ปัจจุบันจขกท อายุ 34 ปีเข้ารับการตรวจหาสาเหตุการมีบุตรยากตั้งแต่อายุ 33 ปี

ครั้งแรกที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในภาวะมีบุตรยากก็คือไป x-ray แล้วพบกว่าท่อนำไข่ตัน 1 ข้าง และเป็นผังผืด 1 ข้าง ก็บอกตัวเองว่าไม่เป็นไรทำ ivf ก็ได้ เลยขอเวลาหมอ 6 เดือน ไปออกกำลังกาย เตรียมร่างกายแล้วจะกลับมาทำ ตั้งใจว่าจะทำประมาณ มีนา- เมษา  จะได้หยุดยาวช่วงสงกรานต์ได้

เดือนมีนาคม เริ่มกระตุ้นไข่รอบแรก ฉีดยาที่พุงได้ 2 วัน วันที่ 3 คุณหมอนัดตรวจฮอร์โมน ปรากฎว่าฮอร์โมนขึ้นมาแค่ 28 คุณหมอเลยให้หยุดทำ และตรวจค่า AMH เพื่อหาสาเหตุ  ผลการตรวจค่า AMH ออกมาได้ 0.6 คุณหมอเลยให้พัก 1 เดือน เดือนพฤษภาคม ค่อยเริ่มทำใหม่พร้อมกับเปลี่ยนยา

เดือนพฤษภาคม เริ่มฉีดยากระตุ้นไข่ใหม่ วันที่ 3 ตรวจเลือด ปรากฎว่าฮอร์โมนขึ้นมาแค่ 27 คุณหมอขอให้หยุดทำอีกครั้ง พัก 1 เดือน แล้วเดือนถัดไปค่อยมาลองกินยากระตุ้นไข่ (เคยกินแล้วได้ไข่ 6 ใบ) โดยคุณหมอบอกว่าถ้ากินรอบนี้แล้วฮอร์โมนไม่ขึ้น เราควรมาพิจารณาเรื่องไข่บริจาคกันได้แล้ว

คำถามคือ
1. คุณแม่ท่านไหนเคยประสบปัญหาเรื่องมีบุตรยาก กระตุ้นไข่ยาก แต่ทำสำเร็จแล้วมีที่คลินิก รพ. หรือคุณหมอท่านไหน ที่จขกท. ควรจะไปปรึกษามั้ยคะ
2. เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่งรู้ว่าแม่ จขกท เป็นมะเร็งระยะที่ 3 ต้องเข้าผ่าตัดและคีโมต่อเนื่อง จขกท ค่อนข้างเหนื่อยและมีภาวะเครียด ภาวะเครียดแบบนี้ส่งผลต่อการกระตุ้นไข่มั้ยคะ
3. ในกรณีที่หมดทางเลือกแล้ว ถ้าเป็นคุณแม่ท่านอื่นๆ จะยอมอยู่แบบไม่มีลูกหรือจะยอมใช้ไข่บริจาคคะ