Bueno dias = สวัสดีค่ะ

Grazias = ขอบคุณค่ะ
Muy bueno. = อร่อยมากๆค่ะ

Todo bien. = ทุกอย่างโอเคค่ะ

นี่คือสี่ประโยคคลาสสิกที่อิชั้นพูดตลอดทั้งเจ็ดวันที่อยู่สเปนทางแถบภาคเหนือ แวะไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมงานของคุณสามีมาค่ะ ไปกันหกคน โดยมีเพื่อน...ฟาบริเป็นหัวหน้าทัวร์และพลขับรถเช่าตลอดทั้งเจ็ดวัน พวกเราเคยไปเที่ยวสเปนทางภาคใต้มาด้วยกันมาก่อน ทริปนี้เลยไว้ใจให้ฟาบริเป็นคนแพลนทั้งหมด ไฟล์ทบินเอย ราคาค่าตั๋ว ไปลงสนามบินอะไร กี่โมง รถเช่า พักที่ไหน ไปเมืองไหนบ้าง พวกเราที่เหลือหกคนไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่าบินกับสายการบินไรอันแอร์และไม่โหลดกระเป๋า ดูแผนที่ประเทศสเปนกันก่อนค่ะ เราไปเมืองแถบๆตอนบนของประเทศ เลียบชายฝั่งไปเรื่อยๆ 

สุดท้ายแล้วพวกเราขับรถไปเจอกันที่สนามบิน Orio Al Serio เมืองแบร์กาโม่ (มีรถบัสวิ่งบริการจากสถานีรถไฟมิลานมาที่นี่ด้วยนะคะ เผื่อใครต้องบินโลวคอสต์ในอิตาลีไปประเทศอื่นๆในยุโรป) เพื่อนบอกว่าให้ไปเจอกันสักสี่โมงเย็น รวมพลกันได้ปุ๊บ ฟาบริแจกกระดาษบอร์ดดิ้งพาสที่ฮีเช็คอินล่วงหน้ามาให้ เดินเรียงแถวเข้าไปได้เลย สนามบินเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก แต่มีร้านขายของกินหรือให้ช้อปปิ้งแน่นอนค่ะ พวกเรานั่งกินขนมรองท้องกันไป ไฟลต์ออกตอนหกโมงครึ่งโน่นแน่ะ

ปล.น้ำเปล่าในสนามบินจากตู้กดอัตโนมัติขวดเล็ก 1.50 ยูโร ราคาไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

บินไปลงเมือง Vitoria สนามบินที่นั่นเล็กจิ๋วยังกะสนามบินนราธิวาสใกล้บ้านอิชั้น เดินออกมาปุ๊บ มีรถบัสพาเข้าเมือง จ่ายไปคนละสองสามยูโรกระมัง ฟาบริจองโรงแรมไว้แค่คืนเดียวที่เหลือก็ ค่ำไหนนอนนั่น ฮีบอกอย่างนั้น กระทู้นี้จะขอรีวิวเฉพาะอาหารที่อิชั้นกินเป็นหลัก มีบางจานที่กินรวมกับเพื่อนๆ สั่งมาจานเดียวใหญ่ๆ แล้วแบ่งกันกิน เอาละ มาดูรูปของกินกันเถอะค่ะ

เริ่มจากแซนวิชอันเท่าขาของอิชั้น เนื่องด้วยถึงดึกและไม่อยากเดินหาร้านอะไรอีกแล้ว เลยแวะบาร์ที่มีวัยรุ่นยืนออดื่มเบียร์กันอยู่หน้าร้าน สั่งเฟร้นฟราย์ทอดราดหน้าด้วยชีสมากินก่อน สั่งตามโต๊ะข้างๆ แล้วกินแซนวิชหกอันนี้ กินกันหกคน ก็หมดอยู่นะ ตามด้วยไวน์แดงไปหนึ่งแก้ว อิชั้นก็เดินตัวลอยๆกลับโรงแรมอย่างสบายใจ

อาหารเช้าวันแรก ตอนแปดโมงครึ่ง คือเวลาอาหารเช้าของพวกเราทุกวัน โรงแรมที่นอนกันนั้น ไม่รวมอาหารเช้า ก็คืนละ 60 euro ต่อสองคนอ่ะนะ แต่จ่ายเพิ่มคนละ 3 ยูโร ไปกินที่บาร์ของโรงแรมได้ และนี่สามยูโรที่จ่ายไปค่ะ ได้ขนมปังบาเก็ตผ่าครึ่งมา แยม เนย กาแฟใส่นมและน้ำส้มคั้นสด อืม อิตาเลียนที่เหลือไม่บ่นไรเพราะพี่เค้ากินแบบนี้กันอยู่แล้ว อิชั้นก็กินได้ ปกติอยู่บ้านก็กินขนมปังทาแยมแกล้มชากาแฟเช่นกัน

หลังอาหารเช้า เข้าไปเก็บข้าวของ ฝากกระเป๋าไว้ก่อน เดินชมเมือง Vitoria ไปหน่อยนึง หลังจากนั้นฟาบริไปรับรถเช่า ขับมารับพวกเราที่เหลือ แล้วพากันไปเมือง Pamplona เมืองที่เค้าปล่อยวัวกระทิงไปตามถนนแล้ววิ่งพุ่งเข้าหาชายฉกรรจ์ชาวสเปน ผู้ไม่กลัวใส้แหกนั่นแหละค่ะ และที่เมืองนี้นี่เอง ที่พวกเราได้เห็นสัญลักษณ์กาบหอย ตามถนนหรือติดตามผนังบ้าน กำแพง สัญลักษณ์แห่งการเดินแสวงบุญของเส้นทางเดิน Camino de Santiago

เราแวะกินมื้อเที่ยงที่เมืองนี้ ย่านเมืองเก่ามีร้านอาหารเล็กอาหารน้อยเรียงรายกันเต็มไปหมด หรือบาร์กาแฟที่ขายเครื่องดื่มบวกทาปาสหรือมีเมนูอาหารไม่มากนัก บางร้านมีเมนูประจำวัน Meno del dia ที่อิชั้นถูกใจมากคือ เค้าจะเขียนเมนูในแต่ละวันไว้บนกระดานหน้าร้านว่ามีอะไรบ้าง เป็นอาหารที่ทางร้านเตรียมไว้แล้ว จะประกอบไปด้วย

อาหารจานแรก มีให้เลือกสามหรือสี่เมนู ส่วนใหญ่เป็นเมนูซุป หรือข้าวปาเอลย่า หรือสลัดผัก หรือพวกแฮม

อาหารจานที่สอง ก็จะเป็นพวกเนื้ออบ ไก่ย่าง ปลาอบอะไรทำนองนั้น

อาหารจานที่สาม ก็จะเป็นขนมหวาน ที่อิชั้นไม่เคยกินเลย เพราะไม่ชอบกินขนมหวานสใตล์ฝั่งนี้ ถ้าเป็นขนมชั้นหรือขนมเปียกปูนก็คงไม่ปฏิเสธหรอก เลยไม่มีรูปมาให้ดูกันนะคะ ไม่กินก็ราคาเท่าเดิม ไม่มีส่วนลดอะไร แต่พนักงานเสริฟมักเอากาแฟมาให้แทน กลัวอิชั้นจะเสียเปรียบกระมัง เพราะพี่เลี่ยนที่ไปด้วยกับอิชั้นไม่มีใครดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ร้านอาหารเลย (ลองแค่ร้านแรกหลังจากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันเซย์กู๊ดบายเอสเพรสโซ่สเปนกันทันที แต่อิชั้นก็ลองดื่มมาหลายร้านแล้ว ผลก็...อย่างที่เข้าใจกัน 555)

ราคาต่อหัวของเมนูประจำวันจะรวมน้ำเปล่าและไวน์ไว้แล้ว อย่างพวกเราไปกันหกคน เค้าก็เอาน้ำเปล่าขวดใหญ่มาให้ขวดนึง ไวน์แดงอีกขวดนึง หรือบางวันก็ขอดื่มแซงเกรียแทน (ไวน์แดงหั่นผลไม้อย่างแอ๊บเปิ้ลและส้มมาด้วย ก็ออกหวานๆหอมๆ) เค้าก็ทำมาให้นะคะ คือคุยกันได้นั่นเอง

มาดูมื้อเที่ยงของอิชั้นกันค่ะ

จานแรกเป็นเนื้อปลาบวกเนื้อขนมปัง ยัดใส้ในพริกหวานสีแดง โคตรอร่อยเลย น้ำซอสที่ราดสีแดงๆนั่นน่าจะเป็น Gazpacho ที่ทำจากพริกหวานปั่นละเอียด จานนี้ต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ 

ส่วนจานนี้เป็นของคุณสามีค่ะ ข้างล่างเป็นเนื้อปลาในน้ำซุปมีไข่ดาวโปะหน้ามาด้วย อืม คิดได้ไงเมนูนี้ แต่ก็กินได้นะคะ ช่วยๆกันกินสองคน 

จานที่สองของอิชั้นเป็น เป็ดอบมาเนื้อแห้งๆกับซอสบลูเบอรี่กระมัง เสริฟด้วยมันฝรั่งทอด จานนี้ไม่ผ่านเนื้อเป็ดแห้งเกินไป กินได้แค่ชิ้นเดียว แล้วอาหารหลายๆจานมีมันทอดแบบนี้เคียงมาด้วยแทบทุกจาน มื้อที่สองพวกเราเลยขอเปลี่ยนเป็นผักสลัดเคียงแทน กินมันทอดทุกมื้อไม่ไหวจริงๆค่ะ

ของหวานเพื่อนๆสั่งชีสเค้กมากินกัน ชิมไปคำนึงก็เข้าท่าเข้าทางอยู่นะคะ แต่กาแฟที่ได้ชิมกันทุกคนที่ร้านนี้แหละ ที่ลงมติกันว่า จะไม่กินเอสเพรสโซ่หลังมื้ออาหารกันอีกต่อไป เริ่มเรื่องมากกันแล้วซินะ ฮิๆๆ

ข้ามไปมื้อเย็นกันเลยค่ะ มื้อนี้เราขับรถมากินกันที่เมือง San Sebastian โอ้ย เมืองนี้สวยมากๆ ชายหาดสวย ตึกรามบ้านช่องแนวฝรั่งเศสเพราะมีชายแดนติดกัน มีหนุ่มๆมาเล่นเซิร์ฟด้วย เค้าไม่หนาวกันรึไงหว่า แถมมีคลองที่น้ำจากภูเขาไหลลงมาเจอทะเลอีก เย็นๆเดินเกี่ยวก้อยอ้อนผู้ชายริมถนนเลียบชายหาดคงจะโรแมนติกน่าดู ถ้า...ถ้าลมไม่แรงนะ นี่ลมแรงซะจนหัวเหอกระจุย หนาวมากกกกพวกเราคือชาวดอยที่คุ้นเคยกับหิมะ ไม่คุ้นกับลมทะเลเย็นยะเยือกพัดรัวๆแบบนี้ ถ่ายรูปกันแป๊บเดียว เดินหาร้านอาหารทันที

เราเลือกร้านที่มีทาปาสวางเรียงรายบนเคาน์เตอร์บาร์ และดันเป็นร้านที่ค่อนข้างแพง คือไม่ทันได้ดูราคาอะไรหรอก เดินดุ่มๆเข้าร้านไปให้พนักงานหาโต๊ะให้ สมน้ำหน้าไม่อยากดูราคาซะก่อน แต่ก็พอจ่ายได้อยู่ พนักงานน่ารัก ร้านสวยดี เดินไปหยิบทาปาสกันคนละสามสี่ชิ้น แค่นี้ก็อิ่มแล้วเพราะแต่ละชิ้นร้านนี้ทำมาชิ้นใหญ่ๆเชียว

และนี่ตัวอย่างหน้าตาทาปาสที่พวกเราเลือกมากินค่ะ ตกชิ้นละ 3-4 euro ไวน์ขวดนึง น้ำเปล่าอีกขวดหมดไปร้อยยูโรกว่าๆ อ้อ มีการสั่งหนวดปลาหมึกยักษ์ต้มโรยผงปาปริก้ามาชิมอีก มีชื่อว่า Pulpo Gallego จานนี้จานเดียวก็ 18 euro เข้าไปแล้ว จานเล็กไปหน่อยไหมคะ (หลังๆเราเจอเมนูนี้แทบทุกร้าน อาหารท้องถิ่นของย่านนี้นั่นเอง ราคาเริ่มต้นก็หลักสิบยูโรหมด ตามขนาดปริมาณกระมัง)

เดี๋ยวต่อในเม้นท์ที่สอง ออกไปข้างนอกแป๊บนึงก่อนค่ะ