หลีเป๊ะ ยังเป๊ะอยู่

หลีเป๊ะ ยังเป๊ะอยู่
หน้าร้อนมาถึงทีไรก็ชวนให้คิดถึงทะเล หาดทรายขาวๆ น้ำทะเลใสๆ มองเห็นเป็นสีฟ้า มีที่ดำน้ำสวยๆ และเกาะหลีเป๊ะก็เป็นอีกที่ที่เราจะคิดถึงเป็นอันดับต้นๆ วันหยุดยาวต้นเดือนพฤษภาคม พวกเราจึงได้มาถึงเกาะหลีเป๊ะกัน แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ ก็ต้องมีการวางแผนกันแต่เนิ่นๆ ตามแบบฉบับมนุษย์เงินเดือนที่มีวันลาจำกัด
       เริ่มจาก วันลา เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรและคนหมู่มากจึงได้ลางาน 1 วัน ก่อนวันหยุดยาวอีก 3 วันจะมาถึง 

       การเดินทาง 3 ต่อ โดยเครื่องบิน เพื่อประหยัดเวลาเดินทาง เลือกบินเที่ยวเช้าที่สุด เพื่อจะได้ทันเที่ยวเรือ 11:30 น.
       เดินทางโดยรถตู้ จากสนามบินตรงไปปากบารา ทุกวันนี้สะดวกสบายมาก ราคาก็พอๆกับการต้องนั่งสองแถวไปต่อรถตู้ที่ท่ารถเกษตรในเมืองหาดใหญ่ ใช้เวลาเดินทาง 1:30 -2:00 ชั่วโมง ราคารถต่อเที่ยว 200-250 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนที่นั่งของรถ ครั้งนี้เราใช้บริการของบริษัท หลีเป๊ะเฟอร์รี่ ก็สะดวกสบายดี
      เดินทางโดยเรือ มีเรือสปีดโบ๊ทและเฟอร์รี่ให้เลือก ราคา 400 บาทต่อเที่ยว เราเลือกสปีดโบ๊ท เที่ยว 11:30 น. ซึ่งมีแวะที่เกาะตะรุเตาและเกาะไข่ด้วย (เที่ยวอื่นไม่มีแวะ) ครั้งนี้ก็ใช้บริการเจ้าเดียวกันกับรถตู้ ใช้เวลาเดินเรือ 2 ชั่วโมง
และบางคนอาจมีการเดินทางอีกต่อที่ 4 ถ้ารีสอร์ทอยู่ไกลจากท่าเทียบเรือและไม่มีบริการรับส่งคือ แท็กซี่พ่วงข้าง หรือมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างนั่นเอง ราคา 50 บาทต่อคนส่งถึงที่พักเลย ใกล้ไกลราคาเดียว

คราวนี้มาถึงการเดินทางอันแสนตื่นเต้นของพวกเราแล้ว เราและครอบครัวนั่งเครื่องบินจากอู่ตะเภาเที่ยวเย็นซึ่งมีเที่ยวเดียวต่อวันไปลงหาดใหญ่ ถึงหาดใหญ่เจอฝนตกต้อนรับด้วย อากาศเย็นสบายดี เพื่อนมารอรับไปต่อที่สตูล ถนนหนทางบ้านเมืองทางนี้ดีมากแม้จะมีโค้งเยอะก็ตาม ตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่น อาบน้ำกินข้าวเช้าเสร็จก็เดินทางต่อไปท่าเรือปากบาราเพื่อนัดเจอเพื่อนอีกกลุ่มที่กำลังเดินทางมา ซื้อขนม น้ำ เตรียมไปด้วย ติดต่อเรือที่จองไว้ เราจะได้ตั๋วเรือไปกลับมาเก็บไว้ ก่อนเข้าอาคารท่าเทียบเรือ จะเสียค่าธรรมเนียม 20 บาท ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ 40 บาท
ประมาณ 45 นาทีก็มาถึงเกาะตะรุเตา เรือจะจอดให้พวกเราลงไปถ่ายรูปเล่น เข้าห้องน้ำ 20 นาที
จากนั้นอีก 30 นาทีก็จะมาถึงเกาะไข่ เรือแวะเข้าไปจะจอดแต่ไม่สามารถขึ้นเกาะได้เพราะน้ำขึ้นสูง จึงได้แต่มองและเดินเรือต่อไป และถ้าใครไม่อยากเสียเวลาแวะเกาะเหล่านี้ก็ไม่ต้องซื้อตั๋วเที่ยวนี้นะ เพราะวันที่เราไป มีฝรั่งสาวขี้โวยวายถามคนขับเรือว่าจอดทำไม สงสัยตอนซื้อตั๋วคงไม่ได้อ่านรายละเอียดดีๆก่อนมา ก่อนถึงเกาะมองเห็นน้ำทะเลสีฟ้าใสมาแต่ไกลเลย เป็นสิ่งที่ตื่นตามาก ถึงเกาะ เรือจอด พวกเราขนกระเป๋าสัมภาระมากองรวมกันไว้ ชั่งใจระหว่างจะเดินไปที่พักโดยเดินเลียบชายหาดไปประมาณ 500 เมตรท่ามกลางแดดแรงและความหิว หรือจะนั่งแท็กซี่ดี สุดท้ายเลือกเอาเหนื่อยน้อยสุด เรียกแท็กซี่พ่วงข้างซึ่งจอดรออยู่ข้างโรงเรียนมารับ ถนนหนทางบนเกาะแคบมากๆ แค่รถเล็กสวนทางกันได้เท่านั้น
แคสอะเวย์รีสอร์ท (Castaway resort) อยู่ฝั่งหาดซันไรส์ เป็นที่พักของพวกเราคราวนี้ ถึงที่พัก ก็แจ้งเช็คอิน มีน้ำตะไคร้ในขันเงินใบเล็กมาต้อนรับ ลงทะเบียนเข้าพักด้วยบัตรประชาชนของทุกคน พนักงานจะชี้แจงกฎกติกาการเข้าพักให้ทราบ จากนั้นก็ได้เวลาเข้าที่พัก
  ที่พักเป็นแบบบังกะโล มีทั้งชั้นเดียวและ 2 ชั้น เป็นธรรมชาติดี และที่พักนี้มีแต่พัดลม ไม่มีทีวีตู้เย็นหรือเครื่องอำนวยความสะดวกอื่นใด มีไวไฟเฉพาะที่ล็อบบี้ส่วนกลางเท่านั้น มีมุ้งให้ทุกหลัง เพราะยุงที่นี่ชุมมาก มีเปลญวน 2 อัน มีผ้าเช็ดตัว ครีมอาบน้ำ ยาสระผม ครีมนวด กระดาษทิชชู ส้วมชักโครกที่ไม่มีสายฉีดชำระ ตู้นิรภัย และน้ำดื่ม 3 ขวดต่อวัน ที่พักที่เป็น 2 ชั้นนั้นชั้นล่างจะเป็นห้องน้ำทั้งหมดแบบเปิดโล่ง ขึ้นบันไดไปชั้นบนเป็นห้องนอน หากใครพัก 2 คนขึ้นไป ถ้าจะมีใครทำธุระในห้องน้ำ คงต้องมีการบอกกล่าวกันไว้ ว่าห้ามลงมาชั้นล่าง 😆😆
จัดแจงที่พักเสร็จก็จัดการกับความหิว อิ่มแล้วก็พักสักหน่อย นัดกัน 5 โมงเย็นเพื่อเดินไปหาดซันเซ็ตดูพระอาทิตย์ตกดินกัน ระหว่างทางไปหาดซันเซ็ตก็จะผ่าน walking street อยู่กลางเกาะซึ่งจะยาวไปถึงหาดพัทยา เดินเรื่อยๆ ถ้าไปไม่ถูกถึงทางแยกไหนก็ถามทางคนแถวนั้นเอา เดินขึ้นลงเนินผ่านสำนักสงฆ์ ประมาณ 3 กิโลเมตรก็ถึงหาดซันเซ็ต ที่นี่มีคนมารอดูพระอาทิตย์ตกดินกันเยอะเลยโดยเฉพาะชาวต่างชาติ หาดที่นี่น้ำไม่ใส ทรายไม่ละเอียด แต่ก็เป็นที่ที่ไม่มีเรือจอดเยอะแยะเหมือนหาดอื่น
หลังดูพระอาทิตย์ตก พวกเราบางคนก็เดินกลับ บางคนก็นั่งแท็กซี่พ่วงข้าง นัดเจอกันที่ถนนคนเดิน บนถนนคนเดินมีร้านขายยา เซเว่น คลีนิคหมอ ร้านขายของกินหลายร้าน เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของที่ระลึก ทริปดำน้ำ ซึ่งแต่ละอย่างราคาก็แพงอยู่เหมือนกัน ประมาณ 2-3 เท่าของราคาปกติบนฝั่ง เดินจนสุดหาดก็พากันกลับ

วันนี้อากาศดูครึ้มฟ้าครึ้มฝน แถมพวกเราไปดำน้ำตื้นกัน แวะไปเก็บภาพพระอาทิต์ขึ้นที่หน้ารีสอรท์ซะหน่อย
หลังกินข้าวเช้าเสร็จ (อาหารตามสั่ง 100 บาท) พวกเราก็ออกไปจุดนัดพบเรือหน้าหาดที่พัก วันนี้นั่งเรือหางยาวในราคาเหมา (10 คน) โซนใน-โซนนอก ราคา 3,500 บาท มีเสื้อชูชีพกับสน็อกเกิ้ลให้ เตรียมอาหารมาเองแต่เราให้เขาเตรียมมาให้ คิดราคาอาหารกล่องละ 100 บาท สรุปว่า 4,500 บาท (450 บาทต่อคน) เดินเรือ 1 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงจุดแวะที่ 1
จุดที่ 1 เกาะหินซ้อน จะเป็นจุดถ่ายรูปหินซ้อนที่มีรูปร่างคล้ายใบหน้าคน
จุดที่ 2 เกาะไผ่ ลงน้ำด้วยความตื่นเต้นกัน คนเมาเรือก็ต้องรอบนเรือต่อไป 🤣🤣
จุดที่ 3 เกาะรอ- กลอย (Ro Kloi) แวะลงไปถ่ายรูป เป็นเกาะที่มีหาดสวย น้ำใสมาก
จุดที่ 4 เกาะดง อ่าวกำนัน มีปะการังคล้ายเห็ดหลินจืออยู่เยอะ
จุดที่ 5 เกาะราวี หาดทรายขาว หาดสวยมาก แวะกินข้าว เข้าห้องน้ำ เล่นน้ำกันที่นี่
จุดที่ 6 เกาะยาง จุดนี้มีปะการังภูเขาไฟ พอถึงจุดนี้ คลื่นซัดแรงมาก พวกเราดำน้ำสักพักก็รีบขึ้นเรือ ฝนกำลังมา
จุดที่ 7 เกาะหินงาม จากเกาะยางมาเกาะหินงาม ผ่านฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และคลื่นแรงซัดเรือโคลงเคลงให้น่ากลัวเหมือนกัน สักพักมาถึงเกาะหินงาม พวกเราพักเรือที่นี่นานหน่อย รอฝนซา หินที่นี่มีสีดำ มน รูปร่างแปลกตา สวยมาก และที่บนเกาะนี้ก็ลมแรงมากเช่นกัน
จุดที่ 8 หลังเกาะหินงาม จุดนี้เป็นจุดที่สวยที่สุดในทริป ดอกไม้ทะเล ปะการัง ปลาสีสันสวยงาม
จุดที่ 9 ร่องน้ำจาบัง จุดนี้ไม่สามารถลงดำน้ำได้เพราะคลื่นแรงมาก พวกเราจึงต้องผ่านเลย กลับที่พัก เวลา 4 โมงเย็นพอดี
ถึงที่พัก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินเล่นหาดหน้าที่พัก ลองเดินจากที่พักไปจนถึงจุดขึ้นลงเรือ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ได้กลิ่นน้ำมันเรือมาเป็นระยะๆ นัดกินข้าวเย็นกัน 6 โมงเย็น ถึงเวลาก็มีบางคนไปกินบุพเฟต์ทะเลเผาถนนคนเดิน (หัวละ 490 บาท) ส่วนเราขี้เกียจเดินแล้ว กินข้าวในร้านอาหารที่พัก ราคาก็ไม่แรง เทียบกับราคาก็ได้เยอะอยู่ แต่เครื่องดื่มน้ำอัดลมกระป๋อง 75 บาท น้ำเปล่า 35 บาท รสชาติกลางๆ น่าจะถูกปากชาวต่างชาติ เพราะเจ้าของก็เป็นชาวต่างชาติ 😄😄
คืนนี้ฝนตกตลอดทั้งคืน เปิดหน้าต่างเพื่อจะได้ไม่ร้อน แต่ก็ต้องแลกกับการที่ยุงมาเยือน

ได้เวลาอำลาหลีเป๊ะแล้ว ตื่นเช้า กินข้าวเหนียวไก่ทอด เก็บกระเป๋า เช็คเอ๊าท์ นั่งแท็กซี่พ่วงข้างไปส่งเช่นเดิม 09:30 น. ก็ได้ลงเรือกลับเที่ยวแรก
ระหว่างทางเจอฝนมาเป็นระยะ ขากลับใช้เวลา 1 ชั่วโมงพอดี ถึงฝั่งฝนก็เทลงมาอย่างหนักเลยทีนี้ เราพักบ้านเพื่อนต่ออีก 2 คืน แล้วจึงนั่งรถตู้ปากบาราที่จะวิ่งผ่านหน้าบ้านเพื่อนเพื่อกลับหาดใหญ่
เกาะหลีเป๊ะ ยังเป๊ะอยู่นะ อาจไกลไปบ้าง เดินทางหลายต่อหน่อย แต่หาดทรายสวย น้ำใสจริง มีจุดดำน้ำตื้นที่ยังสวย ใครมีเวลาแนะนำให้มาที่นี่ คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแน่นอน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่