[CR] รีวิวพาพ่อแม่เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก 4 วันเต็ม (คาวากูจิโกะ, โตเกียว, คามาคุระ)

สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน หลังจากที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นมา 2 ครั้ง และมีความประทับใจเป็นอย่างมาก มาปีนี้เลยอยากพาพ่อแม่ไปลำบาก เอ้ย!! ไปสร้างความประทับใจแบบเราบ้าง เลยเลือกที่จะไปดูภูเขาไฟฟูจิก่อนเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งแรกที่เราน่าจะนึกถึงเมื่อพูดถึงญี่ปุ่น

ทริปเที่ยวคราวที่แล้วครับ เที่ยวโซนคันไซ 7 วัน (คิโนซากิออนเซน, โกเบ, เกียวโต, วากายาม่า, คุมาโนะ, และ โอซาก้า) 
>> https://ppantip.com/topic/38339283 <<

ในทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 5 คน ใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด 6 วัน 4 คืน โดยบินกับการบินไทย นน. กระเป๋า 20 กิโล ค่าเสียหายคร่าวๆตกคนละประมาณ 32000 บาท ไม่รวมช๊อปปิ้ง อาหารการกินมีทั้งกินร้านสะดวกซื้อและกินร้านอาหาร 

แพลนการเที่ยวคร่าวๆ
Day 1: เที่ยวรอบทะเลสาปคาวากูจิโกะ 
Day 2: เที่ยวเจดีย์ชูเรโตะ, เทศกาลชิบะซากุระ, อากิฮาบาระ และ โตเกียวทาวเวอร์
Day 3: เที่ยวศาลเจ้าเมจิ, วัดอาซากุซะ, ช๊อปปิ้งตึกม่วงและดองกี้
Day 4: เที่ยวตลาดปลาสึกิจิ, เกาะอีโนชิมะ, วัดโคโตคุอิน และช๊อปปิ้งที่โอไดบะ

ที่พัก>> นอนที่คาวากูจิโกะ 1 คืน และโตเกียว 2 คืน
การเดินทาง>> ใช้รถบัสและรถไฟ และกูเกิ้ลแม็ปเป็นหลัก 

วิธีการเดินทางโดยรถไฟในญี่ปุ่น
1. เราต้องรู้สถานีรถไฟต้นทางและปลายทางครับ แล้วใช้กูเกิ้ลเสิร์ทเอาเลยก็จะรู้ว่าจะเลือกรูทไหนจะต้องปลี่ยนกี่ครั้งใช้เวลาเท่าไหร่ ในตัวอย่างผมจะไปตลาดปลาสึกิจิจากสถานีชินจุกุ
2. หลังจากได้เส้นทางมาแล้วให้ดูเส้นที่รถวิ่งว่าคือเส้นอะไรสีอะไรแล้วเราก็ไปตามเส้นนั้น เช่น Oedo Line เส้นสีชมพู ในสถานีใหญ่มันจะมีเส้นรถไฟเต็มไปหมดก็ให้เราดูป้ายที่เป็นรูปตัว E ก็เดินไปตามทางนั้น
3. ทีนี้พอเข้าไปในสถานีมันจะเหลือแค่สองหมายเลขให้ดูชื่อรถไฟจะบอกสถานีปลายทางว่าเราต้องไปฝั่งไหน อย่างในตัวอย่างเราต้องไปที่ปลายทางเป็น Daimon Roppongi ซึ่งในที่นี้เราก็เดินไปทางหมายเลข 2 พอรถไฟมาเราก็ดูข้างรถไฟว่ามันตรงกับที่เราจะไปหรือเปล่า แล้วก็ขึ้นได้เลย
4. หลังจากเรามาถึงสถานีปลายทางแล้ว ปัญหาต่อมาคือจะออกทางไหน เนื่องจากกูเกิ้ลมันจะเอ๋อตอนเราอยู่ในสถานี วิธีผมคือดูทิศเอาจากในแมปถ้าเราจะออกทางขวา ก็คือตะวันออก ก็หาป้าย East exit แค่นี้เอง

เริ่มต้นการเดินทาง...

14/05/2019
เรามาถึงสนามบินประมาณ 2 ทุ่มเพื่อโหลดกระเป๋า เวลาที่เครื่องออกคือ 22.45 และไปถึงที่ญี่ปุ่นตอน 6.55 ของอีกวัน เมื่อเครื่องขึ้นไปสักพักเค้าก็จะแจกถุงยังชีพ หน้าตาแบบนี้
ในถุงมีน้ำ 1 ขวดและแซนวิชปูอัด
หลังจากรับถุงมาก็หลับยาวเลยครับ มาตื่นอีกทีตอนประมาณตี 5 พนักงานก็จะเสิร์ฟอาหารเช้าให้กับเรา โดยผมจองไปเป็นซีฟู๊ด หน้าตาอาหารเป็นแบบนี้
มีครัวซอง ผลไม้ โยเกิร์ต น้ำผลไม้รวม ส่วนจานหลักมีปลา หมึก กุ้ง นึ่ง พร้อมถั่วลันเตาและมันบด
ทั้งหมดนั้น ครัวซองอร่อยสุด กรอบมาก ส่วนแย่สุดให้ผลไม้ รสชาติแปลกๆ นั่งต่ออีกสักพักเครื่องก็ลงจอดตอน 6 โมงกว่าๆที่สนามบินฮาเนดะครับ

Day 1: เที่ยวรอบทะเลสาปคาวากูจิโกะ
หลังจากผ่าน ตม และ ศุลกากรเสร็จ ก็ไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อจะไป คาวากูจิโกะ โดยที่ขายตั๋วจะอยู่ที่ชั้น 2 ของสนามบิน พอเราออกมาจากศุลกากรก็จะเจอเลยครับ ค่าตั๋ว 2470 เยน ไม่ฟิกที่นั่ง โดยเราได้รอบรถตอน 8.50 หน้าตาบัตรเป็นแบบนี้ครับ 
ซึ่งพอจะเหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ เลยไปทำบัตร Suica พลางๆเพื่อใช้ในการเดินทางโดยรถไฟในวันอื่นๆ ซึ่งในทริปนี้ใช้ทั้งหมด 7000 เยนครับ โดยยอดเงินในบัตรจะถูกหักออก 500 เยนเพื่อเป็นค่ามัดจำ เราสามารถขอคืนได้ที่เคาท์เตอร์

หน้าตาตู้ขายบัตร Suica จะเป็นแบบนี้ครับ เปลี่ยนภาษาก่อนแล้วเลือกที่ Monorail Suica Purchase แล้วไปที่ Monorail Suica และกดเลือกจำนวนเงินถ้าจะเติมเพิ่มก็ใส่บัตรเข้าไปแล้วเลือก Charge
หลังจากซื้อเสร็จจะได้บัตรหน้าตาแบบนี้ครับ
ซึ่งบัตรตัวนี้แตกต่างจาก Suica ที่เป็นเพนกวิ้นตรงที่เวลาขอคืนเงินต้องมาขอคืนที่เคาร์เตอร์ของ Monorail เท่านั้น ซึ่งพนักงานแนะนำว่า มันดีกว่า เพราะ เคาท์เตอร์ Monorail เปิดถึงเที่ยงคืน

หลังจากซื้อบัตรต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็มารอขึ้นรถที่ป้ายหมายเลข 7 โดยระหว่างที่รอรถก็จะมีรถออกตรงป้ายเรื่อยทุกๆ 5 นาที แต่ไปที่อื่นนะ ตอนเราให้ตั๋วพนักงานจะถามเราอีกครั้งว่าเราจะไปที่ไหน ซึ่งก็คือสถานีคาวากูจิโกะครับ ใช้เวลานั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง คือที่มันนานเนื่องจากเขาจอดแวะรับหลายที่กว่าจะวิ่งยาวๆมาที่ปลายทาง พอมาถึงสถานีก็ไปซื้อตั๋วเหมาที่ใช้ขึ้นกระเช้า ล่องเรือ นั่งรถ ก่อนเลยครับ
ผมเลือกซื้อตัว R Coupon ครับ ซึ่งมันรวมตั๋วขึ้นกระเช้า ล่องเรือ และรถบัส 2 วัน 3 สาย และตรงเคาท์เตอร์นี้เราสามารถซื้อตั๋วบัสกลับไป Shinjuku ด้วยได้เลยครับ ในราคา 1950 เยน ตั๋วนี้จะฟิกซ์ที่นั่ง เลือกเวลากลับไว้ที่บ่าย 2 ครับ

จัดการเรื่องตั๋วเรียบร้อยก็ไปกินข้าวครับ ร้านที่เราจะไปกินคือร้าน Ninja Tempura ครับ จากหน้าสถานีให้ข้ามถนนแล้วเดินตรงยาวไปเรื่อยๆจนเจอสามแยกใหญ่ร้านอยู่ตรงแยกเลย
เมนูของทางร้านมีแค่เทมปุระครับแต่เราสามารถเลือกได้จะเอาแบบผักล้วนๆ ผสม หรือซีฟู๊ด จะเอาแบบให้แยกมาหรือจะโปะมาบนข้าวเลย ส่วนน้ำดื่มเป็นชาฟรีครับ 
ผมสั่งตัวซีฟู๊ดไปครับ หน้าตาเป็นแบบนี้
มีสาหร่าย ปลาไหล ปลาเนื้อขาว หอยเชลล์ กุ้ง โดยรวมแล้วอร่อยดีครับ น้ำจิ้มอร่อยกว่าที่บ้านเรา ชอบสุดคือตัวสาหร่ายที่เป็นดาวกระจายนี่แหละ นินจาจริงๆ ตัวซุปเป็นซุปไข่ครับ มื้อนี้หมดไป 6100 เยนครับ 5 คน

หลังจากกินข้าวเสร็จเรากลับไปที่สถานีคาวากูจิโกะเพื่อรอรถโรงแรมมารับ โดยให้เราไปรอที่ป้ายหมายเลข 10 ครับ จะเป็นจุดจอดรถสำหรับโรงแรม รถที่มารับเป็นรถตู้ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติม บ้านพักจะอยู่ใกล้ๆกับป้ายสุดท้ายของรถบัสรอบทะเลสาปเส้นสีแดง ฝั่งตรงข้ามกับบ้านพักเป็นร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ซึ่งเขาคือเจ้าของบ้านพักของเรานี่แหละครับ ที่พักเป็นบ้านสามหลังอยู่ติดๆกัน ชื่อ Rental Villa Ooishiso เราได้หลังตรงกลางซึ่งสามารถพักได้สูงสุดที่ 8 คน ราคาค่าที่พักอยู่ที่ 6888 บาทต่อคืน

พอเข้าบ้านพักมาจะเจอที่ถอดรองเท้าก่อนเลย มีรองเท้าไว้ให้เปลี่ยนเดินในบ้านด้วย
มาที่ห้องโถงเป็นแบบนี้ครับ มีโต๊ะเก้าอี้และทีวี ข้างๆกันเป็นครัวครับ
มีจานมีช้อนให้ ซอสปรุงรสด้วย อีกฝั่งของโถงจะเป็นประตูบานเลื่อนสามารถออกไปข้างนอกได้ครับ วิวตรงห้องโถงจะเป็นแบบนี้ครับ ซึ่งถ้าไม่มีเมฆบังเราก็จะเห็นฟูจิ
ห้องน้ำจะแยกกันระหว่างห้องน้ำและห้องอาบน้ำครับ มีอุปกรณ์ให้ครบ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ไดร์เป่าผม ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า มีหมด
ในส่วนของห้องนอนจะอยู่ชั้น 2 มีสองห้องนอน นอนได้ห้องละ 4 คน
หลังจากเราเก็บของเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางไปเที่ยวเลยครับ โดยจุดหมายแรกคือไปขึ้นกระเช้าครับ จากบ้านพักให้เราเดินไปที่ป้าย 22 เส้นสีแดง (Kawaguchiko Living Center) แล้วนั่งไปลงที่ป้ายหมายเลข 9 ทั้งกระเช้าและเรือจะอยู่ที่ป้ายนี้ ผมเลือกไปขึ้นกระเช้าก่อนครับเพราะออกเรื่อยๆ ส่วนเรือจะออกทุก 30 นาทีครับ แนะนำให้กะเวลาลงมาจากกระเช้าให้ใกล้ๆกับเรือมาจะได้ไม่ต้องเสียเวลามารอครับ 

กระเช้าจะขึ้นไปบนภูเขาเท็นโจครับ ซึ่งจากบนนี้เราสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้แบบเต็มๆเลยล่ะครับ แต่ผมโชคร้ายไปหน่อยตอนขึ้นไปเห็นแต่เมฆ
นอกจากวิวของภูเขาไฟฟูจิแล้ว ด้านบนมีศาลเจ้ากระต่ายด้วยครับ
ขึ้นมาถึงบนนี้ก็อย่าพลาดชิมดังโงะของที่นี่ล่ะครับ ดังโงะคือขนมแป้งย่างราดซอสแต่ที่นี่เหมือนจะราดโชยุนะ ก็อร่อยไปอีกแบบครับ
นอกจากดังโงะ มีมันม่วงหวานๆกรอบด้วยครับ
นอกจากขนมแล้ว ที่นี่มีร้านขายของที่ระลึกด้วยครับ เป็นพวกพวงกุญแจ สิ่งของต่างๆ รวมไปถึงขนม ที่ทำเป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ (บางอย่างข้างล่างก็มีขายนะ)
หลังจากเราผิดหวังกับภูเขาไฟฟูจิแล้วก็ลงกระเช้ากลับลงมาครับ ด้านล่างของกระเช้ามีร้านขายสตอเบอรี่ด้วยครับ
ซึ่งเขาการันตีเลยว่าหวานมากๆ คุณแม่ไม่รอช้าครับจัดไป 2 แพคเบาๆ พอแกะออกมาจากแพคแล้วหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ
มันหวานจริงๆครับ อร่อยมากโดยเฉพาะลูกใหญ่ๆ ส่วนลูกเล็กๆจะเปรี้ยวครับ นอกจากสตอเบอรี่แล้วเขามีเยลลี่องุ่น กล้วยเคลือบชอคโกแลตขายด้วยครับ

หลังจากเราช๊อปสตอเบอรี่เสร็จให้เราเดินข้ามถนนมาอีกฝั่งจะเจอจุดขึ้นเรือ เรือมีที่นั่งเยอะอยู่ครับ ใครชอบโต้ลมก็เชิญดาดฟ้าชั้น 2 ส่วนใครชอบนั่งชมสวยๆ ก็มีเบาะด้านในให้นั่งครับ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าอากาศที่เย็นแบบสบายๆนี่แหละพอเรือออกไปกลางทะเลสาปแล้วมีลมพัดนี่คนละเรื่องกับบนฝั่งเลยล่ะ 
เรือจะแล่นลอดใต้สะพานแล้วไปวนกลับมา ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีได้ วิวที่เราเห็นจะประมาณนี้ครับ
หลังจากเรานั่งเรือเสร็จ เราเดินกลับมารอรถบัสสายสีแดงที่ป้ายหมายเลข 9 เราจะกลับไปเที่ยวสวนดอกไม้ที่ Kawaguchiko Living Center (ป้าย 22) ตรงนี้ไม่เสียค่าเข้าชมนะครับ ด้านในเป็นสวนดอกไม้เล็กๆ มีให้ชมหลากหลายพันธุ์เลยล่ะครับ
ชื่อสินค้า:   เที่ยวญีปุ่น
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่