ตั้งแต่มีเรื่องคุณธนาธร ให้เงินพรรคอนาคตใหม่กู้
บอร์ดนี้ก็แทบระเบิด เพราะกระทู้แนวนี้ขึ้นหนาแน่นในแต่ละวัน และดูท่าทางสลิ่มในนี้
ฟินนสุดๆ
งานการไม่ต้องทำ วันๆเสพสุขอยู่กับการโพสต์เรื่องนี้
สลิ่มบางคนทำเป็นเหนือ แปะข้อความจากเพจ เฟส ไลน์ พวกบูชานกหวีด แต่อ่านดูจริงๆแล้วได้แต่ส่ายหน้า
คำศัพท์พื้นฐานยังไม่มีปัญญาเข้าใจ ทะลึ่งมาทำเป็นกูรู เห็นแล้วอนาถ
บางอย่างไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น ก็มากันเป็นชุดๆ
เงินกู้ เป็นรายได้งี้.....เงินกู้คือเงินบริจาคงี้....การให้กู้ถือว่าธนาธรครอบงำพรรคงี้ ฯลฯ
อ่านแล้วอยากจะเดินไปบอกสลิ่มเหลือเกินว่า
ไม่โพสต์ก็ไม่มีใครว่าไม่ฉลาดม้าง....
กลับมาเข้าเนื้อหากันบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าสักแต่ด่า.....
ก่อนที่เราจะวิเคราะห์กันว่า
พรรคการเมืองมีสิทธิ์กู้เงินหรือไม่ ?
พรรคการเมืองก็คือ นิติบุคคล เมื่อเป็น นิติบุคคลแล้ว ก็มีสิทธิ์ทำนิติกรรมต่างๆได้
ดังนั้น
พรรคการเมืองจึงมีสิทธิ์กู้เงินได้ตามกรอบของกฏหมาย
ทีนี้มาดู
ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ในมาตรา 58 ความว่า (สังเกตที่ขีดเส้นแดง)
มาตรา 59 มีระบุชัดเจนให้แยกแต่ละประเภทบัญชี และที่สำคัญในข้อ (4) มีคำว่าหนี้ชัดเจน
มาตรา 60
เราจะเห็นว่าทั้ง 3 มาตราคือ 59 60 มีระบุคำว่าหนี้สินชัดเจน และคำว่าหนี้ ถูกแยกออกจากคำว่า รายได้
ตามมาตรา 62 ชัดเจน
มาตรา 58 ของพรป ฉบับนี้ ก็เน้นให้พรรคการเมืองลงบัญชีให้ถูกต้อง
กู้ก็คือกู้ บริจาคก็คือบริจาค อย่ามุบมิบทำเหมือนในอดีต
และถ้าไปดูมาตรา 91 ในเรื่องการหมดสภาพเป็นพรรคการเมือง ซึ่งมีหลายข้อ
แต่ใน (ุ6) ก็ระบุชัดเจนว่า พรรคการเมืองนั้นๆ ล้มละลาย
คิดกันง่ายๆ ไม่ต้องซับซ้อน การที่บุคคลหรือนิติบุคคล จะล้มละลาย
หนี้สินมันต้องมากกว่าทรัพย์สินมากมาย เพราะฉะนั้น ถ้าพรรคการเมืองจะล้มละลาย
มันต้องติดหนี้เยอะมาก ไอ้ลำพังค่าใช้จ่ายปกติอย่างค่าเช่าสถานที่ ค่าบุคลากร ค่าพิมพ์ ค่าป้าย
จะสามารถทำให้พรรคล้มละลายได้หรือ ?
แต่ถ้าเป็นเงินกู้ อย่างนี้ค่อยมีความเป็นไปได้หน่อย
ถ้าเรามองเจตนารมณ์ของ กมธ ร่างรัฐธรรมนูญ 60
เราจะเห็นว่า มีเจตนาจะ
กีดกันพรรคใหญ๋ ส่งเสริมให้มีพรรคเล็ก
ซึ่งพรรคเล็กที่เพิ่งเกิดใหม่ ไม่มีทางระดมทุนจัดโต๊ะจีน
ไม่มีทางได้เงินบริจาคก้อนใหญ่ เงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาการเมืองก็ยังไม่ได้
แล้วจะให้พรรคเกิดใหม่เหล่านั้น ทำอย่างไร ? จากการวิเคราะห์จึงเห็นว่า
การกู้เงินของพรรคการเมือง ผู้ร่างคือ กมธ น่าจะอนุญาตและเห็นชอบด้วย
ถ้าจะเล่นงานพรรคอนาคตใหม่ ด้วยข้อหาใช้เงินผิดประเภท
ในอดีตคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ในข้อหา
ใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไปในทางที่ผิด
นี่ชัดแจ้งแบบไม่มีข้อแก้ตัว แต่ ปชป หลุด เพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า
คดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ด้วยมติสี่ต่อสองว่า กฎหมายกำหนดให้ผู้ร้องยื่นคำร้องมาภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ปรากฏแก่ตนว่าผู้ถูกร้องฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นเหตุให้ถูกยุบได้ มว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องมาล่วงระยะเวลาสิบห้าวันดังกล่าวนี้ จึงไม่ชอบที่จะพิจารณาวินิจฉัยคำร้องสืบไป และให้ยกคำร้อง
คดีนี้ ปชป รับเงินจาก ทีพีไอโพลีน 258 ล้าน แต่ไม่ลงบัญชี แต่สุดท้าย ปชป รอด
เพราะศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า
"ประชาธิปัตย์" รอด มติศาลรัฐธรรมนูญ 4 ต่อ 3 ยกคำร้องคดียุบพรรคฯ รับเงินบริจาค 258 ล้าน ชี้นายทะเบียนพรรคการเมืองทำผิดขั้นตอนกฎหมายไม่ส่งคำร้องยุบพรรค...
สองคดีที่ว่า ความผิดชัดเจน ก่อนส่งฟ้อง กกต มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรค ปชป
ที่รอดเพราะ
อภินิหารทางข้อกฏหมายเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้น รอยด่างที่พรรคการเมืองใช้เงินผิดประเภทก็ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย
บัดนี้ มีพรรคการเมืองหน้าใหม่ อยากปฏิรูปให้พรรคการเมืองในระบบมีความโปร่งใสในทุกด้าน
โดยเฉพาะด้านการเงิน แต่สลิ่มกลับจ้องจองล้างจองผลาญ เก็บทุกอย่างมาเป็นประเด็น
มุ่งมั่นจะทำลายล้างพรรคนี้ให้ถูกลบไปจากการเมืองไทย
เพียงเพราะพรรคนี้โตเร็วจนน่ากลัว ขืนปล่อยให้อยู่ต่อไป ไม่แน่พรรคที่ตัวชอบ
อาจจะสูญพันธ์
คิดได้แค่นี้จริงๆ
แต่เอาเถอะ เห็นสลิ่มมีความสุข จขกท ก็ดีใจด้วย อย่างน้อย
ได้อ่านเม้นท์ที่แสดงภูมิปัญญาที่หาอ่านจากที่อื่นได้ยาก จขกท ก็มีความสุขเหมือนกัน
ป.ล ในห้องนี้ คนเก่งที่อยู่ตรงข้ามฝั่ง ปชต มีมั้ย ? ตอบทันทีว่า "มี" หลายคนด้วย
แต่คนพวกนี้ จขกท จะเรียกด้วยความนับถือว่า
"คนเห็นต่าง"
และก็แปลก คนกลุ่มนี้กลับไม่ค่อยโพสต์ ปล่อยให้พี่หลิ่มแสดงภูมิเต็มที่
ป.ล 2 คืนนี้อาจจะไม่ได้อยู่ตอบ แต่กลับมาตอบให้แน่นอน
ป.ล 3 สลิ่มถ้าจะเข้ามากระทู้นี้ ขอโชว์อะไรที่เขาเรียกว่าความรู้หน่อยนะครับ
ไอ้ประเภทตรรกะพิสดาร เป็นไปได้อย่าเข้ามาให้ขายหน้าเลย ฝีปาก จขกท ไม่เป็นรองใครแน่นอน
หลายวันนี้....เห็นสลิ่มฟินนนน....ก็รู้สึกดีใจไปด้วย cnck
บอร์ดนี้ก็แทบระเบิด เพราะกระทู้แนวนี้ขึ้นหนาแน่นในแต่ละวัน และดูท่าทางสลิ่มในนี้ฟินนสุดๆ
งานการไม่ต้องทำ วันๆเสพสุขอยู่กับการโพสต์เรื่องนี้
สลิ่มบางคนทำเป็นเหนือ แปะข้อความจากเพจ เฟส ไลน์ พวกบูชานกหวีด แต่อ่านดูจริงๆแล้วได้แต่ส่ายหน้า
คำศัพท์พื้นฐานยังไม่มีปัญญาเข้าใจ ทะลึ่งมาทำเป็นกูรู เห็นแล้วอนาถ
บางอย่างไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น ก็มากันเป็นชุดๆ
เงินกู้ เป็นรายได้งี้.....เงินกู้คือเงินบริจาคงี้....การให้กู้ถือว่าธนาธรครอบงำพรรคงี้ ฯลฯ
อ่านแล้วอยากจะเดินไปบอกสลิ่มเหลือเกินว่า ไม่โพสต์ก็ไม่มีใครว่าไม่ฉลาดม้าง....
กลับมาเข้าเนื้อหากันบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าสักแต่ด่า.....
ก่อนที่เราจะวิเคราะห์กันว่า พรรคการเมืองมีสิทธิ์กู้เงินหรือไม่ ?
พรรคการเมืองก็คือ นิติบุคคล เมื่อเป็น นิติบุคคลแล้ว ก็มีสิทธิ์ทำนิติกรรมต่างๆได้
ดังนั้น พรรคการเมืองจึงมีสิทธิ์กู้เงินได้ตามกรอบของกฏหมาย
ทีนี้มาดู ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ในมาตรา 58 ความว่า (สังเกตที่ขีดเส้นแดง)
มาตรา 59 มีระบุชัดเจนให้แยกแต่ละประเภทบัญชี และที่สำคัญในข้อ (4) มีคำว่าหนี้ชัดเจน
มาตรา 60
เราจะเห็นว่าทั้ง 3 มาตราคือ 59 60 มีระบุคำว่าหนี้สินชัดเจน และคำว่าหนี้ ถูกแยกออกจากคำว่า รายได้
ตามมาตรา 62 ชัดเจน
มาตรา 58 ของพรป ฉบับนี้ ก็เน้นให้พรรคการเมืองลงบัญชีให้ถูกต้อง กู้ก็คือกู้ บริจาคก็คือบริจาค อย่ามุบมิบทำเหมือนในอดีต
และถ้าไปดูมาตรา 91 ในเรื่องการหมดสภาพเป็นพรรคการเมือง ซึ่งมีหลายข้อ
แต่ใน (ุ6) ก็ระบุชัดเจนว่า พรรคการเมืองนั้นๆ ล้มละลาย
คิดกันง่ายๆ ไม่ต้องซับซ้อน การที่บุคคลหรือนิติบุคคล จะล้มละลาย
หนี้สินมันต้องมากกว่าทรัพย์สินมากมาย เพราะฉะนั้น ถ้าพรรคการเมืองจะล้มละลาย
มันต้องติดหนี้เยอะมาก ไอ้ลำพังค่าใช้จ่ายปกติอย่างค่าเช่าสถานที่ ค่าบุคลากร ค่าพิมพ์ ค่าป้าย
จะสามารถทำให้พรรคล้มละลายได้หรือ ? แต่ถ้าเป็นเงินกู้ อย่างนี้ค่อยมีความเป็นไปได้หน่อย
ถ้าเรามองเจตนารมณ์ของ กมธ ร่างรัฐธรรมนูญ 60
เราจะเห็นว่า มีเจตนาจะ กีดกันพรรคใหญ๋ ส่งเสริมให้มีพรรคเล็ก
ซึ่งพรรคเล็กที่เพิ่งเกิดใหม่ ไม่มีทางระดมทุนจัดโต๊ะจีน
ไม่มีทางได้เงินบริจาคก้อนใหญ่ เงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาการเมืองก็ยังไม่ได้
แล้วจะให้พรรคเกิดใหม่เหล่านั้น ทำอย่างไร ? จากการวิเคราะห์จึงเห็นว่า
การกู้เงินของพรรคการเมือง ผู้ร่างคือ กมธ น่าจะอนุญาตและเห็นชอบด้วย
ถ้าจะเล่นงานพรรคอนาคตใหม่ ด้วยข้อหาใช้เงินผิดประเภท
ในอดีตคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ในข้อหา ใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไปในทางที่ผิด
นี่ชัดแจ้งแบบไม่มีข้อแก้ตัว แต่ ปชป หลุด เพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า
คดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ด้วยมติสี่ต่อสองว่า กฎหมายกำหนดให้ผู้ร้องยื่นคำร้องมาภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ปรากฏแก่ตนว่าผู้ถูกร้องฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นเหตุให้ถูกยุบได้ มว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องมาล่วงระยะเวลาสิบห้าวันดังกล่าวนี้ จึงไม่ชอบที่จะพิจารณาวินิจฉัยคำร้องสืบไป และให้ยกคำร้อง
คดีนี้ ปชป รับเงินจาก ทีพีไอโพลีน 258 ล้าน แต่ไม่ลงบัญชี แต่สุดท้าย ปชป รอด
เพราะศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า
"ประชาธิปัตย์" รอด มติศาลรัฐธรรมนูญ 4 ต่อ 3 ยกคำร้องคดียุบพรรคฯ รับเงินบริจาค 258 ล้าน ชี้นายทะเบียนพรรคการเมืองทำผิดขั้นตอนกฎหมายไม่ส่งคำร้องยุบพรรค...
สองคดีที่ว่า ความผิดชัดเจน ก่อนส่งฟ้อง กกต มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรค ปชป
ที่รอดเพราะ อภินิหารทางข้อกฏหมายเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้น รอยด่างที่พรรคการเมืองใช้เงินผิดประเภทก็ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย
บัดนี้ มีพรรคการเมืองหน้าใหม่ อยากปฏิรูปให้พรรคการเมืองในระบบมีความโปร่งใสในทุกด้าน
โดยเฉพาะด้านการเงิน แต่สลิ่มกลับจ้องจองล้างจองผลาญ เก็บทุกอย่างมาเป็นประเด็น
มุ่งมั่นจะทำลายล้างพรรคนี้ให้ถูกลบไปจากการเมืองไทย
เพียงเพราะพรรคนี้โตเร็วจนน่ากลัว ขืนปล่อยให้อยู่ต่อไป ไม่แน่พรรคที่ตัวชอบ อาจจะสูญพันธ์
คิดได้แค่นี้จริงๆ
แต่เอาเถอะ เห็นสลิ่มมีความสุข จขกท ก็ดีใจด้วย อย่างน้อย
ได้อ่านเม้นท์ที่แสดงภูมิปัญญาที่หาอ่านจากที่อื่นได้ยาก จขกท ก็มีความสุขเหมือนกัน
ป.ล ในห้องนี้ คนเก่งที่อยู่ตรงข้ามฝั่ง ปชต มีมั้ย ? ตอบทันทีว่า "มี" หลายคนด้วย
แต่คนพวกนี้ จขกท จะเรียกด้วยความนับถือว่า "คนเห็นต่าง"
และก็แปลก คนกลุ่มนี้กลับไม่ค่อยโพสต์ ปล่อยให้พี่หลิ่มแสดงภูมิเต็มที่
ป.ล 2 คืนนี้อาจจะไม่ได้อยู่ตอบ แต่กลับมาตอบให้แน่นอน
ป.ล 3 สลิ่มถ้าจะเข้ามากระทู้นี้ ขอโชว์อะไรที่เขาเรียกว่าความรู้หน่อยนะครับ
ไอ้ประเภทตรรกะพิสดาร เป็นไปได้อย่าเข้ามาให้ขายหน้าเลย ฝีปาก จขกท ไม่เป็นรองใครแน่นอน