่คุนหมิง
ประมาณ 48 บาท
- ค่ารถไฟนอน
ประมาณ 1,157 บาท
- ค่าเหมารถเที่ยวที่ลี่เจียง
รวม 1,322 บาท [ต่อคน 265 บาท]
- ค่าเข้าอุทยาน Yulong Snow Mountain National Park
ประมาณ 378 บาท
- ค่ารถบัสขึ้น Blue Moon Valley
ประมาณ 95 บาท
- ค่าที่พักที่ลี่เจียง
รวม 3,367 บาท [ต่อคน 673 บาท]
- ค่าแท็กซี่ไปขนส่งลี่เจียง
ประมาณ 48 บาท
- ค่ารถบัสไปแชงกรีล่า
ประมาณ 321 บาท
- ค่าที่พักที่แชงกรีล่า
รวม 1,850 บาท [ต่อคน 370 บาท]
- ค่าเหมารถไปยื่นหวา จำนวน 3 วัน
รวม 13,216 บาท [ต่อคน 2,643 บาท]
- ค่าที่พักที่ยื่อหวา
รวม 4,415 บาท [ต่อคน 883 บาท]
- ค่าเข้าอุทยานย่าติง
ประมาณ 1,261 บาท
- ค่าบริการรถรับส่งจุดขึ้นทะเลสาบน้ำนมและห้าสี
ประมาณ 236 บาท [เฉพาะขาไป]
- ค่าที่พักที่ย่าติง
ประมาณ 1,700 บาท [ต่อคน 340 บาท]
- ค่าที่พักที่ยื่อหวา
รวม 1,322 บาท [ต่อคน 265 บาท]
- ค่ารถทัวร์จากแชงกรีล่ากลับคุนหมิง
ประมาณ 1,247 บาท
- ค่ากินทั้งหมด จำนวน 8 วัน
ประมาณ 5,500 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ประมาณ 22,800 บาท
สิ่งที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง
1. ยาแก้แพ้ความสูง – Diamox ขนาด 250 มิลลิกรัม เม็ดละ 6 บาท กินก่อนเดินทาง 3 วัน ยานี้มีข้อเสียตรงที่จะทำให้การลิ้มรสผิดปกติ หมอจึงแนะนำให้รับประทานก่อนนอน 1 เม็ด เนื่องจากเป็นยาเฉพาะร้านขายยาทั่วไปไม่มีขาย เราหาซื้อได้ที่
"โอสถศาลาที่จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย"
2. ยาสามัญประจำบ้าน เพราะเราไปอยู่ในสภาพอากาศที่มีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ควรมียาพกติดตัวไว้ เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยานวดคลายกล้ามเนื้อ (เราเอายาไปไม่ครบ ต้องซื้อเพิ่มที่ร้านขายยาที่จีน)
3. ไม้ Trekking สั่งซื้อจาก Shopee 159 บาท (ลดราคาจาก 300 บาท) หรือหาเช่าได้ ประมาณ 15 หยวน (มัดจำ 15 หยวน)
4. เสื้อกันฝน ตามร้านสะดวกซื้อหรือที่พัก ประมาณ 15 หยวน (ช่วงที่ไปฝนตกก็เลยต้องเตรียมไว้ สุดท้ายก็ได้ใช้นะ 555)
5. อุปกรณ์กันหนาว + กันลม เราไม่แน่ใจว่าเป็นลักษณะไหนนะ เพราะว่าเราไม่มี 555 (แต่ควรจะมีนะ เพราะลมแรงมาก)
6. รองเท้าที่เหมาะสมกับการ Trekking จะช่วยได้เยอะมาก
7. กระป๋อง Oxygen กระป๋องละ 20 หยวน หาซื้อตามร้านสะดวกซื้อได้ *ไม่ควรซื้อเกิน 30 หยวน (ทั้งทริปเราใช้ไปประมาณ 4 กระป๋องต่อคน)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ก่อนเดินทางเตรียมของให้พร้อม สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ “มาม่าคัพ” เราเตรียมมาม่าไปประมาณ 6 กระป๋อง เพราะอาหารจีนค่อนข้างเลี่ยน เผื่อไม่ถูกปาก
อ้อ อย่าลืม Sim นะ เนื่องจากประเทศจีนบล็อก App หลายอย่างเลย เราก็เลยเลือกใช้ SIM2FLY ของ AIS 4 GB ใช้ได้ 8 วัน แนะนำเลย ใช้งานได้ทุก App เช่น Facebook Line เป็นต้น สัญญาณดีมากเว่อร์ ราคาเพียง 289 บาท สั่งซื้อจาก Shopee ให้ร้านลงทะเบียนซิมให้เสร็จเรียบร้อย พร้อมใช้งาน เดินทางถึงจีนเปิด Roaming ใช้งานได้เลย (เราใช้ iPhone)
วันแรก : 27 เมษายน 2562
วันนี้นัดเจอเพื่อนที่สนามบินดอนเมือง ประมาณ 07.00 น. โหลดกระเป๋า กินข้าว และรอขึ้นเครื่อง เวลา 07.45 น.จากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินฉางสุ่ย (คุนหมิง) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงก็ประมาณ 11.25 น. (เวลาท้องถิ่น) พอถึงก็วุ่นวายเลย เราลืมกระเป๋ากล้องไว้บนเครื่อง โชคดีที่มีเพื่อนพูดภาษาจีนได้ ก็ช่วยกันตามหากระเป๋ากล้องกันจนได้คืน แต่ !! ของในกระเป๋าไม่ครบ เราก็เอ้ หรือว่าลืมไว้ที่ห้อง 55 พยายามหลอกตัวเอง สุดท้ายพอกลับมาดูที่ห้อง ไม่มี ไม่มี กล้องโกโปร หายสาบสูญจ้า
สำหรับอากาศที่คุนหมิงค่อนข้างร้อน ก็คงไม่ต้องใส่เสื้อแขนยาว วันนี้ไม่มีแพลนเที่ยวไหน ก็จะลำบากตรงที่ต้องแบกสัมภาระไปด้วย เราใช้เวลาที่เหลือประมาณ 7 ชั่วโมง โดยการขึ้นรถไฟใต้ดิน และเดินเล่นหาของกิน ทานมื้อเที่ยง
อาหารมื้อแรกที่คุนหมิง ลักษณะคล้ายขนมจีนน้ำเงี้ยว แต่จืด และน้ำใส ๆ ปรุงด้วยพริกคั่ว และผัดกาดดอง รสชาติค่อนข้างดี
หลังจากเดินเที่ยวสักพัก ไม่กี่ชั่วโมง เริ่มไม่มีที่ไป 555 ตัดสินใจไปที่สถานีรถไฟเลยกันละกัน และหาข้าวเย็นกินแถวนั้น สำหรับตั๋วรถไฟที่จะเดินทางไปลี่เจียง เราจองเป็นรถไฟแบบตู้นอน (Hard Sleep) ราคาคนละ ประมาณ 223 หยวน รถไฟออกประมาณ 20.25 น. ซึ่งตอนจองตั๋วเข้าใจว่าเหมาเป็นห้อง คือนอน 5 คน ตู้นอนเดียวกัน แต่สุดท้ายได้นอนแยกตู้ (1 ตู้นอน มี 6 เตียง ฝั่งละ 3 ชั้น) เรานอนอยู่ชั้นที่ 3 โอ๊ยย !!! ปีนเข้าที่นอนลำบาก ผ้าห่มเหม็นอับนิดหน่อย แต่เตียงนอนสบาย ตอนนอนก็มีตกใจเสียงเลี้ยวและกระแทกของรถไฟบ้าง **ข้อเสียคือแม้กระทั่งในรถไฟคนจีนก็ยังสูบบุหรี่ตลอดเวลา ห้องที่เรานอนจะมีกลิ่นบุหรี่โชยเข้ามาตลอด และในส่วนของส้วมมี “ก้อนทองคำ” ประดับอยู่บนโถ คนจีนน่าจะปวดท้องแล้วปล่อยทิ้งไว้ กดน้ำไม่ลง เราต้องมาเข้าอีกฝั่งแทน และก็มีโซนอ่างล้างหน้า ล้างมือให้ด้วย โดยรวมพอนอนได้ แต่แนะนำให้จองแบบพรีเมี่ยม 4 เตียง (Soft Sleep) น่าจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า (เหตุผลที่เราจองตู้ที่มี 6 เตียงเพราะคิดว่าจะได้นอนด้วยกัน)
วันที่สอง : 28 เมษายน 2562
เราถึงสถานีรถไฟ "ลี่เจียง" ประมาณ 06.00 น. (รถไฟจะมีช่วงเวลาหยุดวิ่ง น่าจะเป็นเพราะต้องการให้ผู้โดยสารนอนอย่างเต็มที่ ไม่โคลงเคลงรึเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน พอสว่างก็จะวิ่งต่อเข้าสถานีรถไฟ) วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น ต้องเพิ่มเสื้อแขนยาว เรานั่งรถเมล์ สาย 16 จากหน้าสถานีรถไฟลี่เจียง ไปลงหน้าโรงแรม Inter-Continental Lijiang (Old Town) เพื่อให้คนของโรงแรมมารับ
พักที่โรงแรม Lijiang Gui Yuan Tian Ju Guesthouse (Old Town) เจ้าของโรงแรมบริการดีมาก แถมยังมีน้องหมาตัวใหญ่ออกมาคอยต้อนรับแขกด้วย
หลังจากเก็บกระเป๋าสัมภาระ อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ (ปล.อยู่บนรถไฟไม่ได้อาบน้ำ 55) ก็เดินหาบริษัททัวร์พาเที่ยว Jade Dragon Snow Mountain / Yulong Snow Mountain National Park / Blue Moon Valley แต่บริษัททัวร์บอกว่าวันนี้จองไม่ได้แล้ว (ต้องจองล่วงหน้า 1 วัน) แง่ว !! เมื่อไปทัวร์ไม่ได้ ก็ตัดสินใจเหมารถพร้อมคนขับพาเที่ยวเลย คนขับรถ ชื่อ "มู่ซือ" (ข้อดีคือคนขับอยู่กับเราทั้งวัน สามารถแวะได้ทุกที่ และรู้สึกว่าจะคุ้มกว่าไปทัวร์ด้วย) แต่โชคร้ายเคเบิลเต็ม ก็เลยไม่ได้ขึ้นไปเทือกเขามังกรหยก ไม่เป็นไร วิวข้างล่างก็สวยเหมือนกัน
วิวระหว่างทาง ข้างหลังคือ เทือกเขามังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain)
ส่วนภาพนี้ คือ Blue Moon Valley
หลังจากชมความสวยงามของธรรมชาติ เราก็เดินทางกลับที่พัก และเยี่ยมชมเมืองเก่าของลี่เจียง *ที่เราพักอยู่ในเมืองเก่าของลี่เจียง เราชอบการรักษาความเป็นวัฒนธรรม ทุกมุมของเมืองจะมีมุมดอกไม้สวย ๆ ตระการตา อากาศเย็นสบาย
พักผ่อนอย่างสบายใจ และเตรียมตัวเดินทางต่อไปยังแชงกรีล่ากันนน
China Trip 2019 ® [Yading], ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบต
สวัสดีค่ะ นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของเรา วันนี้จะพาทุกคนไปเที่ยวประเทศ “จีนแผ่นดินใหญ่”
หลายคนก็คงเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของประเทศจีนมาบ้างแล้ว ทั้งเรื่องวัฒนธรรม และความเป็นอยู่ แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าประเทศจีนมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และคงความเป็นธรรมชาติเยอะมากจนน่าทึ่งขนาดนี้ !!!
เหตุเกิดจากเมื่อเราบังเอิญเปิดดูรายการท่องเที่ยวรายการหนึ่ง เห็นภาพวิวน้ำสีฟ้ากับภูเขาหิมะ ท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ หาข้อมูลได้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวนั้นคือ “ย่าติง”
ไม่รอช้าตัดสินใจหาแนวร่วม ได้แก๊งค์ชะโงกทัวร์มา 5 คน ถ้าอ่านหลาย ๆ รีวิว จะเห็นว่าไปได้หลายเส้นทางเลย
เส้นทางที่เราเดินทาง ใช้เวลา 8 วัน วันที่ 27 เมษายน – 4 พฤษภาคม 2562
Day 1 Bangkok > Kunming > Lijiang
Day 2 Lijiang
Day 3 Lijiang > Shangri-La
Day 4 Shangri-La > Riwa
Day 5 Riwa > Yading
Day 6 Yading > Riwa
Day 7 Riwa > Shangri-La > Kunming
Day 8 Kunming > Bangkok
ค่าใช้จ่าย
- ค่าเครื่องบิน Air Asia ตั๋วไป-กลับ ประมาณ 5,267 บาท
- ค่า Visa จีน + ค่าถ่ายรูป ประมาณ 1,700 บาท
- ค่ารถไฟฟ้าที่คุนหมิง ประมาณ 48 บาท
- ค่ารถไฟนอน ประมาณ 1,157 บาท
- ค่าเหมารถเที่ยวที่ลี่เจียง รวม 1,322 บาท [ต่อคน 265 บาท]
- ค่าเข้าอุทยาน Yulong Snow Mountain National Park ประมาณ 378 บาท
- ค่ารถบัสขึ้น Blue Moon Valley ประมาณ 95 บาท
- ค่าที่พักที่ลี่เจียง รวม 3,367 บาท [ต่อคน 673 บาท]
- ค่าแท็กซี่ไปขนส่งลี่เจียง ประมาณ 48 บาท
- ค่ารถบัสไปแชงกรีล่า ประมาณ 321 บาท
- ค่าที่พักที่แชงกรีล่า รวม 1,850 บาท [ต่อคน 370 บาท]
- ค่าเหมารถไปยื่นหวา จำนวน 3 วัน รวม 13,216 บาท [ต่อคน 2,643 บาท]
- ค่าที่พักที่ยื่อหวา รวม 4,415 บาท [ต่อคน 883 บาท]
- ค่าเข้าอุทยานย่าติง ประมาณ 1,261 บาท
- ค่าบริการรถรับส่งจุดขึ้นทะเลสาบน้ำนมและห้าสี ประมาณ 236 บาท [เฉพาะขาไป]
- ค่าที่พักที่ย่าติง ประมาณ 1,700 บาท [ต่อคน 340 บาท]
- ค่าที่พักที่ยื่อหวา รวม 1,322 บาท [ต่อคน 265 บาท]
- ค่ารถทัวร์จากแชงกรีล่ากลับคุนหมิง ประมาณ 1,247 บาท
- ค่ากินทั้งหมด จำนวน 8 วัน ประมาณ 5,500 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ประมาณ 22,800 บาท
สิ่งที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง
1. ยาแก้แพ้ความสูง – Diamox ขนาด 250 มิลลิกรัม เม็ดละ 6 บาท กินก่อนเดินทาง 3 วัน ยานี้มีข้อเสียตรงที่จะทำให้การลิ้มรสผิดปกติ หมอจึงแนะนำให้รับประทานก่อนนอน 1 เม็ด เนื่องจากเป็นยาเฉพาะร้านขายยาทั่วไปไม่มีขาย เราหาซื้อได้ที่ "โอสถศาลาที่จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย"
2. ยาสามัญประจำบ้าน เพราะเราไปอยู่ในสภาพอากาศที่มีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ควรมียาพกติดตัวไว้ เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยานวดคลายกล้ามเนื้อ (เราเอายาไปไม่ครบ ต้องซื้อเพิ่มที่ร้านขายยาที่จีน)
3. ไม้ Trekking สั่งซื้อจาก Shopee 159 บาท (ลดราคาจาก 300 บาท) หรือหาเช่าได้ ประมาณ 15 หยวน (มัดจำ 15 หยวน)
4. เสื้อกันฝน ตามร้านสะดวกซื้อหรือที่พัก ประมาณ 15 หยวน (ช่วงที่ไปฝนตกก็เลยต้องเตรียมไว้ สุดท้ายก็ได้ใช้นะ 555)
5. อุปกรณ์กันหนาว + กันลม เราไม่แน่ใจว่าเป็นลักษณะไหนนะ เพราะว่าเราไม่มี 555 (แต่ควรจะมีนะ เพราะลมแรงมาก)
6. รองเท้าที่เหมาะสมกับการ Trekking จะช่วยได้เยอะมาก
7. กระป๋อง Oxygen กระป๋องละ 20 หยวน หาซื้อตามร้านสะดวกซื้อได้ *ไม่ควรซื้อเกิน 30 หยวน (ทั้งทริปเราใช้ไปประมาณ 4 กระป๋องต่อคน)
อ้อ อย่าลืม Sim นะ เนื่องจากประเทศจีนบล็อก App หลายอย่างเลย เราก็เลยเลือกใช้ SIM2FLY ของ AIS 4 GB ใช้ได้ 8 วัน แนะนำเลย ใช้งานได้ทุก App เช่น Facebook Line เป็นต้น สัญญาณดีมากเว่อร์ ราคาเพียง 289 บาท สั่งซื้อจาก Shopee ให้ร้านลงทะเบียนซิมให้เสร็จเรียบร้อย พร้อมใช้งาน เดินทางถึงจีนเปิด Roaming ใช้งานได้เลย (เราใช้ iPhone)
วันแรก : 27 เมษายน 2562
วันนี้นัดเจอเพื่อนที่สนามบินดอนเมือง ประมาณ 07.00 น. โหลดกระเป๋า กินข้าว และรอขึ้นเครื่อง เวลา 07.45 น.จากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินฉางสุ่ย (คุนหมิง) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงก็ประมาณ 11.25 น. (เวลาท้องถิ่น) พอถึงก็วุ่นวายเลย เราลืมกระเป๋ากล้องไว้บนเครื่อง โชคดีที่มีเพื่อนพูดภาษาจีนได้ ก็ช่วยกันตามหากระเป๋ากล้องกันจนได้คืน แต่ !! ของในกระเป๋าไม่ครบ เราก็เอ้ หรือว่าลืมไว้ที่ห้อง 55 พยายามหลอกตัวเอง สุดท้ายพอกลับมาดูที่ห้อง ไม่มี ไม่มี กล้องโกโปร หายสาบสูญจ้า
สำหรับอากาศที่คุนหมิงค่อนข้างร้อน ก็คงไม่ต้องใส่เสื้อแขนยาว วันนี้ไม่มีแพลนเที่ยวไหน ก็จะลำบากตรงที่ต้องแบกสัมภาระไปด้วย เราใช้เวลาที่เหลือประมาณ 7 ชั่วโมง โดยการขึ้นรถไฟใต้ดิน และเดินเล่นหาของกิน ทานมื้อเที่ยง
อาหารมื้อแรกที่คุนหมิง ลักษณะคล้ายขนมจีนน้ำเงี้ยว แต่จืด และน้ำใส ๆ ปรุงด้วยพริกคั่ว และผัดกาดดอง รสชาติค่อนข้างดี
หลังจากเดินเที่ยวสักพัก ไม่กี่ชั่วโมง เริ่มไม่มีที่ไป 555 ตัดสินใจไปที่สถานีรถไฟเลยกันละกัน และหาข้าวเย็นกินแถวนั้น สำหรับตั๋วรถไฟที่จะเดินทางไปลี่เจียง เราจองเป็นรถไฟแบบตู้นอน (Hard Sleep) ราคาคนละ ประมาณ 223 หยวน รถไฟออกประมาณ 20.25 น. ซึ่งตอนจองตั๋วเข้าใจว่าเหมาเป็นห้อง คือนอน 5 คน ตู้นอนเดียวกัน แต่สุดท้ายได้นอนแยกตู้ (1 ตู้นอน มี 6 เตียง ฝั่งละ 3 ชั้น) เรานอนอยู่ชั้นที่ 3 โอ๊ยย !!! ปีนเข้าที่นอนลำบาก ผ้าห่มเหม็นอับนิดหน่อย แต่เตียงนอนสบาย ตอนนอนก็มีตกใจเสียงเลี้ยวและกระแทกของรถไฟบ้าง **ข้อเสียคือแม้กระทั่งในรถไฟคนจีนก็ยังสูบบุหรี่ตลอดเวลา ห้องที่เรานอนจะมีกลิ่นบุหรี่โชยเข้ามาตลอด และในส่วนของส้วมมี “ก้อนทองคำ” ประดับอยู่บนโถ คนจีนน่าจะปวดท้องแล้วปล่อยทิ้งไว้ กดน้ำไม่ลง เราต้องมาเข้าอีกฝั่งแทน และก็มีโซนอ่างล้างหน้า ล้างมือให้ด้วย โดยรวมพอนอนได้ แต่แนะนำให้จองแบบพรีเมี่ยม 4 เตียง (Soft Sleep) น่าจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า (เหตุผลที่เราจองตู้ที่มี 6 เตียงเพราะคิดว่าจะได้นอนด้วยกัน)
วันที่สอง : 28 เมษายน 2562
เราถึงสถานีรถไฟ "ลี่เจียง" ประมาณ 06.00 น. (รถไฟจะมีช่วงเวลาหยุดวิ่ง น่าจะเป็นเพราะต้องการให้ผู้โดยสารนอนอย่างเต็มที่ ไม่โคลงเคลงรึเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน พอสว่างก็จะวิ่งต่อเข้าสถานีรถไฟ) วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น ต้องเพิ่มเสื้อแขนยาว เรานั่งรถเมล์ สาย 16 จากหน้าสถานีรถไฟลี่เจียง ไปลงหน้าโรงแรม Inter-Continental Lijiang (Old Town) เพื่อให้คนของโรงแรมมารับ พักที่โรงแรม Lijiang Gui Yuan Tian Ju Guesthouse (Old Town) เจ้าของโรงแรมบริการดีมาก แถมยังมีน้องหมาตัวใหญ่ออกมาคอยต้อนรับแขกด้วย
หลังจากเก็บกระเป๋าสัมภาระ อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ (ปล.อยู่บนรถไฟไม่ได้อาบน้ำ 55) ก็เดินหาบริษัททัวร์พาเที่ยว Jade Dragon Snow Mountain / Yulong Snow Mountain National Park / Blue Moon Valley แต่บริษัททัวร์บอกว่าวันนี้จองไม่ได้แล้ว (ต้องจองล่วงหน้า 1 วัน) แง่ว !! เมื่อไปทัวร์ไม่ได้ ก็ตัดสินใจเหมารถพร้อมคนขับพาเที่ยวเลย คนขับรถ ชื่อ "มู่ซือ" (ข้อดีคือคนขับอยู่กับเราทั้งวัน สามารถแวะได้ทุกที่ และรู้สึกว่าจะคุ้มกว่าไปทัวร์ด้วย) แต่โชคร้ายเคเบิลเต็ม ก็เลยไม่ได้ขึ้นไปเทือกเขามังกรหยก ไม่เป็นไร วิวข้างล่างก็สวยเหมือนกัน