สวัสดีค่ะ จิรันเอง!! หลังจากที่ใจเป๋ทำให้สติฟุ้งซ่าน เราจึงต้องใช้เวลาว่างๆ เปลี่ยนจากฟุ้งซ่านให้เป็นความสุขค่ะ
เราย้อนไปคิดถึงความสุขที่ผ่านมา ทำให้เรายิ้มแย้ม ทำให้เราหัวเราะราวกับคนบ้า นั่นคือการท่องเที่ยวนั่นเองค่ะ
ขอยกเรื่อง เชียงดาวมีกวาง ขุนวางมีเสือ เมื่อวันที่ 2-6 กพ. 60 ที่ผ่านมา
คืนที่ 2 ก.พ. ยัน เช้าที่ 6 ก.พ. ปี 2560 ❤❤
วางแผนนับคน โอนเงินมามัดจำ เบ็ดเสร็จหกคนมุ่งตรงไปเชียงใหม่ จากประโยคง่ายๆ....ไปเชียงใหม่กัน!!
(แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปตรงไหนของเชียงใหม่) หาข้อมูลไม่นานเท่าไหร่ อ๋อ..!! ไปขึ้นดอยหลวงเชียงดาว...เป็นห่วงผู้ร่วมทริปขึ้นมาทันที
การเดินทางเริ่มขึ้นคืนวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ. 2560 เพื่อนๆ รวมตัวกันขึ้นรถทัวร์นครชัยแอร์ สถานีกรุงเทพ เวลาสองทุ่ม
แต่เรารอขึ้นระหว่างทางที่สถานีรังสิต เวลาสามทุ่ม ตรงขึ้นเหนือเมืองเชียงใหม่
ลงรถตอนตีสี่เศษๆ ของวันศุกร์ที่ 3 ก.พ. 2560 ต้องนั่งรถสองแถวต่อไป บขส. ช้างเผือก เพื่อต่อรถเมล์ไป อ.เชียงดาว...เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
เราลงรถที่โลตัสเชียงดาว ยืนรอ เดินรอ พี่เอ (คนที่เราติดต่อให้เป็นผู้นำทางขึ้นดอยหลวง) พี่เอมารับกลุ่มเราเข้าไปที่บ้านเพื่อเตรียมสัมภาระ
และนั่งรถเพื่อจะไปจุดเริ่มเดินที่ฝั่งเด่นหญ้าขัด ระหว่างทางไปนั้นหาทางเรียบไม่ได้เลย ตูดไม่ติดเบาะหัวสั่นคลอนๆ ไม่เป็นจังหวะ
มาถึงจุดสตาร์ท เวลาเกือบสิบโมงยืนมองต้นพญาเสือโคร่งดอกสีชมพู สามนาที ถ่ายรูปอีก สี่ ห้า แช๊ะ! แวะเข้าห้องน้ำ
จากนั้นลุยกันเลย......
ทางเดินของดอยหลวงเชียงดาวเรียบๆ ยาวๆ ไม่ชันหนัก ไม่โหดจัด เดินเหนื่อยดี เหมือนรีวิวที่เค้ามีกันนั่นแหละค่ะ
ถึงจุดกางเต้นท์เกือบสี่โมงเย็น พี่เอและพวกพ้องกางเต้นท์ให้พวกเรานอนพักผ่อน นวดขา และเรามีอีกภาระกิจนึงคือ
พี่เอพาเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกบนยอดดอยหลวงเชียงดาว ต้องพกไฟฉายไปด้วยนะ (เครื่องมือหากินเลยหร่ะ)
ระยะทางไม่ไกลแต่ความชันโหดหนักและจัดมาก! (ไม่มีภาพทางขึ้นมาฝากเพราะต้องเดินสี่ขา มือเกาะ ขาจิก บางทีต้องนั่งไถ ปีนอีกต่างหาก)
แต่เมื่อขึ้นไปถึงแล้วลืมเหนื่อยเลยค่ะ ท่ามกลางวิว 360องศา ลมหนาวเย็นๆ ปะทะหน้า เฝ้ามองพระอาทิตย์ตกไปจนลับตา
ได้เวลาเดินกลับขาขึ้นโหดขนาดไหน ขาลงโหดไม่ต่างกัน บังคับตัวเองอย่าให้ล้ม อย่าให้ลื่น ถึงเต้นท์ปุ๊ปท้องร้องปั๊บ
พี่ๆ ทีมงานจัดเตรียมอาหารไว้ให้เรียบร้อย เมนูหมูกะทะบนยอดดอยหลวง เป็นหมูกะทะที่น่าจดจำ ท้องอิ่ม หนังตาตก
แยกย้าย เข้าที่นอน พักผ่อนกายา หมดคืนหรรษา นิทรากันยาวไป หมดวันหมดคืน!
เช้าวันเสาร์ที่ 4 ก.พ. 2560 ตื่นตีห้าเพราะตั้งใจเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วลม ระยะทางไม่ใกล้แต่ไม่ไกล และไม่ง่ายด้วยต้องเดินตามแสงไฟฉาย เหยียบหินค่อยๆ ปีนขึ้นไปจนถึงจุดชมวิว (ลมแรงและหนาวมาก) รอจนพระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวงท้องฟ้าสว่างคาตา
ได้เวลากลับเต้นท์ เดินเล่นตามทาง รอบข้างมีแต่ดอกไม้ใบหญ้า คว้ามือถือมาถ่ายรูปตามอัธยาศัย กลับถึงที่พักทานอาหารเช้า เวลาประมาณเก้าโมงเราเตรียมตัวเดินลงดอย แต่ทางเดินลงเราจะเดินคนละทางกับทางขึ้น ขาลงนี้ชื่อว่า ปางวัว ระยะทางสั้นกว่าเพราะมันชันกว่านั้นเอง ต้องอาศัยพลังการจิกเท้าพอสมควร ลงมาถึงข้างล่างประมาณบ่ายสองให้เพื่อนจัดแป๊ปซี่ไว้ให้ มันชื่นใจจริงจริ๊ง
เราเดินทางกลับไปบ้านพี่เอเตรียมตัวเก็บของ จ้างให้พี่เอไปส่งเราที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงขุนวาง เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันไกลกันขนาดไหน
มารู้อีกทีคือว่า มันอยู่กันคนละฟากของจังหวัดเชียงใหม่เลยคร่าาา คนขับรถไม่รู้ทาง คนนำทางไม่มี ต้องอาศัย GPS ทันที ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
ไปถึงตอนสองทุ่ม พอดิบพอดี ทำการ Check in เข้าบ้านกันโดยไม่โอ้เอ้เลยจร้า (ต้องขอบคุณพี่เอ กับพี่ชายพี่เอ มากๆ) หมดวันหมดคืน!
เช้าวันอาทิตย์ที่ 5 ก.พ. 2560 ที่ขุนวาง ตอนกลางคืนไม่เห็นอะไรเลยไม่ได้มองอะไรด้วยเพราะทุกอย่างเป็นไปอย่างเร่งรีบ แต่เช้านี้พอได้เห็นแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจจริงๆ ดอกพญาเสือโคร่งสีชมพูเต็มฟ้า (ช่วงปลายแล้วแต่ยังเยอะอยู่ ถ้าช่วงสะพรั่งจะสวยขนาดไหน) ไล่ระดับพื้นหญ้าสีเขียว ต้นไม้สีน้ำตาล พวงดอกบานสีชมพู มีพื้นหลังเป็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใส มันบรรยายเป็นคำพูดได้คำเดียวว่า "สวยจัง"
พวกเราใช้เวลาถ่ายรูปอยู่ซักพัก รถเช่าที่เราติดต่อพร้อมคนขับไว้ก็มาพอดีต้องขนของกลับกันแล้วซี...รู้สึกว่าเวลามันน้อยจัง เก็บภาพได้ไม่ครบทุกมุมต้องกลับแระ ยังเสียดายอยู่เลย...แต่เราต้องไปต่อค่ะ สมาชิกทุกคนตุนสตอเบอรี่กันไปหลายกล่อง ระหว่างทางได้แวะเข้าไปชมน้ำตกแม่ยะ ทางเข้าไปลึกลับมาก ไม่ถิ่น ไม่ทัวร์ ไม่รู้นะเนี่ยะ ชื่นชม รู้เห็นเสร็จก็ออกไปหาของกินกันต่อ แล้วพี่รถเช่าพาเราไปทิ้งไว้ที่ถนนคนเดินประตูท่าแพร คนเยอะมาก สินค้าก็เยอะมากเช่นกัน เดินผ่านแบบห้ามหวนกลับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เดินสุดถนน (คือเดินรีบมากแบบดูอย่างเดียวแต่ไม่มีเวลาซื้อ) พี่รถเช่าวนรถมารับพวกเราที่อีกฝั่งของตลาดแล้วพาเราไปส่งที่ บขส. อาเขตเชียงใหม่ รอขึ้นรถตอนสองทุ่ม จากนั้นก็นอนหลับกันยาวไป หมดวันหมดคืน!
เราขอลงระหว่างทาง มาถึงจุดลงรถของเราตอนตีสี่หน่อยๆ ส่วนเพื่อนๆ ต้องไปลงรถที่ สถานีกรุงเทพ เราเข้าที่พักได้นอนต่ออีกชั่วโมงเศษๆ
เช้าวันจันทร์ที่ 6 ก.พ. 2560 ลุกจากที่นอนหกโมงครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว ไปทำงานที่เรารัก....
จบแล้วววว
ปล. เดินขึ้นดอยหลวงเชียงดาวเราจ่ายเหมาคนละ 2,700 บาท 2 วัน 1 คืน (ผู้นำชื่อพี่เอ ดูแลดี แบกของให้ อาหาร 4 มื้อ มีห้องน้ำส่วนตัว)
[CR] (ดอยหลวง) เชียงดาวมีกวาง : ขุนวางมีเสือ (2-6 ก.พ. 60)
เราย้อนไปคิดถึงความสุขที่ผ่านมา ทำให้เรายิ้มแย้ม ทำให้เราหัวเราะราวกับคนบ้า นั่นคือการท่องเที่ยวนั่นเองค่ะ
ขอยกเรื่อง เชียงดาวมีกวาง ขุนวางมีเสือ เมื่อวันที่ 2-6 กพ. 60 ที่ผ่านมา
คืนที่ 2 ก.พ. ยัน เช้าที่ 6 ก.พ. ปี 2560 ❤❤
วางแผนนับคน โอนเงินมามัดจำ เบ็ดเสร็จหกคนมุ่งตรงไปเชียงใหม่ จากประโยคง่ายๆ....ไปเชียงใหม่กัน!!
(แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปตรงไหนของเชียงใหม่) หาข้อมูลไม่นานเท่าไหร่ อ๋อ..!! ไปขึ้นดอยหลวงเชียงดาว...เป็นห่วงผู้ร่วมทริปขึ้นมาทันที
การเดินทางเริ่มขึ้นคืนวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ. 2560 เพื่อนๆ รวมตัวกันขึ้นรถทัวร์นครชัยแอร์ สถานีกรุงเทพ เวลาสองทุ่ม
แต่เรารอขึ้นระหว่างทางที่สถานีรังสิต เวลาสามทุ่ม ตรงขึ้นเหนือเมืองเชียงใหม่
ลงรถตอนตีสี่เศษๆ ของวันศุกร์ที่ 3 ก.พ. 2560 ต้องนั่งรถสองแถวต่อไป บขส. ช้างเผือก เพื่อต่อรถเมล์ไป อ.เชียงดาว...เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
เราลงรถที่โลตัสเชียงดาว ยืนรอ เดินรอ พี่เอ (คนที่เราติดต่อให้เป็นผู้นำทางขึ้นดอยหลวง) พี่เอมารับกลุ่มเราเข้าไปที่บ้านเพื่อเตรียมสัมภาระ
และนั่งรถเพื่อจะไปจุดเริ่มเดินที่ฝั่งเด่นหญ้าขัด ระหว่างทางไปนั้นหาทางเรียบไม่ได้เลย ตูดไม่ติดเบาะหัวสั่นคลอนๆ ไม่เป็นจังหวะ
มาถึงจุดสตาร์ท เวลาเกือบสิบโมงยืนมองต้นพญาเสือโคร่งดอกสีชมพู สามนาที ถ่ายรูปอีก สี่ ห้า แช๊ะ! แวะเข้าห้องน้ำ
จากนั้นลุยกันเลย......
ทางเดินของดอยหลวงเชียงดาวเรียบๆ ยาวๆ ไม่ชันหนัก ไม่โหดจัด เดินเหนื่อยดี เหมือนรีวิวที่เค้ามีกันนั่นแหละค่ะ
ถึงจุดกางเต้นท์เกือบสี่โมงเย็น พี่เอและพวกพ้องกางเต้นท์ให้พวกเรานอนพักผ่อน นวดขา และเรามีอีกภาระกิจนึงคือ
พี่เอพาเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกบนยอดดอยหลวงเชียงดาว ต้องพกไฟฉายไปด้วยนะ (เครื่องมือหากินเลยหร่ะ)
ระยะทางไม่ไกลแต่ความชันโหดหนักและจัดมาก! (ไม่มีภาพทางขึ้นมาฝากเพราะต้องเดินสี่ขา มือเกาะ ขาจิก บางทีต้องนั่งไถ ปีนอีกต่างหาก)
แต่เมื่อขึ้นไปถึงแล้วลืมเหนื่อยเลยค่ะ ท่ามกลางวิว 360องศา ลมหนาวเย็นๆ ปะทะหน้า เฝ้ามองพระอาทิตย์ตกไปจนลับตา
ได้เวลาเดินกลับขาขึ้นโหดขนาดไหน ขาลงโหดไม่ต่างกัน บังคับตัวเองอย่าให้ล้ม อย่าให้ลื่น ถึงเต้นท์ปุ๊ปท้องร้องปั๊บ
พี่ๆ ทีมงานจัดเตรียมอาหารไว้ให้เรียบร้อย เมนูหมูกะทะบนยอดดอยหลวง เป็นหมูกะทะที่น่าจดจำ ท้องอิ่ม หนังตาตก
แยกย้าย เข้าที่นอน พักผ่อนกายา หมดคืนหรรษา นิทรากันยาวไป หมดวันหมดคืน!
เช้าวันเสาร์ที่ 4 ก.พ. 2560 ตื่นตีห้าเพราะตั้งใจเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วลม ระยะทางไม่ใกล้แต่ไม่ไกล และไม่ง่ายด้วยต้องเดินตามแสงไฟฉาย เหยียบหินค่อยๆ ปีนขึ้นไปจนถึงจุดชมวิว (ลมแรงและหนาวมาก) รอจนพระอาทิตย์ขึ้นเต็มดวงท้องฟ้าสว่างคาตา
ได้เวลากลับเต้นท์ เดินเล่นตามทาง รอบข้างมีแต่ดอกไม้ใบหญ้า คว้ามือถือมาถ่ายรูปตามอัธยาศัย กลับถึงที่พักทานอาหารเช้า เวลาประมาณเก้าโมงเราเตรียมตัวเดินลงดอย แต่ทางเดินลงเราจะเดินคนละทางกับทางขึ้น ขาลงนี้ชื่อว่า ปางวัว ระยะทางสั้นกว่าเพราะมันชันกว่านั้นเอง ต้องอาศัยพลังการจิกเท้าพอสมควร ลงมาถึงข้างล่างประมาณบ่ายสองให้เพื่อนจัดแป๊ปซี่ไว้ให้ มันชื่นใจจริงจริ๊ง
เราเดินทางกลับไปบ้านพี่เอเตรียมตัวเก็บของ จ้างให้พี่เอไปส่งเราที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงขุนวาง เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันไกลกันขนาดไหน
มารู้อีกทีคือว่า มันอยู่กันคนละฟากของจังหวัดเชียงใหม่เลยคร่าาา คนขับรถไม่รู้ทาง คนนำทางไม่มี ต้องอาศัย GPS ทันที ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
ไปถึงตอนสองทุ่ม พอดิบพอดี ทำการ Check in เข้าบ้านกันโดยไม่โอ้เอ้เลยจร้า (ต้องขอบคุณพี่เอ กับพี่ชายพี่เอ มากๆ) หมดวันหมดคืน!
เช้าวันอาทิตย์ที่ 5 ก.พ. 2560 ที่ขุนวาง ตอนกลางคืนไม่เห็นอะไรเลยไม่ได้มองอะไรด้วยเพราะทุกอย่างเป็นไปอย่างเร่งรีบ แต่เช้านี้พอได้เห็นแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจจริงๆ ดอกพญาเสือโคร่งสีชมพูเต็มฟ้า (ช่วงปลายแล้วแต่ยังเยอะอยู่ ถ้าช่วงสะพรั่งจะสวยขนาดไหน) ไล่ระดับพื้นหญ้าสีเขียว ต้นไม้สีน้ำตาล พวงดอกบานสีชมพู มีพื้นหลังเป็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใส มันบรรยายเป็นคำพูดได้คำเดียวว่า "สวยจัง"
พวกเราใช้เวลาถ่ายรูปอยู่ซักพัก รถเช่าที่เราติดต่อพร้อมคนขับไว้ก็มาพอดีต้องขนของกลับกันแล้วซี...รู้สึกว่าเวลามันน้อยจัง เก็บภาพได้ไม่ครบทุกมุมต้องกลับแระ ยังเสียดายอยู่เลย...แต่เราต้องไปต่อค่ะ สมาชิกทุกคนตุนสตอเบอรี่กันไปหลายกล่อง ระหว่างทางได้แวะเข้าไปชมน้ำตกแม่ยะ ทางเข้าไปลึกลับมาก ไม่ถิ่น ไม่ทัวร์ ไม่รู้นะเนี่ยะ ชื่นชม รู้เห็นเสร็จก็ออกไปหาของกินกันต่อ แล้วพี่รถเช่าพาเราไปทิ้งไว้ที่ถนนคนเดินประตูท่าแพร คนเยอะมาก สินค้าก็เยอะมากเช่นกัน เดินผ่านแบบห้ามหวนกลับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เดินสุดถนน (คือเดินรีบมากแบบดูอย่างเดียวแต่ไม่มีเวลาซื้อ) พี่รถเช่าวนรถมารับพวกเราที่อีกฝั่งของตลาดแล้วพาเราไปส่งที่ บขส. อาเขตเชียงใหม่ รอขึ้นรถตอนสองทุ่ม จากนั้นก็นอนหลับกันยาวไป หมดวันหมดคืน!
เราขอลงระหว่างทาง มาถึงจุดลงรถของเราตอนตีสี่หน่อยๆ ส่วนเพื่อนๆ ต้องไปลงรถที่ สถานีกรุงเทพ เราเข้าที่พักได้นอนต่ออีกชั่วโมงเศษๆ
เช้าวันจันทร์ที่ 6 ก.พ. 2560 ลุกจากที่นอนหกโมงครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว ไปทำงานที่เรารัก....
จบแล้วววว
ปล. เดินขึ้นดอยหลวงเชียงดาวเราจ่ายเหมาคนละ 2,700 บาท 2 วัน 1 คืน (ผู้นำชื่อพี่เอ ดูแลดี แบกของให้ อาหาร 4 มื้อ มีห้องน้ำส่วนตัว)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้