>>>ต้องบอกก่อนว่าเรื่องที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้คือเรื่องจริงทั้งหมดเเละประสบพบเจอเอง เป็นการเล่าย้อนเท้าความไปเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2558 บุคคลใด หรือสถานที่ใดที่เราได้กล่าวถึงโดยตั้งใจก็ดีไม่ตั้งใจก็ดี ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เนื่องจากเป็นกระทู้เเรกของเรา <<<
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 สมัยเราเป็นนักศึกษาของมหาลัยชื่อดังเเห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งตอนนั้นเรากำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่3 ทางมหาวิทยาลัยจะมีกิจกรรมเสริมหลักสูตรให้ทำขึ้นมา เป็นกิจกรรมเพื่อสังคม จะทำอะไรก็ได้ที่ทำคุณประโยชน์เเก่สังคม ซึ่งกิจกรรมนี้ในสาขาเเละคณะเรานั้นได้เรียนเเละผ่านมาก่อนเเล้ว เเต่คนที่จัดกิจกรรมคือกลุ่มเเฟนของเราเองค่ะ ซึ่งเราเรียนคนละคณะกัน เเฟนเลยถือโอกาสชวนเราไปด้วยเพื่อเป็นที่ปรึกษาเรื่องการจัดการหรือการดำเนินการต่างๆภายในค่ายที่เรากำลังจะไปกัน ต้องบอกว่ากิจกรรมที่จะทำนี้คือ กิจกรรมค่ายอาสาทาสีเเละซ่อมห้องพยาบาลให้น้องที่โรงเรียนวัดเเห่งหนึ่ง ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา กลุ่มเพื่อนๆของเเฟนเราที่ไปทำกิจกรรมกันนั้น รวมเเล้ว 12 คน บวกเราเพิ่ม รวมทั้งหมดก็13 คน เเบ่งเป็นชาย 4 คน หญิง9คนค่ะ เป้าหมายของพวกเราคือปรับปรุงซ่อมเเซมห้องพยาบาลให้เสร็จภายในเวลา 2 คืน 3 วัน ตกลงกับเพื่อนๆว่าจะเดินทางไปถึงโรงเรียน9โมงเช้าของวันศุกร์ด้วยรถตู้จ้างเหมา เเละรถส่วนตัวเเล้วเเต่ใครสะดวก เเต่เรากับเเฟนเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ จึงทำให้เดินทางไปถึงโรงเรียนก่อนเวลานัด1 ชั่วโมงเศษ
เมื่อไปถึงโรงเรียนเราก็เดินสำรวจรอบๆ ลักษณะโรงเรียนเป็นโรงเรียนขนาดเล็กตั้งอยู่ในบริเวณวัด รอบๆรั้ววัดเป็นกำเเพงที่ล้อมไปด้วยเจดีย์บรรจุอัฐิล้อมรอบ อาคารเรียนมี2อาคาร คืออาคารไม้เก่าเเก่ผุพังไปหมดเเล้วกับอาคารปูนสองขั้น ปัจจุบันมีนักเรียนตั้งเเต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงป.6ไม่ถึง30คน มีคุณครูเเละผอ.รวมกันเเล้ว4คน เด็กนักเรียนส่วนใหญ่จะไปเรียนในเมืองกันหมด ส่วนน้อยที่ยังเรียนที่นี่คือพ่อเเม่ยากจน บ้างก็เป็นเด็กกำพร้า กลุ่มเเฟนพวกเราเขาเลยเลือกที่จะทำกิจกรรมค่ายอาสาที่นี่ นำเงินที่หามาได้ซื้ออุปกรณ์การศึกษาต่างๆมาให้กับน้องๆนักเรียน พอมาถึงก็เจอคุณครูเเละท่านผอ. บอกว่าให้เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องได้เลย ครูเตรียมเสื่อปูให้เเล้ว พักผ่อนกันตามสบาย เเละช่วงเวลานั้นก็มีเสียงกลองภายในวัดดังขึ้นติดกันถี่ๆ เรากับเเฟนเเละเพื่อนๆเเฟนบางส่วนจึงลงมาว่าเกิดอะไรขึ้น คุณครูพี่เลี้ยงท่านหนึ่งบอกว่าวันนี้น้องๆนักศึกษาคงจะไม่เหงาเเละกลัวกันเเล้วเพราะว่าในวัดกำลังจะมีงานบุญใหญ่ ท่านเจ้าอาวาสพึ่งจะมรณภาพ ซึ่งเรากับกลุ่มเพื่อนเเฟนต่างพากันอึ้งไปสักพัก ก่อนจะเเยกย้ายกันไปเตรียมสิ่งของเพื่อจะทำกิจกรรมต่างๆ
จนเพื่อนมาครบทุกคน พอทำกิจกรรมเสร็จช่วงบ่ายๆ เพื่อนที่เป็นคนพื้นที่ชวนกันไปเล่นน้ำตก จนกลับมาถึงโรงเรียนก็ค่ำเเล้ว เเต่ละคนก็ทยอยกันไปอาบน้ำ ซึ่งต้องจินตนการตามเราไปนะคะ ว่าห้องที่พวกเราพักกันนั้นอยู่ชั้นสองของอาคารริมขวาสุด เเต่มีบันไดที่ลงจากตัวตึกเรียนจะอยู่ซ้ายมือทางเดียวเท่านั้น ส่วนตัวห้องน้ำจะอยู่เเยกจากตัวอาคาร ทางด้านขวามือของอาคาร มีทั้งหมดสามห้อง ข้างหลังตึกเเละห้องน้ำจะเป็นป่ากล้วย ป่าไผ่ เเละป่ายาง การที่จะเดินลงมาเข้าห้องน้ำได้นั้นจะต้องเดินจากทางขวาบนตึก ประมาณ4ห้องเพื่อมาลงบันได้ด้านซ้าย เเละต้องเดินจากด้านซ้ายมาอีก4ห้องเพื่อมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างๆอาคารทางด้านขวาของอาคาร ในส่วนของงานศพท่านเจ้าอาวาสนั้นวันเเรกก็ยังเงียบๆ มีเเค่การสวดทำวัดเย็นปกติไป จนเวลาสองทุ่มก็พากันอาบน้ำกินข้าวเสร็จ วันนี้ผอ.จะมานอนห้องพักครูเป็นเพื่อนเเค่วันเดียว
จนเวลา4ทุ่มเราก็ขึ้นห้องพักมานอน เพื่อนบางคนก็ยังนั่งเล่นมือถือบ้าง จับกลุ่มเล่นไพ่กันบ้าง ซึ่งเราก็เเยกตัวขึ้นมานอนก่อน ปล่อยให้เเฟนเรากับกลุ่มเพื่อนคนอื่นๆเขาคุยกัน เนื่องจากเราไม่รู้จักใครเลยนอกจากเเฟน เลยอาศัยขึ้นมานอนดูทีวีในห้องเรียนที่เป็นห้องพัก ก็จะมีทีวีสำหรับเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม เเต่ก็สามารถดูทีวีปกติได้จนเวลา5ทุ่มเราก็เริ่มง่วงเเละหลับไป สะดุ้งตื่นอีกทีคือเเฟนเรามานอนข้างๆเเล้วเเย่งผ้าห่มเราไป ซึ่งอากาศทางภาคใต้ช่วงนั้นจะเป็นหน้าฝน เพื่อนๆเเต่ละคนก็หลับกันหมดเเล้ว เเต่ไฟในห้องยังเปิดอยู่ เราก็นอนพลิกตัวไปมาเพราะหนาวเเย่งผ้าห่มจากเเฟนได้คนละครึ่ง เเฟนเรานอนหันหัวไปคนละทางกับเรา เรานอนหันหัวไปทางประตู ส่วนเเฟนจะนอนหันหัวไปทางหน้าต่าง ที่เรานอนหันหัวไปทางประตูเนื่องจากเพื่อนอีกเเถวหนึ่งนอนหันไปทางหน้าต่างเเล้ว เลยนอนให้เท้าชนกันจนในที่สุดเราก็หลับไป เเล้วเราก็ฝัน ในฝันมันน่ากลัวมากเราเห็นวิญญาณต่างๆกำลังวิ่งเหาะล่องลอยจะขึ้นมาบนอาคารเหมือนยังไงก็จะเข้ามาให้ได้ ในฝันเรากำลังนอนอยู่เเละมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดข้างนอกห้อง เเต่การนอนของเราคือหัวไปทางหน้าต่างเเละหันหน้าเข้าหาประตู แล้วก็ลุกขึ้นยืนออกไปข้างนอกห้องเเละอาคาร ในฝันเราได้เเต่กลัวเเละภาวนาว่าอย่าให้สัมภเวสีพวกนั้นขึ้นมาเเละเข้าในห้องมาได้เลย มันค่อยๆเข้าใกล้ตัวอาคารตรงระเบียงทางเดิน เเล้วจู่ๆก็ปรากฏพระรูปหนึ่งท่านมายืนหน้าห้อง เเล้วพูดว่าไม่ต้องขึ้นมา เขาพากันกลัวหมดเเล้ว เเล้วบอกให้เรากลับไปนอนที่เดิม พร้อมทั้งดุว่า เด็กพวกนี้พากันอยู่ยังไงถึงไม่พากันปิดประตูหน้าต่างนอน ทีวีก็เปิดไว้ ไฟก็ไม่ปิด เดี๋ยวท่านจะปิดประตูห้องให้เอง ในฝันคือท่านยื่นมือเข้ามาเเล้วกดลูกบิดล้อกให้ ซึ่งในความเป็นจริงเเล้วคนธรรมดาจะยื่นมือเข้ามากดล้อกลูกบิดจากข้างนอกได้หรือ จนเราสะดุ้งตื่นขึ้นมา ได้ยินเสียงทีวีเปิดอยู่
ก่อนหน้านั้นที่เราเเย่งผ้าห่มกับเเฟนคือเราจำได้ว่าทีวีก็ปิดเเล้วนี่เพราะเพื่อนเเต่ละคนก็หลังหมดเเล้ว เราพยายามข่มตานอนให้หลับจนเช้าตื่นมาเราก็ยังไม่กล้าเล่าอะไรให้ใครฟัง จนคุณครูถามว่าน้องๆเป็นยังไงกันบ้างหลับสบายกันไหม เราก็เลยถามไปว่าเมื่อคืนใครเปิดทีวีทิ้งไว้หรือเปล่า เเต่ละคนก็บอกว่าไม่มีนะ เพราะพากันเข้านอนห้าทุ่มเเล้ว เราเลยเล่าเรื่องที่ฝันทั้งหมดให้เเฟนเเละกลุ่มเพื่อนเเฟนบางคนฟัง รวมที้งคุณครูด้วย คุณครูบอกว่าคงเป็นเรื่องจริงเเละพระที่มาเข้าฝันเรานั้นคงเป็นท่านเจ้าอาวาส เพราะว่าท่านชอบมาเล่นกับเด็กๆนักเรียนบ่อย ท่านรักเด็กๆนักเรียนที่นี่มาก ชอบมาเล่นด้วยเเละมาสอนหนังสือประจำ และเเล้วเเฟนเราก็หลุดปากออกมาว่า ตอนแรกที่เราเล่าก็คงเป็นเเค่เรื่องคิดไปเอง เเต่เเฟนเราบอกว่าเมื่อคืนจำได้ไหมตอนเเรกเเฟนเรานอนเอาขามาทางประตูหัวไปทางหน้าต่าง ช่วงนั้นเเฟนสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะหนาวมากจะดึงเอาผ้าห่มจากเรา เเต่จู่ก็เห็นคนมายืนอยู่หน้าประตูห้อง ซึ่งจะมีช่องใต้ประตูที่ยกขึ้นมาเป็นขาคน นางค่อยๆดึงผ้าห่มเเละหันหัวนอนไปทางประตู เราเลยอ๋อขึ้นมาทันทีว่าทำไมเมื่อคืนนอนไปคนละทิศละทางเเต่เช้ามาทำไมถึงได้นอนหัวไปทางเดียวกัน เรื่องก็เป็นเเบบนี้นี่เอง เรากับเเฟนเเละกลุ่มเพื่อนเเฟนตัดสินใจไปกราบศพท่านตอนเช้า เเล้วทำให้เราอึ้งมากเพราะว่าคนที่มาปิดประตูให้เราในฝันคือท่านเจ้าอาวาสที่อยู่ในรูปภาพหน้าศพ เราก็ยังคิดอยู่เลยว่าท่านคงเป็นห่วงพวกเรา เเละมาปรากฏในฝันเพื่อปกป้องพวกเรา เเต่ก็ยังสงสัยว่าทำไมท่านต้องมาเข้าฝันเรากันเเน่ คิดๆดูเเล้วอาจจะเป็นเพราะว่าเรากับเเฟนไม่ใช้คนใต้ในบรรดากลุ่มเพื่อนทั้งหมดที่ไปทำกิจกรรม เลยเลือกที่จะมาเข้าฝันเรากับเเฟน เรื่องราวประสบการณ์หลอนของคืนเเรกของค่ายอาสาในโรงเรียนนี้ยังไม่หมด เดี๋ยวกลับมาต่อตอนเช้า ขอตัวไปนอนก่อนไม่ไหวเเล้ว.....
โรงเรียนผี
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 สมัยเราเป็นนักศึกษาของมหาลัยชื่อดังเเห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งตอนนั้นเรากำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่3 ทางมหาวิทยาลัยจะมีกิจกรรมเสริมหลักสูตรให้ทำขึ้นมา เป็นกิจกรรมเพื่อสังคม จะทำอะไรก็ได้ที่ทำคุณประโยชน์เเก่สังคม ซึ่งกิจกรรมนี้ในสาขาเเละคณะเรานั้นได้เรียนเเละผ่านมาก่อนเเล้ว เเต่คนที่จัดกิจกรรมคือกลุ่มเเฟนของเราเองค่ะ ซึ่งเราเรียนคนละคณะกัน เเฟนเลยถือโอกาสชวนเราไปด้วยเพื่อเป็นที่ปรึกษาเรื่องการจัดการหรือการดำเนินการต่างๆภายในค่ายที่เรากำลังจะไปกัน ต้องบอกว่ากิจกรรมที่จะทำนี้คือ กิจกรรมค่ายอาสาทาสีเเละซ่อมห้องพยาบาลให้น้องที่โรงเรียนวัดเเห่งหนึ่ง ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา กลุ่มเพื่อนๆของเเฟนเราที่ไปทำกิจกรรมกันนั้น รวมเเล้ว 12 คน บวกเราเพิ่ม รวมทั้งหมดก็13 คน เเบ่งเป็นชาย 4 คน หญิง9คนค่ะ เป้าหมายของพวกเราคือปรับปรุงซ่อมเเซมห้องพยาบาลให้เสร็จภายในเวลา 2 คืน 3 วัน ตกลงกับเพื่อนๆว่าจะเดินทางไปถึงโรงเรียน9โมงเช้าของวันศุกร์ด้วยรถตู้จ้างเหมา เเละรถส่วนตัวเเล้วเเต่ใครสะดวก เเต่เรากับเเฟนเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ จึงทำให้เดินทางไปถึงโรงเรียนก่อนเวลานัด1 ชั่วโมงเศษ
เมื่อไปถึงโรงเรียนเราก็เดินสำรวจรอบๆ ลักษณะโรงเรียนเป็นโรงเรียนขนาดเล็กตั้งอยู่ในบริเวณวัด รอบๆรั้ววัดเป็นกำเเพงที่ล้อมไปด้วยเจดีย์บรรจุอัฐิล้อมรอบ อาคารเรียนมี2อาคาร คืออาคารไม้เก่าเเก่ผุพังไปหมดเเล้วกับอาคารปูนสองขั้น ปัจจุบันมีนักเรียนตั้งเเต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงป.6ไม่ถึง30คน มีคุณครูเเละผอ.รวมกันเเล้ว4คน เด็กนักเรียนส่วนใหญ่จะไปเรียนในเมืองกันหมด ส่วนน้อยที่ยังเรียนที่นี่คือพ่อเเม่ยากจน บ้างก็เป็นเด็กกำพร้า กลุ่มเเฟนพวกเราเขาเลยเลือกที่จะทำกิจกรรมค่ายอาสาที่นี่ นำเงินที่หามาได้ซื้ออุปกรณ์การศึกษาต่างๆมาให้กับน้องๆนักเรียน พอมาถึงก็เจอคุณครูเเละท่านผอ. บอกว่าให้เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องได้เลย ครูเตรียมเสื่อปูให้เเล้ว พักผ่อนกันตามสบาย เเละช่วงเวลานั้นก็มีเสียงกลองภายในวัดดังขึ้นติดกันถี่ๆ เรากับเเฟนเเละเพื่อนๆเเฟนบางส่วนจึงลงมาว่าเกิดอะไรขึ้น คุณครูพี่เลี้ยงท่านหนึ่งบอกว่าวันนี้น้องๆนักศึกษาคงจะไม่เหงาเเละกลัวกันเเล้วเพราะว่าในวัดกำลังจะมีงานบุญใหญ่ ท่านเจ้าอาวาสพึ่งจะมรณภาพ ซึ่งเรากับกลุ่มเพื่อนเเฟนต่างพากันอึ้งไปสักพัก ก่อนจะเเยกย้ายกันไปเตรียมสิ่งของเพื่อจะทำกิจกรรมต่างๆ
จนเพื่อนมาครบทุกคน พอทำกิจกรรมเสร็จช่วงบ่ายๆ เพื่อนที่เป็นคนพื้นที่ชวนกันไปเล่นน้ำตก จนกลับมาถึงโรงเรียนก็ค่ำเเล้ว เเต่ละคนก็ทยอยกันไปอาบน้ำ ซึ่งต้องจินตนการตามเราไปนะคะ ว่าห้องที่พวกเราพักกันนั้นอยู่ชั้นสองของอาคารริมขวาสุด เเต่มีบันไดที่ลงจากตัวตึกเรียนจะอยู่ซ้ายมือทางเดียวเท่านั้น ส่วนตัวห้องน้ำจะอยู่เเยกจากตัวอาคาร ทางด้านขวามือของอาคาร มีทั้งหมดสามห้อง ข้างหลังตึกเเละห้องน้ำจะเป็นป่ากล้วย ป่าไผ่ เเละป่ายาง การที่จะเดินลงมาเข้าห้องน้ำได้นั้นจะต้องเดินจากทางขวาบนตึก ประมาณ4ห้องเพื่อมาลงบันได้ด้านซ้าย เเละต้องเดินจากด้านซ้ายมาอีก4ห้องเพื่อมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างๆอาคารทางด้านขวาของอาคาร ในส่วนของงานศพท่านเจ้าอาวาสนั้นวันเเรกก็ยังเงียบๆ มีเเค่การสวดทำวัดเย็นปกติไป จนเวลาสองทุ่มก็พากันอาบน้ำกินข้าวเสร็จ วันนี้ผอ.จะมานอนห้องพักครูเป็นเพื่อนเเค่วันเดียว
จนเวลา4ทุ่มเราก็ขึ้นห้องพักมานอน เพื่อนบางคนก็ยังนั่งเล่นมือถือบ้าง จับกลุ่มเล่นไพ่กันบ้าง ซึ่งเราก็เเยกตัวขึ้นมานอนก่อน ปล่อยให้เเฟนเรากับกลุ่มเพื่อนคนอื่นๆเขาคุยกัน เนื่องจากเราไม่รู้จักใครเลยนอกจากเเฟน เลยอาศัยขึ้นมานอนดูทีวีในห้องเรียนที่เป็นห้องพัก ก็จะมีทีวีสำหรับเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม เเต่ก็สามารถดูทีวีปกติได้จนเวลา5ทุ่มเราก็เริ่มง่วงเเละหลับไป สะดุ้งตื่นอีกทีคือเเฟนเรามานอนข้างๆเเล้วเเย่งผ้าห่มเราไป ซึ่งอากาศทางภาคใต้ช่วงนั้นจะเป็นหน้าฝน เพื่อนๆเเต่ละคนก็หลับกันหมดเเล้ว เเต่ไฟในห้องยังเปิดอยู่ เราก็นอนพลิกตัวไปมาเพราะหนาวเเย่งผ้าห่มจากเเฟนได้คนละครึ่ง เเฟนเรานอนหันหัวไปคนละทางกับเรา เรานอนหันหัวไปทางประตู ส่วนเเฟนจะนอนหันหัวไปทางหน้าต่าง ที่เรานอนหันหัวไปทางประตูเนื่องจากเพื่อนอีกเเถวหนึ่งนอนหันไปทางหน้าต่างเเล้ว เลยนอนให้เท้าชนกันจนในที่สุดเราก็หลับไป เเล้วเราก็ฝัน ในฝันมันน่ากลัวมากเราเห็นวิญญาณต่างๆกำลังวิ่งเหาะล่องลอยจะขึ้นมาบนอาคารเหมือนยังไงก็จะเข้ามาให้ได้ ในฝันเรากำลังนอนอยู่เเละมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดข้างนอกห้อง เเต่การนอนของเราคือหัวไปทางหน้าต่างเเละหันหน้าเข้าหาประตู แล้วก็ลุกขึ้นยืนออกไปข้างนอกห้องเเละอาคาร ในฝันเราได้เเต่กลัวเเละภาวนาว่าอย่าให้สัมภเวสีพวกนั้นขึ้นมาเเละเข้าในห้องมาได้เลย มันค่อยๆเข้าใกล้ตัวอาคารตรงระเบียงทางเดิน เเล้วจู่ๆก็ปรากฏพระรูปหนึ่งท่านมายืนหน้าห้อง เเล้วพูดว่าไม่ต้องขึ้นมา เขาพากันกลัวหมดเเล้ว เเล้วบอกให้เรากลับไปนอนที่เดิม พร้อมทั้งดุว่า เด็กพวกนี้พากันอยู่ยังไงถึงไม่พากันปิดประตูหน้าต่างนอน ทีวีก็เปิดไว้ ไฟก็ไม่ปิด เดี๋ยวท่านจะปิดประตูห้องให้เอง ในฝันคือท่านยื่นมือเข้ามาเเล้วกดลูกบิดล้อกให้ ซึ่งในความเป็นจริงเเล้วคนธรรมดาจะยื่นมือเข้ามากดล้อกลูกบิดจากข้างนอกได้หรือ จนเราสะดุ้งตื่นขึ้นมา ได้ยินเสียงทีวีเปิดอยู่
ก่อนหน้านั้นที่เราเเย่งผ้าห่มกับเเฟนคือเราจำได้ว่าทีวีก็ปิดเเล้วนี่เพราะเพื่อนเเต่ละคนก็หลังหมดเเล้ว เราพยายามข่มตานอนให้หลับจนเช้าตื่นมาเราก็ยังไม่กล้าเล่าอะไรให้ใครฟัง จนคุณครูถามว่าน้องๆเป็นยังไงกันบ้างหลับสบายกันไหม เราก็เลยถามไปว่าเมื่อคืนใครเปิดทีวีทิ้งไว้หรือเปล่า เเต่ละคนก็บอกว่าไม่มีนะ เพราะพากันเข้านอนห้าทุ่มเเล้ว เราเลยเล่าเรื่องที่ฝันทั้งหมดให้เเฟนเเละกลุ่มเพื่อนเเฟนบางคนฟัง รวมที้งคุณครูด้วย คุณครูบอกว่าคงเป็นเรื่องจริงเเละพระที่มาเข้าฝันเรานั้นคงเป็นท่านเจ้าอาวาส เพราะว่าท่านชอบมาเล่นกับเด็กๆนักเรียนบ่อย ท่านรักเด็กๆนักเรียนที่นี่มาก ชอบมาเล่นด้วยเเละมาสอนหนังสือประจำ และเเล้วเเฟนเราก็หลุดปากออกมาว่า ตอนแรกที่เราเล่าก็คงเป็นเเค่เรื่องคิดไปเอง เเต่เเฟนเราบอกว่าเมื่อคืนจำได้ไหมตอนเเรกเเฟนเรานอนเอาขามาทางประตูหัวไปทางหน้าต่าง ช่วงนั้นเเฟนสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะหนาวมากจะดึงเอาผ้าห่มจากเรา เเต่จู่ก็เห็นคนมายืนอยู่หน้าประตูห้อง ซึ่งจะมีช่องใต้ประตูที่ยกขึ้นมาเป็นขาคน นางค่อยๆดึงผ้าห่มเเละหันหัวนอนไปทางประตู เราเลยอ๋อขึ้นมาทันทีว่าทำไมเมื่อคืนนอนไปคนละทิศละทางเเต่เช้ามาทำไมถึงได้นอนหัวไปทางเดียวกัน เรื่องก็เป็นเเบบนี้นี่เอง เรากับเเฟนเเละกลุ่มเพื่อนเเฟนตัดสินใจไปกราบศพท่านตอนเช้า เเล้วทำให้เราอึ้งมากเพราะว่าคนที่มาปิดประตูให้เราในฝันคือท่านเจ้าอาวาสที่อยู่ในรูปภาพหน้าศพ เราก็ยังคิดอยู่เลยว่าท่านคงเป็นห่วงพวกเรา เเละมาปรากฏในฝันเพื่อปกป้องพวกเรา เเต่ก็ยังสงสัยว่าทำไมท่านต้องมาเข้าฝันเรากันเเน่ คิดๆดูเเล้วอาจจะเป็นเพราะว่าเรากับเเฟนไม่ใช้คนใต้ในบรรดากลุ่มเพื่อนทั้งหมดที่ไปทำกิจกรรม เลยเลือกที่จะมาเข้าฝันเรากับเเฟน เรื่องราวประสบการณ์หลอนของคืนเเรกของค่ายอาสาในโรงเรียนนี้ยังไม่หมด เดี๋ยวกลับมาต่อตอนเช้า ขอตัวไปนอนก่อนไม่ไหวเเล้ว.....