รีวิวประสบการณ์ทำงานกับบริษัท consultant ของแคนาดาค่ะ

ถือฤกษ์งามยามดี ทำงานครบปีพอดีมารีวิวตั้งแต่ทำยังไงให้ได้งาน การทำงาน กับบริษัทคอนซัลใหญ่ของเมกาเหนือกันค่ะ

การศีกษา
เราเกิดและโตที่ไทยค่ะ จบตรีและโทที่ไทย แต่มาเรียน Diploma ที่แคนาดาเป็นใบที่ 3 ใช่ค่ะใบที่ 3 ทำงานมาบ้างที่ไทยแต่เรียนหนังสือง่ายกว่าเลยเรียนมันเรื่อยๆเลย เราเรียนทางด้าน Engineering Design major piping ตามหลักสูตรรุ่นเราจะมีให้เลือก 3 สาขาคือ mechine, mulniciple and piping ในเทอมสุดท้ายก่อนการเรียนจบจะมี industrial night ให้นักศีกษามีโอกาสพบปะกับผู้ประกอบการ แต่ละคณะจะมีเป็นของตัวเอง ผู้ประกอบการที่มาก็ศิษย์เก่าทั้งนั้น เราจบมาในช่วงเศรษฐกิจแคนาดาตกต่ำค่ะ

ปล.เทอมสุดท้ายเราช่วงงาน chair program ทำเรื่องตั้ง club ออร์แกไนท์ industrial night ไปด้วยนะคะ และเรายังทำพาร์ทไทม์ระหว่างเรียน

หางาน
อย่างที่บอกศิษย์เก่าทั้งหลายคือผู้จัดการ เจ้าของบริษัทนั้นแหละค่ะ อย่าง Worley Parsons เมเนเจอร์บอกเองค่ะว่าไม่เคยประกาศรับสมัครงานหาเวบเลย ถ้าเค้าอยากได้คน เค้าจะส่ง request ไปที่หัวหน้าภาคเพื่อประกาศรับสมัครงาน ซึ่งบริษัทเราทำแบบเดียวกันค่ะ เกริ่นก่อนว่าช่วงนั้นเราไปสัมภาษณ์งานอีกบริษัทมาก่อน แล้วบรรดาอาจารย์สาขาเราก็บอกว่า มีข่าววงในว่า บริษัทเราจะรับสมัครงานแต่เป็นชั่วคราว 3-4 เดือนนะ แต่ทุกคนบอกว่า "better than nothing" เราเลยบอกให้เพื่อนสนิทเราสมัครไปก่อน เพราะฮีต้องกลับมาเรียนซ้ำอีกตัว ทั้งที่เราอยากเข้าบริษัทนี้มาก แต่พอผลออกมาเราไม่ได้ เราเลยอีเมล์ resume ตามไปทีหลัง แต่เพื่อนเราไปสัมภาษณ์มาแล้ว และได้แล้วรอสัญญาอย่างเดียว เราก็เลยเฉาไป

Part 2
หลังสอบเสร็จได้ 2 วัน เราได้อีเมล์จากบริษัทว่าให้ติดต่อกลับเรื่องสัมภาษณ์งานค่ะ เรานี่กรี๊ด ดีใจเว้ย รีบ forward email ให้เพื่อนดูว่า เหมือนของฮีไหม ฮีบอกแบบนี้ไม่เหมือนนะ อันนี้เหมือนเค้าจะเอาเลยด้วยซ้ำ วันรุ่งขึ้น 8.45 เรารีบติดต่อไปตามเบอร์ที่ให้ไว้ เราเป็นคนออฟเฟอร์เองว่าจะให้เข้าไปเลยไหม (อพาร์ทเม้นท์กับบริษัทห่างกัน 2-3 บล็อคค่ะ) นายเลยให้เข้ามาคุยช่วง 11 โมง

สัมภาษณ์นายถามว่าทำ Autoplant คล่องขนาดไหน แค่นั้นเลยค่ะ สัมภาษณ์งานเรา นอกนั้นคือถามข้อมูลส่วนตัวว่า กลัวความสูงไหม มีใบขับขี่ไหม มีหนังสือเดินทางไม relocate ได้ไหม อันนี้คือความปากเสีย เราตอบว่าได้พร้อม ไปเลยก็ได้นะ จริงๆคือเราต้องทำงานที่ head office แต่โปรเจ็คจะอยู่อีกรัฐ นายบอกว่ายังไม่รู้จะมีงานต่อไหม ยังไม่อยากให้ย้ายมาเลย แล้วเราก็มีงานพาร์ทไทม์อยู่ด้วย

นายถามว่ารู้ใช่ไหมว่างานนี้มันแค่ชั่วคราว 3 เดือนกว่า : รู้ค่ะ แต่ว่าไม่เป็นไร อพาร์ทเม้นท์เราอยู่หลังบริษัท เราเดินผ่านบริษัททุกวัน เราเห็นพวกนิรภัย กระบอกแบบ เราสงสัยว่าบริษัททำกิจการอะไร เราเลยไปทำการหาข้อมูลแล้วตั้งเป้าหมายในชีวิตว่า ไม่ว่าจะตำแหน่งอะไรในบริษัทจะชั่วคราวหรือประจำ หรือแม้กระทั่งมาสัมภาษณ์เราจะทำให้ดีที่สุด เพราะที่นี่คือบริษัทและอาชีพในฝันของเรา

หลังจากนั้นหนึ่งชม.ให้หลัง นายโทรมาบอกให้ติดต่อกลับ เค้าจะดำเนินการเรื่องสัญญา แต่ดีลเปลี่ยนค่ะ จากที่เราจะอยู่ head office กลายเป็นว่า เราเริ่มงานที่อีกรัฐเลยค่ะ ในสัญญาคือทำงาน 3 weeks on 1 week off ค่ะ บริษัทจ่ายค่าโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน meal cover ให้ทุกอย่างค่ะ 1 week off เราบินกลับมาที่เมืองเราค่ะ ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมาเป็นแบบนี้ แล้วบินที 8 ชม. จบ part หางาน

ปล. ศึกษาวัฒนธรรมองค์กรให้ดีก่อนไปสัมภาษณ์งานค่ะ เราแค่ตื่นเต้นเลยเสนอตัวไปเร็วๆ แต่องค์กรเราคือ snap fingers ค่ะ ดีดนิ้วแล้วต้องเสร็จอ่ะค่ะ เราเลยโชคดีไป

Working

ที่นี่ไม่ได้เคร่งว่าต้องเข้ามากี่โมงเป๊ะ ไม่มีสแกนนิ้ว ตอกบัตร มีเป็นตารางออนไลน์กรอกชม.เองเลยค่ะ ตอนเราเริ่มงานเป็นช่วงที่พีคของบริษัท ไม่มีเทรนนิ่งใดๆทั้งสิ้น เอางานมาให้แล้วลุยเลยจ้า จะมีตัวอย่างจากโปรเจคเก่าๆให้ทำตามหรือดูเป็นตัวอย่าง แค่นั้นเลยค่ะ พอนายเห็นว่าเริ่มทำงานได้ ทำเองโดยไม่ต้องมีคนคอยเช็คได้ ก็เริ่มขอให้เข้ามาทำเสาร์อาทิตย์ หรือหยุดยาวค่ะ และไม่มีมาเดินเช็คมาเดินตามนะคะ สั่งงานเสร็จก็ปล่อยเราไว้กลางทางเลยจ้า บางทีนายเดินเช็คทุกคนว่าทำอะไรอยู่ งานถึงไหน พอถึงออฟฟิศเราข้ามจ๊ะ เราก็เหวอ บางทีก็เดินมาถามว่า ถ้าปริมาณงานขนาดนี้มีคนทำเท่าไร่ ยูคิดว่าใช้เวลาเท่าไหร่จะเสร็จ แล้วบอกว่ารอเราบินกลับมา แล้วเดี๋ยวเริ่มทำ พอกลับมา เอ๊าท์!!!!โดนถอดไปทำอย่างอื่น มาตราฐานการทำงานคือ 37.5 ชม.ต่ออาทิตย์ ก็ทำกันไปไม่ต่ำว่า 50 ชม. พีคสุดเคยทำได้ 70 ชม.ต่อสัปดาห์ค่ะ ทำถึงตี 2 ตี3 ค่ะ หรือ 3 อาทิตย์รวดไม่มีเบรค เบรคทีคือบินกลับมานอนตายที่บ้าน ทุกครั้งที่เรา schedule เบรค เราต้องมีงานเดทไลน์ตามเราออกไปด้วยตลอด ขึ้นเครื่องได้คือ pass right out

ตัวอย่าง มันมีรอบหนึ่งที่โปรเจคเราเริ่ม slow down นายเลยให้ไปช่วยอีกโปรเจ็ค แล้วเค้าเห็นว่าเราเข้ากับทีมนั้นได้ เค้าถอด technologist ทั้งหมดออกจากทีมค่ะ เหลือเราทำงานคนเดียว แล้วเหนื่อยมากตอนแรกงานต้องออกสิ้นเดือนตุลา เราเลยเออกลับบ้านต้นเดือนพ.ย.ก็ได้จะได้ไม่สลบบนเครื่องอีก เราแจ้งทีมวิศวกรทุกคนไว้ เค้าก็เลยเลื่อนเดดไลน์ตามเรามา เรานี่แบบงอน แล้วไฟล์ทเราเที่ยง เราก็แจ้งเค้าล่วงหน้าแล้วนะว่า วันศุกร์เราไม่เข้าออฟฟิศเพราะมันแค่ 2 ชม. ปล่อยเรานอน ขอเดินไปสนามบินสวยๆเถอะจ๊ะ  พฤหัส 4.30 PM & an engineer เดินมาหน้าหง่อยๆ ยูเข้ามาพรุ่งนี้เช้าได้ไหม ถถถถ!!!!! แล้วงวดนั้นกลับมาก็ไม่ได้พัก โปรเจ็คเราแพ็คเก็จใหญ่จะต้องออกตอนวีคที่เราบินกลับ เราเห็นชะตากรรมแล้วตี 3 อีกแน่ๆ นายเลยบอกว่างั้นเข้าไปทำงานที่ Head office ล่ะกัน (ตึกใหม่เอี้ยม บริษัทเคลมว่าเป็นตีกที่สูงที่สุดในแคนาดา outside Toronto)

ด้วยวัฒนธรรมองค์กร 90% คือเชื้อสายฝรั่งเศส บางทีเค้าก็ใช้ฝรั่งเศสคุยกันเองค่ะ สิ่งที่คิดคือต่างกับความเป็นจริงมากก วัฒนธรรมการซื้อขนมมาฉลองนู้นนี่เห็นได้ประจำ ฉลองซื้อมอไซด์ใหม่ ลูกเป็นตำรวจ หมั้น ซื้อบ้านใหม่ อะไรแบบนี้ค่ะจะเห็นโดนัทอยู่ในครัวแทบทุกอาทิตย์ บางอาทิตย์คือเกือบทุกวันจนเลิกกินโดนัทมันล่ะ

เพื่อนร่วมงานคือดีเวอร์ เรามีเพื่อนมาจากออฟฟิศเมืองอื่น มาจากเมกา (อย่างที่บอกออฟฟิศเรามีสาขาทั่วโลก เวลาออฟฟิศไหนต้องการคน เค้าจะส่งคนไปแจม ฉะนั้นคนจะบินข้ามเมกาแคนาดาทำงานเป็นเรื่องปกติมาก) เค้ายังพูดเลยว่า ออฟฟิศที่นี่ทุกคนคือโอเคมาก ยินดีที่จะถ่ายทอดความรู้ สอนงาน ไม่ถือตัว เวลาเราแย้งหรือถามวิศวกรเอง เค้าก็จะรับฟังนะ เค้า treat เราแบบคนทั่วไปเลยค่ะ ไม่ได้จะมีดูถูกว่าเราเป็น internation student

ต่อรองเงินเดือน

ช่วงที่เราเริ่มงาน อย่างที่บอกเราเริ่มด้วยสัญญาแบบไม่ได้สวัสดิการใดๆทั้งสิ้น จนใกล้สิ้นสุดโปรเจ็ค นายเราตัดสินใจโทรหา head office ให้เราบินกลับมาคุย โดยเราได้ full-time offer จากออฟฟิศเราแล้วนะคะ แต่เงินที่เสนอมาน้อยมาก ช่วงที่ตัดสินใจก็ได้คุยกับซีเนียร์ที่มาจาก head office เค้าบอกให้ต่อรองทั้ง 2 ที่ ถ้าที่ออฟฟิศเค้าต้องได้ปีนึงถึงจะคุ้ม ส่วนออฟฟิศเราให้ต่อรองดูว่าเค้าไหวที่เท่าไหร่ แต่แนะนำให้อยู่ที่นี่ไปสักพักแล้วค่อย transfer (ย้ายกันภายในได้ค่ะ หรือแม้กระทั่งออฟฟิศต่างเมืองกันแย่งคนกันเอง ล่าสุดมี Puerto Rico ขอคนไปอยู่) แล้วเรามีสัมภาษณ์งานบริษัทอื่นอีก 2-3 ที่ด้วย เราต่อรองมาได้แค่ 4 เดือน พอเรากลับมา นายอีกคนรู้ว่าเราไปสัมภาษณ์งานเท่านั้นแหละค่ะ ถามกันทุกวันตัดสินใจยัง จนเราต่อรองเงินเดือนไม่ได้ เราเลยตัดสินใจไปกับ head office นายเราก็ไม่ว่าอะไรบอกว่า ถ้าหลัง 4 เดือนแล้วเค้าไม่ต่อสัญญาให้โทรหากันก่อนนะ อย่าเพิ่งหางานใหม่ 3 วันให้หลัง โปรเจ็คที่เราไปช่วย ทางทีมเค้า appreciate กับเรามาก นายเลยถามว่า จะเอาเท่าไหร่นะเงินเดือน  แล้วเราก็ได้เลขตามที่ขอ ตอนนี้กลายเป็นต่อรองขอให้เกษียณที่นี่แทนล่ะ 1/4 ของออฟฟิศคือทำงานกับบริษัทไม่ต่ำกว่า 30 ปี ค่ะ

ปล. ทำงานให้เค้าเห็นว่าเสียเราไปไม่ได้ พยายามเข้ากับทุกคนและทุกทีมให้ได้ค่ะ จริงๆ PM แต่ละคนจะมีทีมที่ตัวเองทำงานด้วยแล้วโอเคอยู่ เค้าก็จะใช้คนเดิมๆอยู่เรื่อยๆค่ะ นี่เราทำ preliminary project กับทีมเดิมเลย

มีคำถามถามได้นะคะ แต่ไม่รับฝากงานค่ะ พยายามเขียนให้รู้เรื่องล่ะ ถ้าไม่รู้เรื่องขออภัยค่ะ ไม่ได้ยืนยันตัวตนเลยต้องตั้งเป็นกระทู้คำถาม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่