ตำรากอล์ฟส่วนใหญ่มักจะพูดถึงการสร้างแรงจากเกลียวลำตัว ทฤษฎีที่ถูกหยิบยกมาใช้อ้างอิงมักจะพูดถึงการสร้างมุมต่างระหว่างสะโพกและแกนลำตัว หรือเรียกกันตามภาษานักกอล์ฟว่าเกลียว หรือมักจะบอกอยู่เสมอว่า ยิ่งบิดมากยิ่งมีพลัง (มักจะรู้จักกันในชื่อ X-Factor)
ซึ่งนั่นก็เป็นความจริงที่กล้ามเนื้อที่ถูกยืดออก (Stretch) มากขึ้นเท่าใดก็จะยิ่งเกิดพลังในการดีดกลับ (Elastic Power) มากขึ้นเท่านั้น
ถ้าเขียนเป็นสูตรง่าย ๆ ก็คือ: พลังการดีดกลับ = ระยะการยืดของกล้ามเนื้อ
จริง ๆ ถ้าว่ากันตามทฤษฏีนี้บทความนี้ก็ควรจะจบลงห้วน ๆ แต่เพียงเท่านี้ แต่ที่ผมหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะว่ากล้ามเนื้อของเรามีบ้างประการที่ต่างจากความเข้าใจดั้งเดิคุณสมบัติมของเรา
ถ้าจะให้เปรียบเทียบง่าย ๆ ผมอยากตั้งคำถามสั้น ๆ สักหนึ่งข้อให้ท่านคิดตามว่า: "ท่านคิดว่ากล้ามเนื้อของเรามีคุณลักษณะแบบไหน ระหว่าง"
มีคุณลักษณะเหมือนยางยืด
มีคุณลักษณะเหมือนสปริง
ก่อนที่จะเฉลยคำตอบ เราขออธิบายความแตกต่างของคุณสมบัติการดีดตัว (Elastic Power) ระหว่างยางยืดกับสปริงสักเล็กน้อย ซึ่งท่านสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวท่านเองด้วยอุปกรณ์ง่าย ๆ ตามบ้าน ได้แก่ หนังยาง (แบบเดียวกับยางรัดถุงแกง) และสปริง (แบบเดียวกับที่อยู่ในปากกาลูกลื่น)
โดยท่านสามารถเริ่มการทดลองโดยดังนี้
ยืดหนังยางโดยมือทั้งสองข้างที่ความตึงระดับกลางค้างไว้และปล่อยออก (ระวังหนังยางดีดมือ) ให้สังเกตระดับความเร็วในการหดตัวของหนังยาง
ยืดหนังยางโดยมือทั้งสองข้างให้ตึงที่สุดจนกระทั่งหนังยางขาด (ระวังหนังยางดีดมือ เราเตือนท่านแล้วนะ) ให้สังเกตระดับความเร็วในการหดตัวของหนังยาง
เปลี่ยนมาเป็นสปริง โดยยืดที่ความตึงระดับกลางค้างไว้และปล่อยมือ ให้สังเกตระดับความเร็วในการหดตัวของสปริง
ยืดสปริง ให้ตึงที่สุด (จนกลายเป็นเส้นตรง) ให้สังเกตระดับความเร็วในการหดตัวของสปริง
จากการทดลองทั้ง 4 ให้เปรียบเทียบดูระดับความเร็วในการหดตัวของการทดลองทั้ง 4 แบบ แล้วให้ท่านลองทายดูว่า การทำงานของกล้ามเนื้อเราเป็นแบบไหนระหว่าง 1. ยางยืด หรือ 2. สปริง
…
…
…
…
…
…
…
…
…
คำตอบคือ กล้ามเนื้อของเรามีคุณลักษณะเหมือนสปริงครับ การทำงานของสปริงมีความหมายว่า กล้ามเนื้อเราจะมีพลังในการคลายตัวที่แรงดึงในระดับหนึ่งที่ต้องไม่มากจนเกินไป หรือเรียกภาษาเทคนิคว่า Moderate Stretch เพราะถ้าเรายืดกล้ามเนื้อมากจนเกินไปก็จะเหมือนสปริงที่ยืดจนเกินจุดดีดตัว (Elastic range) นอกจากจะไม่ได้พลังเพิ่มแล้วยังคงสูญเสียพลังในการดีดตัวไปด้วย
ความเข้าใจผิดบางประการทำให้เรามักจะเข้าใจไปว่ากล้ามเนื้อทำงานคลายยางยืด ก็เลยอนุมานไปว่าการสร้างเกลียวหรือยืดให้ตึงมาก ๆ จะทำให้เกิดพลังที่มากขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ความเป็นจริงกล้ามเนื้อเราจะมีจุดสมดุลในจุดที่ยืดออกไม่น้อยหรือไม่มากจนเกินไป ดังนั้นเมื่อเราพยายามยืดกล้ามเนื้อออกมากจนเกินไป (Over Stretch) ก็เท่ากับสูญเสียพลังในการดีดไปโดยไม่จำเป็น
ดังนั้นถ้าท่านพยายามจะตีให้ไกลขึ้น เราก็ควรจะปล่อยให้กล้ามเนื้อมีการยืดแค่พอประมาณ(Moderate Stretch) ก็พอครับ ถ้าเราอยากจะเพิ่มการดีดของกล้ามเนื้อในระดับ Moderate Stretch ให้เร็วขึ้นมีพลังมากขึ้น เดี๋ยวตอนถัดไปผมจะมาแนะนำให้ครับว่าควรจะฝึกอย่างไรเพื่อเพิ่ม Muscle Stretch Speed
Over Stretch = Loss Power
ซึ่งนั่นก็เป็นความจริงที่กล้ามเนื้อที่ถูกยืดออก (Stretch) มากขึ้นเท่าใดก็จะยิ่งเกิดพลังในการดีดกลับ (Elastic Power) มากขึ้นเท่านั้น
ถ้าเขียนเป็นสูตรง่าย ๆ ก็คือ: พลังการดีดกลับ = ระยะการยืดของกล้ามเนื้อ
จริง ๆ ถ้าว่ากันตามทฤษฏีนี้บทความนี้ก็ควรจะจบลงห้วน ๆ แต่เพียงเท่านี้ แต่ที่ผมหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะว่ากล้ามเนื้อของเรามีบ้างประการที่ต่างจากความเข้าใจดั้งเดิคุณสมบัติมของเรา
ถ้าจะให้เปรียบเทียบง่าย ๆ ผมอยากตั้งคำถามสั้น ๆ สักหนึ่งข้อให้ท่านคิดตามว่า: "ท่านคิดว่ากล้ามเนื้อของเรามีคุณลักษณะแบบไหน ระหว่าง"
มีคุณลักษณะเหมือนยางยืด
มีคุณลักษณะเหมือนสปริง
ก่อนที่จะเฉลยคำตอบ เราขออธิบายความแตกต่างของคุณสมบัติการดีดตัว (Elastic Power) ระหว่างยางยืดกับสปริงสักเล็กน้อย ซึ่งท่านสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวท่านเองด้วยอุปกรณ์ง่าย ๆ ตามบ้าน ได้แก่ หนังยาง (แบบเดียวกับยางรัดถุงแกง) และสปริง (แบบเดียวกับที่อยู่ในปากกาลูกลื่น)
โดยท่านสามารถเริ่มการทดลองโดยดังนี้
ยืดหนังยางโดยมือทั้งสองข้างที่ความตึงระดับกลางค้างไว้และปล่อยออก (ระวังหนังยางดีดมือ) ให้สังเกตระดับความเร็วในการหดตัวของหนังยาง
ยืดหนังยางโดยมือทั้งสองข้างให้ตึงที่สุดจนกระทั่งหนังยางขาด (ระวังหนังยางดีดมือ เราเตือนท่านแล้วนะ) ให้สังเกตระดับความเร็วในการหดตัวของหนังยาง
เปลี่ยนมาเป็นสปริง โดยยืดที่ความตึงระดับกลางค้างไว้และปล่อยมือ ให้สังเกตระดับความเร็วในการหดตัวของสปริง
ยืดสปริง ให้ตึงที่สุด (จนกลายเป็นเส้นตรง) ให้สังเกตระดับความเร็วในการหดตัวของสปริง
จากการทดลองทั้ง 4 ให้เปรียบเทียบดูระดับความเร็วในการหดตัวของการทดลองทั้ง 4 แบบ แล้วให้ท่านลองทายดูว่า การทำงานของกล้ามเนื้อเราเป็นแบบไหนระหว่าง 1. ยางยืด หรือ 2. สปริง
…
…
…
…
…
…
…
…
…
คำตอบคือ กล้ามเนื้อของเรามีคุณลักษณะเหมือนสปริงครับ การทำงานของสปริงมีความหมายว่า กล้ามเนื้อเราจะมีพลังในการคลายตัวที่แรงดึงในระดับหนึ่งที่ต้องไม่มากจนเกินไป หรือเรียกภาษาเทคนิคว่า Moderate Stretch เพราะถ้าเรายืดกล้ามเนื้อมากจนเกินไปก็จะเหมือนสปริงที่ยืดจนเกินจุดดีดตัว (Elastic range) นอกจากจะไม่ได้พลังเพิ่มแล้วยังคงสูญเสียพลังในการดีดตัวไปด้วย
ความเข้าใจผิดบางประการทำให้เรามักจะเข้าใจไปว่ากล้ามเนื้อทำงานคลายยางยืด ก็เลยอนุมานไปว่าการสร้างเกลียวหรือยืดให้ตึงมาก ๆ จะทำให้เกิดพลังที่มากขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ความเป็นจริงกล้ามเนื้อเราจะมีจุดสมดุลในจุดที่ยืดออกไม่น้อยหรือไม่มากจนเกินไป ดังนั้นเมื่อเราพยายามยืดกล้ามเนื้อออกมากจนเกินไป (Over Stretch) ก็เท่ากับสูญเสียพลังในการดีดไปโดยไม่จำเป็น
ดังนั้นถ้าท่านพยายามจะตีให้ไกลขึ้น เราก็ควรจะปล่อยให้กล้ามเนื้อมีการยืดแค่พอประมาณ(Moderate Stretch) ก็พอครับ ถ้าเราอยากจะเพิ่มการดีดของกล้ามเนื้อในระดับ Moderate Stretch ให้เร็วขึ้นมีพลังมากขึ้น เดี๋ยวตอนถัดไปผมจะมาแนะนำให้ครับว่าควรจะฝึกอย่างไรเพื่อเพิ่ม Muscle Stretch Speed