คือเราเลือกยี่ห้อนี้เพราะว่า มันเป็นระบบใหม่ด้วย และจากที่ค้นหาข้อมูลในเว็บต่างๆ กับการสอบถามหน้าร้าน ตัวระบบ X-Inverter มันช่วยเราประหยัดค่าไฟได้ประมาณ 30% กว่าๆ ต่อปี แถมยังมีฟังก์ชันอื่นๆ อีกเพียบ แต่ฟังก์ชันที่เราสนใจที่สุดคือ PM 2.5 FILTER กับ X–IONIZER อันนี้โคตรสำคัญ รู้ๆ กันอยู่ว่าช่วงนี้อากาศบ้านเราค่อนข้างแย่ นอกจากจะหาแอร์เย็นๆ แล้ว ก็ต้องดูแลสุขภาพกันหน่อยอะ

ช่างแอร์เค้าจะมีการแบ่งงานกัน คนนึงเตรียมผนัง คนนึงเช็คเครื่อง เช็คแผง จัดการต่อท่อต่ออะไรต่างๆให้ครบ อีกคนก็ช่วยเตรียมหยิบจับอุปกรณ์ จากที่สังเกต ตัวแผงกันฝุ่นค่อนข้างดีเลย ดูหนาและมีหลายชั้น เบาใจเรื่องสุขภาพได้ประมาณนึง ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ก็ดูจะทนดี โดยที่ตัวแรกเราติดในห้องนอนก่อน

มีติดเพิ่มอีกตัวที่ห้องด้านนอก เผื่อญาติพี่น้อง หรือเพื่อนๆ มาหา จะได้ไม่ร้อนกัน ซึ่งตัวที่ติดด้านนอกก็รุ่นเดียวกับในห้องนอนเนี่ยแหละ

ภาพแอร์ตัวที่ติดด้านนอก (ลืมถ่ายตอนติดตั้งให้ดู แต่วิธีการก็เหมือนกับในห้องนอนอะแหละ)

ก่อนช่างแอร์จะกลับ เขาแนะนำให้เราทดลองเปิด-ปิดเครื่องด้วย เพื่อเช็คว่าแอร์ทำงานปกติดีหรือเย็นมั้ย อีกอย่างที่เราอยากทดลองเลยก็คือ ตรวจวัดค่าฝุ่น ก็เลยให้แฟนเอาเครื่องนี้มาวัดให้ดูเลย

จากที่ลองวัดค่าของฝุ่น PM 2.5 แล้ว พบว่าค่าฝุ่นอยู่ที่ 26 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คือเทียบจากมาตรฐานของไทยในปี 2553 ที่ถูกตั้งไว้ว่าเฉลี่ยภายใน 24 ชม. ไม่ควรเกิน 50 ไมโครกรัม ห้องเราขึ้นแค่นี้ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานอยู่นะ อากาศดีเลยแหละ (ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง PM 2.5 จากเว็บ ลองไปอ่านเพิ่มเติมได้นะ)

สรุปค่าใช้จ่ายการเปลี่ยนและเพิ่มแอร์ใหม่ไปทั้งสิ้น

สรุป การติดตั้งครั้งนี้ใช้ทีมช่างจาก Modern Air เครื่องมือพร้อมมาก มีการแนะนำความรู้เบื้องต้นค่อนข้างดี หลังติดตั้งเก็บกวาดเรียบร้อย และมีการเช็คแอร์ในส่วนต่างๆ ให้ก่อนกลับด้วย ในส่วนค่าใช้จ่ายมีส่วนลดจากการเทิร์นแอร์เก่ากับส่วนลดตอนสั่งซื้อหน้าร้านที่เป็นช่วงโปรฯ พอดี มีรับประกันอะไหล่ 5 ปี กับคอมเพรสเซอร์ 10 ปี ทีนี้ก็ต้องมารอดูกันต่อว่าค่าไฟจะลดลงตามที่เขาว่ากันมั้ย ถ้าลดลงจริงนี่คือดีเลยนะ แล้วเพื่อนๆ ที่อยู่คอนโดหรือคนที่จะเปลี่ยนแอร์ใหม่ เลือกติดยี่ห้ออะไรกันบ้าง มาเล่าสู่กันฟังหน่อย