บทความตามใจฉัน “Nintendo ปะทะ ร้าน VDO” Part 2 End
Part 1
https://ppantip.com/topic/38854911
จาก Part 1 ที่ Nintendo ประสบปัญหาในการหยุดธุรกิจให้เช่าเกมนั้น
ทำให้Nintendo มองหาวิธีขัดขวางและสร้างความไม่สะดวกในแบบที่แรงกว่านี้และน่ากลัวกว่าเดิม
ตามสุภาษิต “เชือดไก่ให้ลิงดู”
วิธีเชือดนั้นไม่มีอะไรที่แรงและมีประสิทธิ์ภาพไปกว่าการลากอีกฝ่ายขึ้นศาลเรียกร้องค่าเสียหายให้เข็ด
ส่วนข้ออ้างเพื่อเชือดนั้น Nintendo ก็เตรียมไว้พร้อม
วิธีเชือดมีแล้ว ข้ออ้างมีแล้ว ทีนี้ก็มองหา “ไก่ตัวใหญ่ ๆ ” เพื่อ “เชือด” ให้ลิงดู
และไก่ตัวที่ใหญ่ที่สุดในวงการร้านเช่า VDO ตอนนั้นก็คือ BlockBuster
จุดที่ BlockBuster พลาดก็คือ “คู่มือ”
ตลับเกมในสมัยก่อน (โดยเฉพาะ NES) นั้นมีขนาดพื้นที่ ROM จำกัดมาก
ตัวเกมจึงต้องตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกให้หมด ทำให้เกมในสมัยนั้น “ไม่มีโหมดสอนวิธีเล่นให้กับผู้เล่น”
ผู้เล่นจะต้องเรียนรู้วิธีเล่นเอาเองจากการเล่นจริง ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ตัวเกมจะสอนวิธีเล่นให้
ติดตรงไหนก็ย้อนดูวิธีเล่นจากในตัวเกมได้หรือจะเข้า Net หาวิธีเล่นก็ได้
ซึ่งในช่วงแรก ๆ ที่เกมยังไม่ซับซ้อนมากนักการปล่อยให้ผู้เล่นเรียนรู้เองก็พอทำได้อยู่แต่ในตอนหลังที่เกม
เริ่มซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ คู่มือจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการเรียนรู้วิธีการเล่น
ผู้สร้างเกมเองก็อาศัยคู่มือในการอธิบายหรือบรรยายสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายในเกมได้อีกด้วยเช่น
ข้อมูลของศัตรูในเกม, ข้อมูลของตัวละครในเกมหรือเรื่องราวของเกม เป็นต้น
การให้เช่าเกมของ BlockBuster นั้นจะให้ผู้เช่ายืมคู่มือไปด้วยแต่มักเกิดปัญหา
เช่น ผู้เช่าลืมเอามาคืนบ้าง หายบ้าง ขาดบ้าง พอเป็นแบบนี้คนที่มาเช่าคนต่อไปก็ไม่มีคู่มือให้อ่านแล้วก็ทำให้บางครั้งผู้เล่นไปต่อไม่ได้เพราะไม่รู้วิธีเล่น
ประสบการณ์ส่วนตัวคือ สมัยเล่น Super Mario 3 ผู้เขียนไม่รู้เลยว่าพอมีหางแรคคูนแล้วจะบินได้ กว่าจะรู้ก็ตอนเพื่อนมาเล่นเกมที่บ้าน
เพื่อแก้ปัญหา BlockBuster เลยสำเนาคู่มือเก็บไว้และให้ตัวสำเนากับผู้เช่าไปอ่าน
ตรงจุดนี้เองทำให้เมื่อ สิงหาคม ปี 1989 Nintendo ฟ้อง BlockBuster ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์คู่มือและทำให้คู่กรณีมาขึ้นศาลได้สำเร็จ
ในเบื้องต้น Nintendo เรียกร้องให้ BlockBuster หยุดทำสำเนาคู่มือ ซึ่ง BlockBuster ตอบรับและต่อมาได้แก้ปัญหานี้โดยการทำคู่มือ
Version ของตัวเองให้ลูกค้าที่มาเช่าแทนคู่มือของ Nintendo
คดีนี้ยุติโดยการตกลงกันนอกศาลโดยไม่มีใครรู้ว่าจ่ายกันไปเท่าไหร่
แต่การเชือดไก่นี้ก็ทำให้ธุรกิจให้เช่าเกมชะลอตัวและพอข่าวแพร่ออกไปก็ทำให้ร้านให้เช่าเกม
รายเล็ก ๆ พลอยหยุดให้เช่าไปด้วยเนื่องจากกลัวโดนคดี แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่สามารถหยุดได้ ธุรกิจเช่าเกมนั้นรุ่งเรื่องจนกระทั้ง
internet ความเร็วสูงมา disrupt ธุรกิจนี้ไปพร้อม ๆ กับธุรกิจให้เช่า VDO
โชคดีว่าอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่มากทำให้ธุรกิจให้เช่า VDO และเกมยังคงมีอยู่ในบางพื้นที่ที่ internet
ความเร็วสูงยังเข้าไม่ถึง ไม่ตายหายไปซะทีเดียว
แต่การกระทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของ Nintendo เองในครั้งนี้นอกจากให้ผลตอบแทนที่น้อยแล้วก็มีผลกระทบที่ตามมาด้วยเช่นกัน
โดยในช่วงที่ธุรกิจเช่าเกมกำลังระส่ำระสายการจากอาละวาดของ Nintendo นั้น
บริษัทเครื่องเกมอีกบริษัทหนึ่งมองว่านี่คือโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าของตนจึงเข้าไปติดต่อกับบริษัทให้เช่า
VDO ต่าง ๆ ยื่นข้อเสนอให้นำตลับเกมของตนไปวางแผงให้เช่าแล้วแบ่งผลประโยชน์กัน
นี่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เครื่องเกมของบริษัทนี้เป็นที่รู้จักจนสามารถเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของ
Nintendo ในอเมริกาช่วงยุคต้น 90s ได้ และเติบโตจนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในที่สุด
เป็นไปตามวิวาทะดังที่ว่า We create our own demons (เราล้วนสร้างปีศาจของตนเอง)
ชื่อของปีศาจตนนั้น
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด
Facebook Page “บทความตามใจฉัน”
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/
Ref
kotaku.com
https://kotaku.com/why-you-cant-rent-games-in-japan-5914749
wikipedia.org
https://en.wikipedia.org/wiki/Video_rental_shop
Nintendo vs.Video Game Rentals - Gaming Historian
https://www.youtube.com/watch?v=J3xuy5YALl0&t=381
บทความตามใจฉัน “Nintendo ปะทะ ร้าน VDO” Part 2 End
Part 1 https://ppantip.com/topic/38854911
จาก Part 1 ที่ Nintendo ประสบปัญหาในการหยุดธุรกิจให้เช่าเกมนั้น
ทำให้Nintendo มองหาวิธีขัดขวางและสร้างความไม่สะดวกในแบบที่แรงกว่านี้และน่ากลัวกว่าเดิม
ตามสุภาษิต “เชือดไก่ให้ลิงดู”
วิธีเชือดนั้นไม่มีอะไรที่แรงและมีประสิทธิ์ภาพไปกว่าการลากอีกฝ่ายขึ้นศาลเรียกร้องค่าเสียหายให้เข็ด
ส่วนข้ออ้างเพื่อเชือดนั้น Nintendo ก็เตรียมไว้พร้อม
วิธีเชือดมีแล้ว ข้ออ้างมีแล้ว ทีนี้ก็มองหา “ไก่ตัวใหญ่ ๆ ” เพื่อ “เชือด” ให้ลิงดู
และไก่ตัวที่ใหญ่ที่สุดในวงการร้านเช่า VDO ตอนนั้นก็คือ BlockBuster
จุดที่ BlockBuster พลาดก็คือ “คู่มือ”
ตลับเกมในสมัยก่อน (โดยเฉพาะ NES) นั้นมีขนาดพื้นที่ ROM จำกัดมาก
ตัวเกมจึงต้องตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกให้หมด ทำให้เกมในสมัยนั้น “ไม่มีโหมดสอนวิธีเล่นให้กับผู้เล่น”
ผู้เล่นจะต้องเรียนรู้วิธีเล่นเอาเองจากการเล่นจริง ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ตัวเกมจะสอนวิธีเล่นให้
ติดตรงไหนก็ย้อนดูวิธีเล่นจากในตัวเกมได้หรือจะเข้า Net หาวิธีเล่นก็ได้
ซึ่งในช่วงแรก ๆ ที่เกมยังไม่ซับซ้อนมากนักการปล่อยให้ผู้เล่นเรียนรู้เองก็พอทำได้อยู่แต่ในตอนหลังที่เกม
เริ่มซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ คู่มือจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการเรียนรู้วิธีการเล่น
ผู้สร้างเกมเองก็อาศัยคู่มือในการอธิบายหรือบรรยายสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายในเกมได้อีกด้วยเช่น
ข้อมูลของศัตรูในเกม, ข้อมูลของตัวละครในเกมหรือเรื่องราวของเกม เป็นต้น
การให้เช่าเกมของ BlockBuster นั้นจะให้ผู้เช่ายืมคู่มือไปด้วยแต่มักเกิดปัญหา
เช่น ผู้เช่าลืมเอามาคืนบ้าง หายบ้าง ขาดบ้าง พอเป็นแบบนี้คนที่มาเช่าคนต่อไปก็ไม่มีคู่มือให้อ่านแล้วก็ทำให้บางครั้งผู้เล่นไปต่อไม่ได้เพราะไม่รู้วิธีเล่น
ประสบการณ์ส่วนตัวคือ สมัยเล่น Super Mario 3 ผู้เขียนไม่รู้เลยว่าพอมีหางแรคคูนแล้วจะบินได้ กว่าจะรู้ก็ตอนเพื่อนมาเล่นเกมที่บ้าน
เพื่อแก้ปัญหา BlockBuster เลยสำเนาคู่มือเก็บไว้และให้ตัวสำเนากับผู้เช่าไปอ่าน
ตรงจุดนี้เองทำให้เมื่อ สิงหาคม ปี 1989 Nintendo ฟ้อง BlockBuster ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์คู่มือและทำให้คู่กรณีมาขึ้นศาลได้สำเร็จ
ในเบื้องต้น Nintendo เรียกร้องให้ BlockBuster หยุดทำสำเนาคู่มือ ซึ่ง BlockBuster ตอบรับและต่อมาได้แก้ปัญหานี้โดยการทำคู่มือ
Version ของตัวเองให้ลูกค้าที่มาเช่าแทนคู่มือของ Nintendo
คดีนี้ยุติโดยการตกลงกันนอกศาลโดยไม่มีใครรู้ว่าจ่ายกันไปเท่าไหร่
แต่การเชือดไก่นี้ก็ทำให้ธุรกิจให้เช่าเกมชะลอตัวและพอข่าวแพร่ออกไปก็ทำให้ร้านให้เช่าเกม
รายเล็ก ๆ พลอยหยุดให้เช่าไปด้วยเนื่องจากกลัวโดนคดี แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่สามารถหยุดได้ ธุรกิจเช่าเกมนั้นรุ่งเรื่องจนกระทั้ง
internet ความเร็วสูงมา disrupt ธุรกิจนี้ไปพร้อม ๆ กับธุรกิจให้เช่า VDO
โชคดีว่าอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่มากทำให้ธุรกิจให้เช่า VDO และเกมยังคงมีอยู่ในบางพื้นที่ที่ internet
ความเร็วสูงยังเข้าไม่ถึง ไม่ตายหายไปซะทีเดียว
แต่การกระทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของ Nintendo เองในครั้งนี้นอกจากให้ผลตอบแทนที่น้อยแล้วก็มีผลกระทบที่ตามมาด้วยเช่นกัน
โดยในช่วงที่ธุรกิจเช่าเกมกำลังระส่ำระสายการจากอาละวาดของ Nintendo นั้น
บริษัทเครื่องเกมอีกบริษัทหนึ่งมองว่านี่คือโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าของตนจึงเข้าไปติดต่อกับบริษัทให้เช่า
VDO ต่าง ๆ ยื่นข้อเสนอให้นำตลับเกมของตนไปวางแผงให้เช่าแล้วแบ่งผลประโยชน์กัน
นี่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เครื่องเกมของบริษัทนี้เป็นที่รู้จักจนสามารถเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของ
Nintendo ในอเมริกาช่วงยุคต้น 90s ได้ และเติบโตจนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในที่สุด
เป็นไปตามวิวาทะดังที่ว่า We create our own demons (เราล้วนสร้างปีศาจของตนเอง)
ชื่อของปีศาจตนนั้น
ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด
Facebook Page “บทความตามใจฉัน”
โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ
https://www.facebook.com/uptomejournal/
Ref
kotaku.com
https://kotaku.com/why-you-cant-rent-games-in-japan-5914749
wikipedia.org
https://en.wikipedia.org/wiki/Video_rental_shop
Nintendo vs.Video Game Rentals - Gaming Historian
https://www.youtube.com/watch?v=J3xuy5YALl0&t=381