ผมขอเริ่มต้นก่อนเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาเขียนกระทู้ และกระทู้นี้ผมอยากทำมาเพื่อแชร์เรื่องราวของผมซึ่งผมไม่ได้ถูกรับจ้างหรืออะไรทั้งสิ้น อาจจะมีการพิมพ์ที่ งงๆอยู่บ้างก็ต้องขอโทษก่อนเลยนะครับ
ผมได้รับการฉีดคางครั้งแรกประมาณ 10 ปีที่แล้วที่คลินิคแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ซึ่งดูจากภายนอกแล้วนั้นก็เหมือนคลินิคปกติทั่วไปคือ เปิดตามตึกแถวมีป้ายคลินิคมีหมอ(ซึ่งน่าจะแอบอ้างว่าเป็น) ผมเห็นว่าราคาถูกมากจึงได้ซื้อมาลองฉีดครั้งแรก 3000 บาทหมอบอกว่าเป็นฟิลเลอร์ไม่กี่ปีก็จะสลายไปผมก็โอเคถ้ามันสลายได้ลองนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร ออกมาจากคลินิควันแรกมันโอเคมาก หน้าดูมีมิติเพิ่มขึ้นซึ่งชอบมาก พออีกประมาณ1เดือนผมคิดว่าจะไปเติมเพิ่มอีกหน่อยเพราะอยากให้มันยาวกว่านี้อีกนิดนึงก็เลยไปฉีดอีกรอบซึ่งก็ราคาเท่าเดิมคือ 3000 บาท ผลที่ได้มาก็โอเค
ผมก็ใช้ชีวิตปกติไม่มีอาการใดๆเกิดขึ้นมาอีกประมาณ 3 ปี ก็เริ่มสงสัยว่าทำไมมันไม่ยุบซักที จึงหาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ตก็ได้รู้ว่าที่ถูกฉีดนั้นอาจไม่ใช่ฟิลเลอร์ และคิดว่าน่าจะเป็นซิลิโคนเหลวเพราะราคาถูกและช่วงนั้นกำลังระบาดหนักมาก จึงได้ไปปรึกษาหมออีกท่านหนึ่งที่เชียงใหม่แถวคูเมือง หมอก็ได้บอกมาว่าสามารถขูดออกได้และแนะนำให้ผมเสริมซิลิโคนเข้าไปแทนที่ สารที่ถูกขูดออกมา ไอผมก็โอเคให้ทำไรก็ทำ ซึ่งค่าใช้จ่าน่าจะประมาณ 23000 ประกอบไปด้วยค่าขูด 8000 เสริมอีก 15000 พอถึงวันผ่าตัด น่าจะอีก 2-3 วันหลังจากนั้น ผมก็ไปตามนัดหมอก็ฉีดยาชาแล้วลงมือผ่า ระหว่างทำไปซักแปปนึงหมอก็พูดว่า "โหนี่มันแน่นมากเลยขูดยากมาก" ผมก็ได้แต่รับฟังเพราะไม่สามารถพูดอะไรได้ 555 ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ น่าจะประมาณไม่เกิน 20 นาที ทั้งขูดและเสริม ซึ่งหลังจากออกมาจากคลินิค ก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลกอะไรผมก็คิดว่ามันคงยังบวมอยู่รออีกซักพักก็คงหาย
ผมเว้นช่วงไว้อีกประมาณ 1 ปีหลังจากนั้น ซึ่งไม่มีความเปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้าที่ทำหนำซ้ำคางยังยาวเพิ่มขึ้นจากซิลิโคนก็ถูกเสริมเข้าไปอีก ผมจึงได้หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตก็ได้ไปเจอหมออีกท่านหนึ่งอยู่ใจกลางคูเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีทั้งคลิปและรีวิวเกี่ยวกับการขูดซิลิโคนเหลว ผมไม่รอช้าก็ได้โทรและเข้าไปปรึกษาและนัดวันผ่าตัด หมอก็แนะนำมาว่านี่เป็นเคสที่แก้ไขจากที่อื่นต้องมีค่าแก้เพิ่มด้วยและอาจจะต้องเสริมคางด้วยหลังจากขูดซิลิโคน ซึ่งค่าใช้จ่ายน่าจะราวๆไม่เกิน 25000 บาท พอถึงวันผ่าตัดผมก็มาตามนัดซึ่งคนเยอะมากกกกกกกก จำได้ว่านั่งรอประมาณ 2-3 ชั่วโมงกว่าจะได้ขึ้นไปผ่าตัด ซึ่งคนที่มารอนั้นส่วนใหญ่จะมาศัลยกรรมเสริมจมูก ทำตา เป็นส่วนใหญ่ ผมถึงคิวผมหมอก็ให้นอนซึ่งไม่ได้ถามเลยว่าผมอยากได้ทรงไหนหรือยังไง (ไอเราก็ซื่อเค้าบอกให้ทำไรก็ทำ) ซึ่งการผ่าตัดครั้งนี้ก็ใช้เวลาไม่นานประมาณ 20 นาทีเหมือนเดิม หลังผ่าตัดเสร็จเค้าก็ให้ประคบน้ำแข็งได้ยามาทานนัดตัดไหมอีก 1 อาทิตย์ ซึ่งก็เหมือนผ่าตัดครั้งแรก ผลที่ได้ก็ไม่ต่างจากครั้งแรก ก็น่าผิดหวังเหมือนเดิมครับ
จากนั้นอีกประมาณ 3 ผมเรียนจบปริญญาซึ่งระหว่างเรียนก็หาข้อมูลมาหลายที่มากจนมาเจอณพลักษณ์ คลินิค ที่กรุงเทพ และรีวิวต่างๆที่น่าเชื่อถือและทุกคนบอกมาว่าราคาจะสูงแต่รับรองผลที่ออกมาว่าดี ซึ่งเหตุผลที่ผมรอทำหลังจากเรียนจบเพราะทราบมาว่า ที่นี่อาจต้องใช้เวลาในการติดตามผลการรักษาที่ยาวนาน ซี่งถ้าเรียนอยู่อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไร มาว่าต่อดีกว่า ผมได้โทรไปนัดว่าจะเข้าไปปรึกษาซึ่งทางคลินิคก็ได้นัดวันและเวลาและกำชับให้มาตรงเวลาเพราะคิวเยอะมาก วันที่เข้าไปครั้งแรกผมได้พบกับคุณเฟียต ซึ่งคุณเฟียตนั้นเป็นภรรยาของคุณหมอ
อรรถพันธ์ คุณเฟียตได้ทำการถ่ายรูปผมไว้และอธิบายเกี่ยวกับสารฉีดและโทษของมัน(ผมคงจะไม่อธิบายตรงนี้นะครับเพราะสามารถหาอ่านได้จากอินเตอร์เน็ต) และได้กรอกประวัติว่าเคยทำจากที่ไหนมาบ้างและฉีดมาแล้วนานแค่ไหน ผมก็กรอกไปตามความจริงตามที่กล่าวมาข้างต้น คุณเฟียตก็อธิบายมาว่า คางคุณนั้นได้รับการแก้ไขมาแล้วถึง 2 ครั้ง และ ภายในคางนั้นน่าจะโดนกระทำจากการผ่าตัดและยาฉีดสลายมาเยอะ ซึ่งจะทำให้งานหมอนั้นยากขึ้นจากเดิมมากและอาจมีผลกระทบหลังจากการผ่าตัดซึ่งมีโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้น ผมรับรู้และบอกไปว่ายังอยากที่จะทำกับหมอ
อรรถพันธ์เหมือนที่ตั้งใจไว้ คุณเฟียตก็ได้แจ้งราคามา(120000)และนัดวัดผ่าตัดซึ่งน่าจะประมาณ 1 เดือนหลังจากที่เข้าไปปรึกษา ผมได้โอนเงินมัดจำไปและก็นำที่เหลือมาจ่ายในวันผ่าตัด ซึ่งในวันผ่าตัดทางผู้ช่วยก็ได้นัดให้มาก่อนเวลาเพราะมีเอกสารที่ต้องอ่านและเซ็น ซึ่งเอกสารนั้นมีประมาณ 10 กว่าหน้าและการเซ็นก็คือให้เซ็นรับรู้ว่าผลที่ได้อาจจะไม่ได้อย่างที่หวังและจะไม่มีการฟ้องร้องในภายหลังประมาณนี้ครับ
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาผ่าตัดซึ่งก่อนผ่าตัดนั้น ผมก็ได้เข้าไปพบกับหมอ
อรรถพันธ์ ซึ่งหมอก็ได้อธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนและวีธีการผ่าตัดมาแบบละเอียดอีกครั้งนึงหลังจากที่คุณเฟียตบอกไปในวันแรก ผมก็รับทราบและโอเคถ้าผลลัพธ์ไม่ออกมาอย่างที่หวังไว้ หลังจากนั้นผมก็ได้รับยาคลายเครียดมาทานและไปล้างหน้าเพื่อเตรียมผ่าตัด ภายในห้องผ่าตัดนั้นดูสะอาดจาก อุปกรณ์ดูทันสมัยและครบถ้วน ผมนอนลงไปและซักพักคุณหมอก็ตามขึ้นมา ซึ่งหมอก็ได้อธิบายมาว่าชุดและผ้าที่ใช้นั้นเป็นของใหม่ทุกครั้งจากนั้นหมอก็และให้ดูเลยว่านี่คือของใหม่จริงๆเพื่อให้เราได้มั่นใจ การผ่าตัดที่นี่นั้นนานมาก หมอจะอธิบายมาตลอดว่าอยู่ในขั้นตอนไหนถ้ารู้สึกเจ็บให้ยกมือหมอจะคอยเติมยาชาให้ตลอด ผมก็เผลอหลับไปบ้างจากฤทธ์ยา พออีกหลายชั่วโมงต่อมาก็ได้ยินหมอพูดมาว่า คางผมนั้นยังไม่สามารถเสริมได้ในตอนนี้อย่าเสียใจไปนะ ผมก็รับฟังไว้ หลังจากผ่าตัดเสร็จน่าจะประมาณ 3 ทุ่ม ผมตกใจมากเพราะตอนเริ่มผ่าตัดน่าจะราวๆบ่าย2 คุณหมอก็ได้เรียกมาที่ห้องตรวจและอธิบายเกี่ยวกับการผ่าตัดที่เพิ่งเกิดขึ้นไป ซึ่งคร่าวๆว่า คางผมนั้นได้รับการแก้ไขมาแล้ว 2 ครั้งซึ่งทำให้คางนั้นเกิดความเสียหายขึ้นอย่างมากและตอนนี้ปลายคางผมอาจจะเน่าเพราะ สารฉีดนั้นไปกดทับกับเส้นเลือดไว้และไม่ได้เลือดไปหล่อเลี้ยงปลายคางได้แต่อย่าเพิ่งตกใจไปเพราะถึงแม้ว่าคางเน่านั้นก็ยังสามารถรักษาให้หายได้แต่อาจต้องใช้เวลานานกว่าปกติ ซึ่งเคสผมนั้นเกิดขึ้นไม่ถึง 2-3% หมอได้ต่อท่อและขวดจากคางเพื่อระบายเลือดที่คั่งอยู่ภายในซึ่งทางผมนั้นต้องดูแลและอย่าให้ขวดเสียหาย และอีก3วันจึงนัดถอดขวดออก พอครบ3วันผมก็ไปตามนัด พบกับคุณเฟียต พอเปิดแผลออกคุณเฟียตก็ได้บอกมาว่ามีเนื้อบางส่วนที่เน่าจริงๆอย่างที่คิดไว้ จากนี้จะนัดผมทุก 2-3 วันเพื่อมาทำแผล (ขอบอกก่อนนะครับว่าการทำแผลหลังจากผ่าตัดนั้นจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆหลังจากการผ่าตัด) ซึ่งผมเข้าออกคลินิคอยู่ประมาณ 2 เดือนกว่าแผลที่เน่าจะหาย ซึ่งพอแผลหายคางผมนั้นยังไม่ได้รูปร่างและผมต้องใช้ชีวิตประจำวันโดนการใส่หน้ากากอนามัย อยู่ประมาณ 8 เดือนซึ่งหมออธิบายไว้ว่าต้องรอให้เนื้อเยื่อแข็งแรงก่อนที่จะผ่าตัดรักษาได้อีกครั้ง
การผ่าตัดกับณพลักษณ์คลินิคครั้งที่ 2 จะเป็นการผ่าตัดเพื่อรักษาหนังปลายคางที่ผิดรูปซึ่งหมอบอกว่าเป็นการผ่าตัดที่ยากและใช้เวลาแต่จะไม่เท่ากับครั้งแรก ซึ่งการผ่าตัดครั้งนี้เรียกว่า Roration Flap คือการตัดหนังที่ไม่สวยทิ้งไปและดึงหนังมาปิดเพื่อให้ผิวเรียบเหมือนปกติ ซึ่งค่าใช้จ่ายครั้งนี้ถูกกว่าครั้งแรกหน่อย(จำไม่ค่อยได้นะครับน่าจะราวๆ 60000-70000) ซึ่งก่อนผ่าตัดนั้นก็เหมือนกับครั้งแรกคือต้องอ่านเอกสารและเซ็น หมอก็จะอธิบายเหมือนเดิมเพื่อให้เรามั่นใจว่าทุกครั้งนั้นหมอเต็มที่ พอผ่าตัดเสร็จคุณเฟียตก็จะนัดตัดไหมและติดตามอาการ (ซึ่งทุกครั้งที่ผ่าตัดนั้นคุณเฟียตจะคอยเป็นคนออกแบบคางทุกครั้ง หรือก็คือเป็นที่ปรึกษาให้กับหมอว่าควรจะให้หน้าของคนไข้ออกมาในรูปแบบไหน) หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ผมก็ไปตัดไหมตามนัดซึ่งผลที่ได้นั้นคือคางนั้นเรียบเป็นปกติแต่รูปคางนั้นยังไม่สวยซึ่งคุณเฟียตก็ได้อธิบายว่า อยากจะเสริมไปพร้อมกันแต่กลัวว่าคางจะรับไม่ไหวและอาจจะทำให้ผลลัพธ์นั้นไม่ดีที่สุดซักทางจึงต้องเก็บการเสริมไว้สำหรับครั้งต่อไป ซึ่งการนัดตรวจหลังจากนี้จะเป็นการถ่ายรูปไปรายงานผ่านทางไลน์
อีก 8 เดือนให้หลังผมได้ไลน์ไปว่า พร้อมแล้วสำหรับการผ่าตัดอีกครั้ง จึงได้โทรไปนัดวันและเวลาเพื่อเข้าไปปรึกษา และ ได้ความว่า การผ่าตัดครั้งนี้จะใช้ไขมันตรงคอมาเสริมแทนคางและใส่สิลิโคนพร้อมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ซึ่งผลจะได้คือคางจะเรียบไม่มีไขมันและจะได้คางที่สวยขึ้น ซึ่งผมก็โอเคและได้ตกลงจ่ายค่าผ่าตัดไป(100000) นัดวันผ่าตัดอีก 2 วัน ผมก็เลือกไม่กลับบ้านและจองโรงแรมแถวนั้นรอ พอถึงวันผ่าตัดผมก็มาตามนัดและก็เหมือนเคิมคือต้องอ่านเอกสารและเซ็นเหมือนทุกครั้ง ก่อนผ่าตัดต้องล้างหน้าและหมอจะแกะเครื่องมือใหม่เหมือนเดิม ทานยาคลายเครียดและก็เริ่มผ่าตัด ซึ่งพอผ่าตัดไปซักพักใหญ่ๆหมอก็บอกมาว่าคางผมนั้นพังผืดเยอะมากไม่สามารถแทรกซิลิโคนเข้าไปเสริมได้เพราะถ้าฝืนยัดเข้าไปก็น่าจะไม่สวยเพราะพังผืดจะกดทับซิลิโคนให้ไม่เข้าทรงและอาจจะดันออกมาจากจุดที่ต้องการเสริมซึ่งหมอได้อธิบายว่าน่าจะเกิดจากการที่ผมผ่าตัดเสริมมา2ครั้งจากหมอ2ท่านก่อนหน้านี้จึงทำให้พังผืดเยอะ หมอจะใช้แค่ไขมันจากเหนียงอย่างเดียวในการเสริมครั้งนี้ผมก็พยักหน้ารับรู้แต่ก็ยังเดาไม่ออกว่าจะออกมาแบบไหน ซึ่งหมอกับคุณเฟียตนั้น คุยกันตลอดเวลาซึ่งผมนั้นก็ได้รับฟังทุกอย่างที่ทั้งคู่ได้คุยกัน คุณเฟียตจะคอยออกแบบทรงหมอก็จะคอยทำตามแบบที่คุณเฟียตบอก ซึ่งใช้เวลาประมาณนึงทีเดียวเพราะผ่าตัดเสร็จน่าจะประมาณ 2-3 ทุ่มได้ครับ ลงมาที่ห้องตรวจผลที่ออกมานั้นก็น่าพอใจเพราะผมได้คางกลับมาเหมือนคนปกติ ซึ่งอาจจะมีรอยแผลเป็นบ้างแต่ก็คิดย้อนไปว่าหลายๆปีที่ผ่านมา ได้แบบนี้ก็น่าดีใจมากแล้ว
ต้องขอบคุณหมออรรถพันธ์กับคุณเฟียตที่ช่วยให้ผมได้กลับมามั่นใจได้อีกครั้ง และ สร้างความมั่นใจว่าจะไม่ทิ้งคนไข้ไปไหนตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านๆมาครับ
รีวิวครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผมซึ่งถ้าอ่านแล้วสงสัยตรงไหนก็สามารถสอบถามได้นะครับ ผมยินดีที่จะตอบและแนะนำสำหรับคนที่เจอประสบการณ์ที่โชคร้ายแบบผลครับ
[CR] แก้ไขคางฉีดที่ณพลักษณ์ ศัลยกรรมคลินิก โดยคุณหมอ อรรถพันธ์ และ คุณเฟียต
ผมได้รับการฉีดคางครั้งแรกประมาณ 10 ปีที่แล้วที่คลินิคแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ซึ่งดูจากภายนอกแล้วนั้นก็เหมือนคลินิคปกติทั่วไปคือ เปิดตามตึกแถวมีป้ายคลินิคมีหมอ(ซึ่งน่าจะแอบอ้างว่าเป็น) ผมเห็นว่าราคาถูกมากจึงได้ซื้อมาลองฉีดครั้งแรก 3000 บาทหมอบอกว่าเป็นฟิลเลอร์ไม่กี่ปีก็จะสลายไปผมก็โอเคถ้ามันสลายได้ลองนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร ออกมาจากคลินิควันแรกมันโอเคมาก หน้าดูมีมิติเพิ่มขึ้นซึ่งชอบมาก พออีกประมาณ1เดือนผมคิดว่าจะไปเติมเพิ่มอีกหน่อยเพราะอยากให้มันยาวกว่านี้อีกนิดนึงก็เลยไปฉีดอีกรอบซึ่งก็ราคาเท่าเดิมคือ 3000 บาท ผลที่ได้มาก็โอเค
ผมก็ใช้ชีวิตปกติไม่มีอาการใดๆเกิดขึ้นมาอีกประมาณ 3 ปี ก็เริ่มสงสัยว่าทำไมมันไม่ยุบซักที จึงหาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ตก็ได้รู้ว่าที่ถูกฉีดนั้นอาจไม่ใช่ฟิลเลอร์ และคิดว่าน่าจะเป็นซิลิโคนเหลวเพราะราคาถูกและช่วงนั้นกำลังระบาดหนักมาก จึงได้ไปปรึกษาหมออีกท่านหนึ่งที่เชียงใหม่แถวคูเมือง หมอก็ได้บอกมาว่าสามารถขูดออกได้และแนะนำให้ผมเสริมซิลิโคนเข้าไปแทนที่ สารที่ถูกขูดออกมา ไอผมก็โอเคให้ทำไรก็ทำ ซึ่งค่าใช้จ่าน่าจะประมาณ 23000 ประกอบไปด้วยค่าขูด 8000 เสริมอีก 15000 พอถึงวันผ่าตัด น่าจะอีก 2-3 วันหลังจากนั้น ผมก็ไปตามนัดหมอก็ฉีดยาชาแล้วลงมือผ่า ระหว่างทำไปซักแปปนึงหมอก็พูดว่า "โหนี่มันแน่นมากเลยขูดยากมาก" ผมก็ได้แต่รับฟังเพราะไม่สามารถพูดอะไรได้ 555 ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ น่าจะประมาณไม่เกิน 20 นาที ทั้งขูดและเสริม ซึ่งหลังจากออกมาจากคลินิค ก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลกอะไรผมก็คิดว่ามันคงยังบวมอยู่รออีกซักพักก็คงหาย
ผมเว้นช่วงไว้อีกประมาณ 1 ปีหลังจากนั้น ซึ่งไม่มีความเปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้าที่ทำหนำซ้ำคางยังยาวเพิ่มขึ้นจากซิลิโคนก็ถูกเสริมเข้าไปอีก ผมจึงได้หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตก็ได้ไปเจอหมออีกท่านหนึ่งอยู่ใจกลางคูเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีทั้งคลิปและรีวิวเกี่ยวกับการขูดซิลิโคนเหลว ผมไม่รอช้าก็ได้โทรและเข้าไปปรึกษาและนัดวันผ่าตัด หมอก็แนะนำมาว่านี่เป็นเคสที่แก้ไขจากที่อื่นต้องมีค่าแก้เพิ่มด้วยและอาจจะต้องเสริมคางด้วยหลังจากขูดซิลิโคน ซึ่งค่าใช้จ่ายน่าจะราวๆไม่เกิน 25000 บาท พอถึงวันผ่าตัดผมก็มาตามนัดซึ่งคนเยอะมากกกกกกกก จำได้ว่านั่งรอประมาณ 2-3 ชั่วโมงกว่าจะได้ขึ้นไปผ่าตัด ซึ่งคนที่มารอนั้นส่วนใหญ่จะมาศัลยกรรมเสริมจมูก ทำตา เป็นส่วนใหญ่ ผมถึงคิวผมหมอก็ให้นอนซึ่งไม่ได้ถามเลยว่าผมอยากได้ทรงไหนหรือยังไง (ไอเราก็ซื่อเค้าบอกให้ทำไรก็ทำ) ซึ่งการผ่าตัดครั้งนี้ก็ใช้เวลาไม่นานประมาณ 20 นาทีเหมือนเดิม หลังผ่าตัดเสร็จเค้าก็ให้ประคบน้ำแข็งได้ยามาทานนัดตัดไหมอีก 1 อาทิตย์ ซึ่งก็เหมือนผ่าตัดครั้งแรก ผลที่ได้ก็ไม่ต่างจากครั้งแรก ก็น่าผิดหวังเหมือนเดิมครับ
จากนั้นอีกประมาณ 3 ผมเรียนจบปริญญาซึ่งระหว่างเรียนก็หาข้อมูลมาหลายที่มากจนมาเจอณพลักษณ์ คลินิค ที่กรุงเทพ และรีวิวต่างๆที่น่าเชื่อถือและทุกคนบอกมาว่าราคาจะสูงแต่รับรองผลที่ออกมาว่าดี ซึ่งเหตุผลที่ผมรอทำหลังจากเรียนจบเพราะทราบมาว่า ที่นี่อาจต้องใช้เวลาในการติดตามผลการรักษาที่ยาวนาน ซี่งถ้าเรียนอยู่อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไร มาว่าต่อดีกว่า ผมได้โทรไปนัดว่าจะเข้าไปปรึกษาซึ่งทางคลินิคก็ได้นัดวันและเวลาและกำชับให้มาตรงเวลาเพราะคิวเยอะมาก วันที่เข้าไปครั้งแรกผมได้พบกับคุณเฟียต ซึ่งคุณเฟียตนั้นเป็นภรรยาของคุณหมออรรถพันธ์ คุณเฟียตได้ทำการถ่ายรูปผมไว้และอธิบายเกี่ยวกับสารฉีดและโทษของมัน(ผมคงจะไม่อธิบายตรงนี้นะครับเพราะสามารถหาอ่านได้จากอินเตอร์เน็ต) และได้กรอกประวัติว่าเคยทำจากที่ไหนมาบ้างและฉีดมาแล้วนานแค่ไหน ผมก็กรอกไปตามความจริงตามที่กล่าวมาข้างต้น คุณเฟียตก็อธิบายมาว่า คางคุณนั้นได้รับการแก้ไขมาแล้วถึง 2 ครั้ง และ ภายในคางนั้นน่าจะโดนกระทำจากการผ่าตัดและยาฉีดสลายมาเยอะ ซึ่งจะทำให้งานหมอนั้นยากขึ้นจากเดิมมากและอาจมีผลกระทบหลังจากการผ่าตัดซึ่งมีโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้น ผมรับรู้และบอกไปว่ายังอยากที่จะทำกับหมออรรถพันธ์เหมือนที่ตั้งใจไว้ คุณเฟียตก็ได้แจ้งราคามา(120000)และนัดวัดผ่าตัดซึ่งน่าจะประมาณ 1 เดือนหลังจากที่เข้าไปปรึกษา ผมได้โอนเงินมัดจำไปและก็นำที่เหลือมาจ่ายในวันผ่าตัด ซึ่งในวันผ่าตัดทางผู้ช่วยก็ได้นัดให้มาก่อนเวลาเพราะมีเอกสารที่ต้องอ่านและเซ็น ซึ่งเอกสารนั้นมีประมาณ 10 กว่าหน้าและการเซ็นก็คือให้เซ็นรับรู้ว่าผลที่ได้อาจจะไม่ได้อย่างที่หวังและจะไม่มีการฟ้องร้องในภายหลังประมาณนี้ครับ
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาผ่าตัดซึ่งก่อนผ่าตัดนั้น ผมก็ได้เข้าไปพบกับหมออรรถพันธ์ ซึ่งหมอก็ได้อธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนและวีธีการผ่าตัดมาแบบละเอียดอีกครั้งนึงหลังจากที่คุณเฟียตบอกไปในวันแรก ผมก็รับทราบและโอเคถ้าผลลัพธ์ไม่ออกมาอย่างที่หวังไว้ หลังจากนั้นผมก็ได้รับยาคลายเครียดมาทานและไปล้างหน้าเพื่อเตรียมผ่าตัด ภายในห้องผ่าตัดนั้นดูสะอาดจาก อุปกรณ์ดูทันสมัยและครบถ้วน ผมนอนลงไปและซักพักคุณหมอก็ตามขึ้นมา ซึ่งหมอก็ได้อธิบายมาว่าชุดและผ้าที่ใช้นั้นเป็นของใหม่ทุกครั้งจากนั้นหมอก็และให้ดูเลยว่านี่คือของใหม่จริงๆเพื่อให้เราได้มั่นใจ การผ่าตัดที่นี่นั้นนานมาก หมอจะอธิบายมาตลอดว่าอยู่ในขั้นตอนไหนถ้ารู้สึกเจ็บให้ยกมือหมอจะคอยเติมยาชาให้ตลอด ผมก็เผลอหลับไปบ้างจากฤทธ์ยา พออีกหลายชั่วโมงต่อมาก็ได้ยินหมอพูดมาว่า คางผมนั้นยังไม่สามารถเสริมได้ในตอนนี้อย่าเสียใจไปนะ ผมก็รับฟังไว้ หลังจากผ่าตัดเสร็จน่าจะประมาณ 3 ทุ่ม ผมตกใจมากเพราะตอนเริ่มผ่าตัดน่าจะราวๆบ่าย2 คุณหมอก็ได้เรียกมาที่ห้องตรวจและอธิบายเกี่ยวกับการผ่าตัดที่เพิ่งเกิดขึ้นไป ซึ่งคร่าวๆว่า คางผมนั้นได้รับการแก้ไขมาแล้ว 2 ครั้งซึ่งทำให้คางนั้นเกิดความเสียหายขึ้นอย่างมากและตอนนี้ปลายคางผมอาจจะเน่าเพราะ สารฉีดนั้นไปกดทับกับเส้นเลือดไว้และไม่ได้เลือดไปหล่อเลี้ยงปลายคางได้แต่อย่าเพิ่งตกใจไปเพราะถึงแม้ว่าคางเน่านั้นก็ยังสามารถรักษาให้หายได้แต่อาจต้องใช้เวลานานกว่าปกติ ซึ่งเคสผมนั้นเกิดขึ้นไม่ถึง 2-3% หมอได้ต่อท่อและขวดจากคางเพื่อระบายเลือดที่คั่งอยู่ภายในซึ่งทางผมนั้นต้องดูแลและอย่าให้ขวดเสียหาย และอีก3วันจึงนัดถอดขวดออก พอครบ3วันผมก็ไปตามนัด พบกับคุณเฟียต พอเปิดแผลออกคุณเฟียตก็ได้บอกมาว่ามีเนื้อบางส่วนที่เน่าจริงๆอย่างที่คิดไว้ จากนี้จะนัดผมทุก 2-3 วันเพื่อมาทำแผล (ขอบอกก่อนนะครับว่าการทำแผลหลังจากผ่าตัดนั้นจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆหลังจากการผ่าตัด) ซึ่งผมเข้าออกคลินิคอยู่ประมาณ 2 เดือนกว่าแผลที่เน่าจะหาย ซึ่งพอแผลหายคางผมนั้นยังไม่ได้รูปร่างและผมต้องใช้ชีวิตประจำวันโดนการใส่หน้ากากอนามัย อยู่ประมาณ 8 เดือนซึ่งหมออธิบายไว้ว่าต้องรอให้เนื้อเยื่อแข็งแรงก่อนที่จะผ่าตัดรักษาได้อีกครั้ง
การผ่าตัดกับณพลักษณ์คลินิคครั้งที่ 2 จะเป็นการผ่าตัดเพื่อรักษาหนังปลายคางที่ผิดรูปซึ่งหมอบอกว่าเป็นการผ่าตัดที่ยากและใช้เวลาแต่จะไม่เท่ากับครั้งแรก ซึ่งการผ่าตัดครั้งนี้เรียกว่า Roration Flap คือการตัดหนังที่ไม่สวยทิ้งไปและดึงหนังมาปิดเพื่อให้ผิวเรียบเหมือนปกติ ซึ่งค่าใช้จ่ายครั้งนี้ถูกกว่าครั้งแรกหน่อย(จำไม่ค่อยได้นะครับน่าจะราวๆ 60000-70000) ซึ่งก่อนผ่าตัดนั้นก็เหมือนกับครั้งแรกคือต้องอ่านเอกสารและเซ็น หมอก็จะอธิบายเหมือนเดิมเพื่อให้เรามั่นใจว่าทุกครั้งนั้นหมอเต็มที่ พอผ่าตัดเสร็จคุณเฟียตก็จะนัดตัดไหมและติดตามอาการ (ซึ่งทุกครั้งที่ผ่าตัดนั้นคุณเฟียตจะคอยเป็นคนออกแบบคางทุกครั้ง หรือก็คือเป็นที่ปรึกษาให้กับหมอว่าควรจะให้หน้าของคนไข้ออกมาในรูปแบบไหน) หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ผมก็ไปตัดไหมตามนัดซึ่งผลที่ได้นั้นคือคางนั้นเรียบเป็นปกติแต่รูปคางนั้นยังไม่สวยซึ่งคุณเฟียตก็ได้อธิบายว่า อยากจะเสริมไปพร้อมกันแต่กลัวว่าคางจะรับไม่ไหวและอาจจะทำให้ผลลัพธ์นั้นไม่ดีที่สุดซักทางจึงต้องเก็บการเสริมไว้สำหรับครั้งต่อไป ซึ่งการนัดตรวจหลังจากนี้จะเป็นการถ่ายรูปไปรายงานผ่านทางไลน์
อีก 8 เดือนให้หลังผมได้ไลน์ไปว่า พร้อมแล้วสำหรับการผ่าตัดอีกครั้ง จึงได้โทรไปนัดวันและเวลาเพื่อเข้าไปปรึกษา และ ได้ความว่า การผ่าตัดครั้งนี้จะใช้ไขมันตรงคอมาเสริมแทนคางและใส่สิลิโคนพร้อมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ซึ่งผลจะได้คือคางจะเรียบไม่มีไขมันและจะได้คางที่สวยขึ้น ซึ่งผมก็โอเคและได้ตกลงจ่ายค่าผ่าตัดไป(100000) นัดวันผ่าตัดอีก 2 วัน ผมก็เลือกไม่กลับบ้านและจองโรงแรมแถวนั้นรอ พอถึงวันผ่าตัดผมก็มาตามนัดและก็เหมือนเคิมคือต้องอ่านเอกสารและเซ็นเหมือนทุกครั้ง ก่อนผ่าตัดต้องล้างหน้าและหมอจะแกะเครื่องมือใหม่เหมือนเดิม ทานยาคลายเครียดและก็เริ่มผ่าตัด ซึ่งพอผ่าตัดไปซักพักใหญ่ๆหมอก็บอกมาว่าคางผมนั้นพังผืดเยอะมากไม่สามารถแทรกซิลิโคนเข้าไปเสริมได้เพราะถ้าฝืนยัดเข้าไปก็น่าจะไม่สวยเพราะพังผืดจะกดทับซิลิโคนให้ไม่เข้าทรงและอาจจะดันออกมาจากจุดที่ต้องการเสริมซึ่งหมอได้อธิบายว่าน่าจะเกิดจากการที่ผมผ่าตัดเสริมมา2ครั้งจากหมอ2ท่านก่อนหน้านี้จึงทำให้พังผืดเยอะ หมอจะใช้แค่ไขมันจากเหนียงอย่างเดียวในการเสริมครั้งนี้ผมก็พยักหน้ารับรู้แต่ก็ยังเดาไม่ออกว่าจะออกมาแบบไหน ซึ่งหมอกับคุณเฟียตนั้น คุยกันตลอดเวลาซึ่งผมนั้นก็ได้รับฟังทุกอย่างที่ทั้งคู่ได้คุยกัน คุณเฟียตจะคอยออกแบบทรงหมอก็จะคอยทำตามแบบที่คุณเฟียตบอก ซึ่งใช้เวลาประมาณนึงทีเดียวเพราะผ่าตัดเสร็จน่าจะประมาณ 2-3 ทุ่มได้ครับ ลงมาที่ห้องตรวจผลที่ออกมานั้นก็น่าพอใจเพราะผมได้คางกลับมาเหมือนคนปกติ ซึ่งอาจจะมีรอยแผลเป็นบ้างแต่ก็คิดย้อนไปว่าหลายๆปีที่ผ่านมา ได้แบบนี้ก็น่าดีใจมากแล้ว
ต้องขอบคุณหมออรรถพันธ์กับคุณเฟียตที่ช่วยให้ผมได้กลับมามั่นใจได้อีกครั้ง และ สร้างความมั่นใจว่าจะไม่ทิ้งคนไข้ไปไหนตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านๆมาครับ
รีวิวครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผมซึ่งถ้าอ่านแล้วสงสัยตรงไหนก็สามารถสอบถามได้นะครับ ผมยินดีที่จะตอบและแนะนำสำหรับคนที่เจอประสบการณ์ที่โชคร้ายแบบผลครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม