รีวิวการสอบเตรียมตัวสอบ และเล่าประสบการณ์สอบ IELTS 2019
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน ที่กำลังเตรียมตัวสอบ Ielts กันอยู่
วันนี้ จะมารีวิว เล่าประสบการณ์การไปสอบของตัวเองให้ฟังค่ะ เพิ่งไปสอบสดๆ ร้อนๆ เลย สอบเสร็จปุ๊บ รีวิวปั๊ป
ยังตื่นเต้นไม่หาย สอบไปเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2562 ที่ โรงแรมแลนมาร์คค่ะ แบบ General Training
เริ่มจากการสมัครสอบกันเลยค่ะ จะมีให้เราเลือกสอบได้ 2 สถาบัน คือ idp กับ british council เรามีเพื่อนที่เคยไปสอบมาแล้ว เขาแนะนำให้ลองไปสอบของ british council ค่ะ ตอนแรกยังชั่งใจว่าจะสอบดีไหม แต่พอกระชั้นชิด ก็เลยรีบกดสมัคร โดยศึกษาข้อมูลการสมัครมาเรียบร้อย มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ
1. ปกติเราไม่มีบัตรเครดิต เลยโทรไปสอบถามทางสถาบัน เขาบอกใช้บัตรเดบิตของ ธ กสิกรได้ เราเลย กดสมัคร ตอนจ่ายเงิน ใช้เงินที่มีในบัตร เดบิตของ ธ ที่ว่า สมัครไป ได้วันสอบมา ตอนสมัคร เขาให้กรอก เข้าไปดูได้ตามลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ กรอกข้อมูลประมาณ 30 นาที แต่เราต้องเตรียมบัตรไว้นะคะ ถ้าไม่มีบัตรเครดิต ต้องมีบัตรเดบิต อันนี้ต้องติดต่อทางธนาคารอีกที
https://thailand.ielts.britishcouncil.org/iorpsea/html/registration/showExamSessionListServlet.do?type=1&branch=TH01&_ga=2.251682699.387611442.1557574935-1484811926.1557285309
2. จะใช้ passport หรือ บัตรประชาชนสมัคร เราต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งนะคะ เพราะตอนไปสอบ เราต้องใช้เอกสารอันเดียวกันไปประกอบการลงทะเบียน
3. ค่าสมัครสอบรอบที่เราสอบ คือ 6,900 ถ้วนค่ะ เราต้องผ่าน ตั้งใจอ่านหนังสือ รอบเดียวผ่านค่ะ แอบแพงนิดนึง อิอิ
4. วันสอบจริง เราเลือกใช้ passport ในการสมัคร วันจริงก็ต้องสำเนา 1 ชุดและฉบับจริงไปค่ะ เพื่อยืนยันตัวตน
ต่อไปขั้นการเตรียมตัวสอบ ใช้เวลาเตรียมตัวสอบ ประมาณ 1 เดือน อ่านๆ หยุดๆ ที่จริง ควรอ่านหนักๆ ทุกวันไปเลยค่ะ ส่วนมากจะอ่านจากรีวิวอื่นๆ ที่มีคนรีวิวไว้ และก็จะมีลิ้งค์ให้เราอ่านเยอะเเยะเลย ทั้ง youtube ทั้ง website ต่างๆ ลืมบอกไป สมัครของ british council เขามีให้ฝึกทำข้อสอบฟรี Road to Ielts 30 hours ดีมากๆ เป็นแนวทางช่วยให้เข้าใจขั้นตอนการสอบและแนวข้อสอบด้วย ลงรายละเอียดลึกไปไหม ที่ british เขามีให้คนที่สมัครของสถาบันเขา ได้ไป workshop ได้อีกด้วย อันนี้ ถ้ามีเวลาว่างไป เราแนะนำเลย จากนั้นก็มีการลองทำ mock test อันนี้ สำคัญมากกกกกๆๆๆๆ ถ้าใครทำบ่อยๆ หลายๆ แนว หลายๆ test 1/2/3/4 ..... หมายถึงชุดข้อสอบแต่ละชุด มีให้เลือกทำเยอะเลย ฟรีก็มีค่ะ เพราะแนวข้อสอบมันจะคล้ายๆ กัน สำเนียง ก็จะเป็น british accent อันนี้ต้องฝึกให้ตัวเองคุ้นชินกับเสียงนี้ สัก 1 เดือนไปเลยค่ะ 5555
ขออนุญาตกระทู้นี้ค่ะ เยี่ยมไปเลยจ้าาา
https://ppantip.com/topic/37766603
ลองเข้าไปฝึกทำกันนะคะ มีเวลาเตรียมตัวเยอะๆ ยิ่งดีเลยค่ะ อาจจะได้ band 7 ขึ้นไปก็ได้ เราหวังเท่านี้ (ทุกพาร์ท) 555
สิ่งที่เกิดขึ้นจริง สำหรับการไปสอบครั้งนี้ของเรา จะบอกว่า เราสอบ speaking test กับ writing test คนละวันกัน ซึ่งทำให้เรามีเวลาเตรียมตัวเพิ่มขึ้นอีกนิดนึง อิอิ สู้ๆๆๆๆๆๆ ค่าาาาา
------ Speaking test --------
1. อันแรกก่อน การสอบพูด เราสอบ วันศุกร์ที่ 10 พ.ค. ที่ โรงแรมแลนมาร์ค เขาจัดสอบกันที่ชั้นสามของโรงเเรม เวลา ประมาณ 11.00 กว่า แต่เราต้องไปก่อนเวลา 1 ชั่วโมง เผื่อๆ น่ะค่ะ เราไปถึงก่อนเวลาเยอะมาก ตื่นเต้น กลัวไปไม่ทันมากกว่า โรงแรมแลนมาร์คจะอยู่ซ้ายมือของ บีทีเอส นานา ถ้าเรามาจากสายสุขุมวิท เดินลงทางออกที่สอง ประมาณ 5 นาที จะเจอ โรงแรมค่ะ
2. พอไปถึง จนท จะให้เราลงทะเบียน แล้วนั่งรอเรียกชื่อ เข้าห้องสอบพูด สามารถฝากของไว้ได้ จะมี tag ให้เรามารับสัมภาระตัวเองคืน นั่งรอหน้าห้องสอบซักพัก อาจารย์ก็มาเรียก เราเข้าไป ตื่นเต้นมาก อาจารย์ดูขรึมๆ แต่น่าจะใจดี อยากบอกว่าฟังตัวอย่างการสอบพูดเยอะ แต่เอาเข้าจริง ก็มึนๆ บ้าง ฉะนั้นสมาธิสำคัญมาก บางทีเราลืมว่าเราพูดอะไรไปบ้าง เง้ออ พาร์ทนี้ แอบกังวล
3. รู้สึกว่า ทำไมสอบพูดเสร็จไวจัง หรือเป็นเพราะเรา พูดเร็ว พูดสั้นไปนะ
4. เดินออกมารับของ กลับไปเตรียมตัว สอบพาร์ทที่เหลือในวันพรุ่งนี้ ฮึบๆๆๆ
### อย่าลืมเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย เพราะตอนเข้าห้องสอบแล้ว ออกมาเข้าน้ำขณะสอบ จะเป็นการเสียเวลามากๆ ที่จริงเขาไม่อนุญาตหรอก เราว่า แต่ใครจะกลั้นไหว ###
------ Writing test --------
1. ต้องมาลงทะเบียนค่อนข้างเช้า ก่อนสอบ 7.30 - 8.30 เลย การเดินทาง อะไรๆ ก็เหมือนเดิมค่ะ ถ้าเราไปช้า เขาไม่อนุญาตให้เข้าห้องสอบ งืออออ รีบไปไวๆ เลย เราต้อง sleep & eat well มาด้วยนะ ไม่งั้น ตอนสอบ จะไม่มีสมาธิ
2. รอบที่เราสอบ คนเยอะมาก ก็ตรวจสอบรายชื่อ เดินเข้าคิว เข้าห้องสอบ ตรวจสอบเอกสาร ถ่ายรูป บลาๆ แล้วไปนั่งในห้องสอบ รอถึงเวลา
3. ตอนแรก กังวลมาก จะต้องแต่งกายยังไง ไปสอบ ก็ formal ไปนิดนึง แต่คนสอบส่วนมาก จะค่อนข้าง casual อ้ออย่าลืม หยิบ jacket ไปด้วย แอร์อาจจะหนาวววววมากกกกกก ตอนเรา อุณหภูมิพอดี ไม่กังวล แต่บางที่ แอร์อาจจะตกใส่ค่าาา
4. สอบทำการสอบ ไป 2 ชั่วโมงกว่าๆ ไปดูกันว่า ข้อสอบแต่ละพาร์ท หินนนนนนแค่ไหนนนนนน
******** All about the test *********
Part I = Listening พาร์ทนี้อาจจะง่ายสำหรับบางคน แต่เรา กลางๆ ค่ะ ต้องตั้งใจฟังขั้นสุด ก่อนฟัง เขาจะให้ทดสอบฟังเสียงจากหูฟังก่อนว่าโอเคดีไหม
+ ก็ทำข้อสอบไป ประมาณ 30 นาที บวกกับเวลาให้เขียน อีก 10 นาที ตอนฟังอย่าเพิ่งเขียนนะ เขาจะให้เวลาเขียนอยู่แล้ว ตั้งใจฟังดีดี ดีกว่า
+ ในตัวข้อสอบ จะถามประมาณว่า ข้อมูลที่หายไป จากบทสนทนาเอย อะไรเอย ให้เติม ต้องดูคำสั่งดีๆ เช่น ห้ามเกิน 1 คำ 2 คำ ไรงี้
+ ก่อนทำข้อสอบในแต่ละพาร์ท เขาจะ pause ให้เราอ่านก่อน ฉะนั้น ตั้งใจค่าาาา อย่าลืมเช็ค spelling ดีๆ นะ -s/final letter
+ ขอเเนะนำว่า ฝึกทำข้อสอบ Practice test เยอะๆ เราไม่ได้ฝึกทำ เยอะ ทำบ้าง ยังทำได้บ้าง 5555
^^ศึกษาตัวอย่าง กระดาษคำตอบด้วยนะคะ ว่าต้องเขียนไรบ้าง
Part II = Reading พาร์ทนี้ ร้องโอ้เลย คิดหนักมาก วิเคราะห์ passage ยาวบ้าง สั้นบ้าง แต่มันต้องคิดดีๆ หน่ะสิ
+ มีเวลาให้ทำพาร์ทนี้ 1 ชั่วโมง ต้องจัดสรรเวลาดีๆ เทคนิคในการทำพาร์ทนี้ โดยส่วนตัว คิดว่า เราไปดูข้อคำถามก่อน จากนั้น มา skim / scan อย่างเดียวเลย เป็นการประหยัดเวลา เพิ่มเวลาในการทวนได้อีก
^^ศึกษาตัวอย่าง กระดาษคำตอบด้วยนะคะ ว่าต้องเขียนไรบ้าง
Part III = Writing พาร์ทนี้ คิดว่า ง่ายสำหรับตัวเราเอง เราเลือกสอบ แบบ GT
+ Task 1 ที่เราทำ จะเป็นประมาณ การเขียนจดหมาย อุตส่าห์เตรียมตัวอ่านอันที่ยากๆ กว่ามา ดีแล้วค่ะ แล้วแต่ว่าเราจะได้ข้อสอบแบบไหน ต้องเตรียมให้พร้อมกับทุกๆ แนวของข้อสอบค่ะ กำหนดเขียนอย่างน้อย 150 คำ ถ้าจะนับคำ มันเสียเวลาค่ะ ลองหาตัวอย่างข้อสอบ แล้วนับจำนวนบรรทัด มาก็ได้ค่ะ task 2 ก็เหมือนกัน ทำแบบเดียวกัน
+ Task 2 ที่เราทำ จะเป็นประมาณ การบรรยาย โดยอธิบายเป็นความเรียงที่เขาถาม บวกกับแนวคิด ประสบการณ์ขอเราเข้าไปด้วย กำหนดให้เขียนอย่างน้อย 250 คำ
^^ แล้วแต่ว่าเราเลือกสอบแบบไหนมั๊ง เราถึงจะได้ข้อคำถามต่างกัน เช่น มีการบรรยายกราฟต่างๆ กราฟเส้น กราฟแท่ง บลาๆๆ
ตอนนี้รอฟัง คะแนน อีก 13 วัน ถ้าเราผ่าน band ที่ตั้งใจไว้ จะมารีวิวเพิ่มเติมอีก เพี้ยงงงงง!!!!!
ขอบคุณค่าาาา ที่อ่านจบบบบ สู้ๆ นะคะ สำหรับคนที่กำลังจะสอบ หวังว่าการรีวิวของเรา จะเป็นประโยชน์จ้าาาาาา
รีวิวการสอบเตรียมตัวสอบ และเล่าประสบการณ์สอบ IELTS 2019
วันนี้ จะมารีวิว เล่าประสบการณ์การไปสอบของตัวเองให้ฟังค่ะ เพิ่งไปสอบสดๆ ร้อนๆ เลย สอบเสร็จปุ๊บ รีวิวปั๊ป
ยังตื่นเต้นไม่หาย สอบไปเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2562 ที่ โรงแรมแลนมาร์คค่ะ แบบ General Training
1. ปกติเราไม่มีบัตรเครดิต เลยโทรไปสอบถามทางสถาบัน เขาบอกใช้บัตรเดบิตของ ธ กสิกรได้ เราเลย กดสมัคร ตอนจ่ายเงิน ใช้เงินที่มีในบัตร เดบิตของ ธ ที่ว่า สมัครไป ได้วันสอบมา ตอนสมัคร เขาให้กรอก เข้าไปดูได้ตามลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ กรอกข้อมูลประมาณ 30 นาที แต่เราต้องเตรียมบัตรไว้นะคะ ถ้าไม่มีบัตรเครดิต ต้องมีบัตรเดบิต อันนี้ต้องติดต่อทางธนาคารอีกที https://thailand.ielts.britishcouncil.org/iorpsea/html/registration/showExamSessionListServlet.do?type=1&branch=TH01&_ga=2.251682699.387611442.1557574935-1484811926.1557285309
2. จะใช้ passport หรือ บัตรประชาชนสมัคร เราต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งนะคะ เพราะตอนไปสอบ เราต้องใช้เอกสารอันเดียวกันไปประกอบการลงทะเบียน
3. ค่าสมัครสอบรอบที่เราสอบ คือ 6,900 ถ้วนค่ะ เราต้องผ่าน ตั้งใจอ่านหนังสือ รอบเดียวผ่านค่ะ แอบแพงนิดนึง อิอิ
4. วันสอบจริง เราเลือกใช้ passport ในการสมัคร วันจริงก็ต้องสำเนา 1 ชุดและฉบับจริงไปค่ะ เพื่อยืนยันตัวตน
ต่อไปขั้นการเตรียมตัวสอบ ใช้เวลาเตรียมตัวสอบ ประมาณ 1 เดือน อ่านๆ หยุดๆ ที่จริง ควรอ่านหนักๆ ทุกวันไปเลยค่ะ ส่วนมากจะอ่านจากรีวิวอื่นๆ ที่มีคนรีวิวไว้ และก็จะมีลิ้งค์ให้เราอ่านเยอะเเยะเลย ทั้ง youtube ทั้ง website ต่างๆ ลืมบอกไป สมัครของ british council เขามีให้ฝึกทำข้อสอบฟรี Road to Ielts 30 hours ดีมากๆ เป็นแนวทางช่วยให้เข้าใจขั้นตอนการสอบและแนวข้อสอบด้วย ลงรายละเอียดลึกไปไหม ที่ british เขามีให้คนที่สมัครของสถาบันเขา ได้ไป workshop ได้อีกด้วย อันนี้ ถ้ามีเวลาว่างไป เราแนะนำเลย จากนั้นก็มีการลองทำ mock test อันนี้ สำคัญมากกกกกๆๆๆๆ ถ้าใครทำบ่อยๆ หลายๆ แนว หลายๆ test 1/2/3/4 ..... หมายถึงชุดข้อสอบแต่ละชุด มีให้เลือกทำเยอะเลย ฟรีก็มีค่ะ เพราะแนวข้อสอบมันจะคล้ายๆ กัน สำเนียง ก็จะเป็น british accent อันนี้ต้องฝึกให้ตัวเองคุ้นชินกับเสียงนี้ สัก 1 เดือนไปเลยค่ะ 5555
ขออนุญาตกระทู้นี้ค่ะ เยี่ยมไปเลยจ้าาา
https://ppantip.com/topic/37766603
ลองเข้าไปฝึกทำกันนะคะ มีเวลาเตรียมตัวเยอะๆ ยิ่งดีเลยค่ะ อาจจะได้ band 7 ขึ้นไปก็ได้ เราหวังเท่านี้ (ทุกพาร์ท) 555
สิ่งที่เกิดขึ้นจริง สำหรับการไปสอบครั้งนี้ของเรา จะบอกว่า เราสอบ speaking test กับ writing test คนละวันกัน ซึ่งทำให้เรามีเวลาเตรียมตัวเพิ่มขึ้นอีกนิดนึง อิอิ สู้ๆๆๆๆๆๆ ค่าาาาา
------ Speaking test --------
1. อันแรกก่อน การสอบพูด เราสอบ วันศุกร์ที่ 10 พ.ค. ที่ โรงแรมแลนมาร์ค เขาจัดสอบกันที่ชั้นสามของโรงเเรม เวลา ประมาณ 11.00 กว่า แต่เราต้องไปก่อนเวลา 1 ชั่วโมง เผื่อๆ น่ะค่ะ เราไปถึงก่อนเวลาเยอะมาก ตื่นเต้น กลัวไปไม่ทันมากกว่า โรงแรมแลนมาร์คจะอยู่ซ้ายมือของ บีทีเอส นานา ถ้าเรามาจากสายสุขุมวิท เดินลงทางออกที่สอง ประมาณ 5 นาที จะเจอ โรงแรมค่ะ
2. พอไปถึง จนท จะให้เราลงทะเบียน แล้วนั่งรอเรียกชื่อ เข้าห้องสอบพูด สามารถฝากของไว้ได้ จะมี tag ให้เรามารับสัมภาระตัวเองคืน นั่งรอหน้าห้องสอบซักพัก อาจารย์ก็มาเรียก เราเข้าไป ตื่นเต้นมาก อาจารย์ดูขรึมๆ แต่น่าจะใจดี อยากบอกว่าฟังตัวอย่างการสอบพูดเยอะ แต่เอาเข้าจริง ก็มึนๆ บ้าง ฉะนั้นสมาธิสำคัญมาก บางทีเราลืมว่าเราพูดอะไรไปบ้าง เง้ออ พาร์ทนี้ แอบกังวล
3. รู้สึกว่า ทำไมสอบพูดเสร็จไวจัง หรือเป็นเพราะเรา พูดเร็ว พูดสั้นไปนะ
4. เดินออกมารับของ กลับไปเตรียมตัว สอบพาร์ทที่เหลือในวันพรุ่งนี้ ฮึบๆๆๆ
### อย่าลืมเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย เพราะตอนเข้าห้องสอบแล้ว ออกมาเข้าน้ำขณะสอบ จะเป็นการเสียเวลามากๆ ที่จริงเขาไม่อนุญาตหรอก เราว่า แต่ใครจะกลั้นไหว ###
------ Writing test --------
1. ต้องมาลงทะเบียนค่อนข้างเช้า ก่อนสอบ 7.30 - 8.30 เลย การเดินทาง อะไรๆ ก็เหมือนเดิมค่ะ ถ้าเราไปช้า เขาไม่อนุญาตให้เข้าห้องสอบ งืออออ รีบไปไวๆ เลย เราต้อง sleep & eat well มาด้วยนะ ไม่งั้น ตอนสอบ จะไม่มีสมาธิ
2. รอบที่เราสอบ คนเยอะมาก ก็ตรวจสอบรายชื่อ เดินเข้าคิว เข้าห้องสอบ ตรวจสอบเอกสาร ถ่ายรูป บลาๆ แล้วไปนั่งในห้องสอบ รอถึงเวลา
3. ตอนแรก กังวลมาก จะต้องแต่งกายยังไง ไปสอบ ก็ formal ไปนิดนึง แต่คนสอบส่วนมาก จะค่อนข้าง casual อ้ออย่าลืม หยิบ jacket ไปด้วย แอร์อาจจะหนาวววววมากกกกกก ตอนเรา อุณหภูมิพอดี ไม่กังวล แต่บางที่ แอร์อาจจะตกใส่ค่าาา
4. สอบทำการสอบ ไป 2 ชั่วโมงกว่าๆ ไปดูกันว่า ข้อสอบแต่ละพาร์ท หินนนนนนแค่ไหนนนนนน
******** All about the test *********
Part I = Listening พาร์ทนี้อาจจะง่ายสำหรับบางคน แต่เรา กลางๆ ค่ะ ต้องตั้งใจฟังขั้นสุด ก่อนฟัง เขาจะให้ทดสอบฟังเสียงจากหูฟังก่อนว่าโอเคดีไหม
+ ก็ทำข้อสอบไป ประมาณ 30 นาที บวกกับเวลาให้เขียน อีก 10 นาที ตอนฟังอย่าเพิ่งเขียนนะ เขาจะให้เวลาเขียนอยู่แล้ว ตั้งใจฟังดีดี ดีกว่า
+ ในตัวข้อสอบ จะถามประมาณว่า ข้อมูลที่หายไป จากบทสนทนาเอย อะไรเอย ให้เติม ต้องดูคำสั่งดีๆ เช่น ห้ามเกิน 1 คำ 2 คำ ไรงี้
+ ก่อนทำข้อสอบในแต่ละพาร์ท เขาจะ pause ให้เราอ่านก่อน ฉะนั้น ตั้งใจค่าาาา อย่าลืมเช็ค spelling ดีๆ นะ -s/final letter
+ ขอเเนะนำว่า ฝึกทำข้อสอบ Practice test เยอะๆ เราไม่ได้ฝึกทำ เยอะ ทำบ้าง ยังทำได้บ้าง 5555
^^ศึกษาตัวอย่าง กระดาษคำตอบด้วยนะคะ ว่าต้องเขียนไรบ้าง
Part II = Reading พาร์ทนี้ ร้องโอ้เลย คิดหนักมาก วิเคราะห์ passage ยาวบ้าง สั้นบ้าง แต่มันต้องคิดดีๆ หน่ะสิ
+ มีเวลาให้ทำพาร์ทนี้ 1 ชั่วโมง ต้องจัดสรรเวลาดีๆ เทคนิคในการทำพาร์ทนี้ โดยส่วนตัว คิดว่า เราไปดูข้อคำถามก่อน จากนั้น มา skim / scan อย่างเดียวเลย เป็นการประหยัดเวลา เพิ่มเวลาในการทวนได้อีก
^^ศึกษาตัวอย่าง กระดาษคำตอบด้วยนะคะ ว่าต้องเขียนไรบ้าง
Part III = Writing พาร์ทนี้ คิดว่า ง่ายสำหรับตัวเราเอง เราเลือกสอบ แบบ GT
+ Task 1 ที่เราทำ จะเป็นประมาณ การเขียนจดหมาย อุตส่าห์เตรียมตัวอ่านอันที่ยากๆ กว่ามา ดีแล้วค่ะ แล้วแต่ว่าเราจะได้ข้อสอบแบบไหน ต้องเตรียมให้พร้อมกับทุกๆ แนวของข้อสอบค่ะ กำหนดเขียนอย่างน้อย 150 คำ ถ้าจะนับคำ มันเสียเวลาค่ะ ลองหาตัวอย่างข้อสอบ แล้วนับจำนวนบรรทัด มาก็ได้ค่ะ task 2 ก็เหมือนกัน ทำแบบเดียวกัน
+ Task 2 ที่เราทำ จะเป็นประมาณ การบรรยาย โดยอธิบายเป็นความเรียงที่เขาถาม บวกกับแนวคิด ประสบการณ์ขอเราเข้าไปด้วย กำหนดให้เขียนอย่างน้อย 250 คำ
^^ แล้วแต่ว่าเราเลือกสอบแบบไหนมั๊ง เราถึงจะได้ข้อคำถามต่างกัน เช่น มีการบรรยายกราฟต่างๆ กราฟเส้น กราฟแท่ง บลาๆๆ
ตอนนี้รอฟัง คะแนน อีก 13 วัน ถ้าเราผ่าน band ที่ตั้งใจไว้ จะมารีวิวเพิ่มเติมอีก เพี้ยงงงงง!!!!!
ขอบคุณค่าาาา ที่อ่านจบบบบ สู้ๆ นะคะ สำหรับคนที่กำลังจะสอบ หวังว่าการรีวิวของเรา จะเป็นประโยชน์จ้าาาาาา