สวนสาวสุดใจ จันทบุรี กับ 8 ปีที่ผ่านไป

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562
เรามีโอกาสได้เดินทางไปเป็นหมู่คณะ จำนวนประมาณ 30 คน ที่สวนสาวสุดใจ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีจุดหมายอยู่ที่เกาะหมาก จังหวัดตราด
จึงมีบางท่านในคณะได้เสนอให้เยี่ยมชมสวนผลไม้ ตามประสาคำกล่าว "ช๊อป แชะ ชิม ชิว" และจากการประสานคนในพื้นที่ได้เสนอสวนสาวสุดใจ
ที่เป็นสถานที่ในการชมสวนผลไม้ครั้งนี้ ซึ่งก่อนเข้าสวนหนึ่งวันได้มีการพูดคุยกันว่า หากต้องเสียเงินหัวละ 500 บาท ในการชมสวนและทานบุฟเฟ่ต์ทุเรียนแล้วนั้น หลาย ๆ คน (10 กว่าคน) ได้ออกตัวและขอที่จะไม่เข้าชมสวนแต่จะขอรออยู่บนรถบัส เนื่องจากทานทุเรียนได้ไม่เยอะและมีบางท่านแพ้ทุเรียน
อีกทั้งเป็นเวลาเช้าในการนั่งทานผลไม้แบบบุฟเฟต์ แต่ทางผู้ประสานการจองเข้าชมสวนได้แจ้งว่า มีการทานผลไม้แบบบุฟเฟต์ทุเรียน เงาะ มังคุด และสละ รวมกับทานอาหารกลางวันด้วย ทำให้หลายคนเปลี่ยนและคิดว่าเข้าไปเพื่อทานอาหารกลางวันแทน

แต่แล้วเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ได้เริ่มต้นขึ้นจากนี้
เมื่อคณะเราเดินทางไปถึงปรากฏว่า ได้มีคณะหนึ่งอยู่ก่อนหน้าจากการสอบถามพบว่า คณะนั้นได้พักที่สวนด้วยและมีการทานบุฟเฟต์ทุเรียนรวมด้วย 
ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อคนที่ 1700 บาทต่อคน ซึ่งอาหารเที่ยงคือ ขนมจีนแกงเขียวหวานและข้าวสวย โดยตอนที่เราไปถึงในขณะนั้นคุณป้าสาวได้บรรยายให้แก่คณะนั้นฟังอยู่ หลังจากที่คุณป้าได้ทราบว่าคณะเรามาถึง คุณป้าได้มาต้อนรับเราด้วยการให้กลุ่มนั้นไปเดิมชมสวนผลไม้ โดยมีคุณลุงสุดใจเป็นผู้พามชมและบรรยาย คุณป้ากล่าวถึงรายละเอียดสวนผลไม้ และประวัติตนเองนิดหน่อยในการต้อนรับ สมาชิกเราต่างตื่นเต้นกับเรือผลไม้ที่เตรียมไว้ ซึ่งมีมังคุดอยู่เต็มเรือ แต่มังคุดนั้นลูกเล็กมากถ้าเทียบไซส์ที่ขายปลีกน่าจะอยู่ประมาณกิโลกรัมละ 20-30 บาทเท่านั้น ทุกคนก็ได้ลองทานกันอย่างเรียบร้อย และคุณป้าสาวก็ได้เริ่มการกรีด หั่น ผ่าทุเรียนตามที่ได้เราทุกคนหมายปอง โดยการกรีดครั้งละ 1 ลูก ย้ำ ค่ะ 1 ลูก แต่เมื่อคนไปออกันเต็มโต๊ะ คุณป้าเริ่มกรีดเพิ่มขึ้น แต่จะเป็นการเดินเข้าไปหยิบในห้องที่เก็บทุเรียนไว้มาครั้งละ 1 ลูกซึ่งเสียเวลามาก ทำให้ไม่ทันกับผู้กิน อีกทั้งคุณป้าเดินไปเดินมา เนื่องจากมีแขกเข้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งจากการสอบถามหลานที่มาช่วยกรีดทุเรียนให้แก่ผู้ทานบุฟเฟ่ต์ ได้ความว่า คุณป้าจะเป็นผู้เลือกและสั่งให้กรีด เท่านั้น โดยที่คนอื่นไม่มีสิทธิ์ในการเลือกและกรีดได้เลย

และในระหว่างนั้นคุณป้าก็เดินไปเดินมาแบบวุ่นวายไปต้อนรับคนนั้น คนนี้ที่เข้ามาชมสวนตลอดเวลา ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ทุกคนในคณะได้กินทุเรียนเฉลี่ย คนละ 2-3 เม็ดเท่านั้น และคุณป้าได้ยกถาดผัดไทยเส้นจันท์ใส่กุ้งประมาณ 10 กว่าตัว  ออกมาหนึ่งถาดแล้วบอกพวกเราว่า นี่คืออาหารมื้อเที่ยงของพวกเรา!!ทุกคนตกใจมาก ไม่คิดว่าเราจะได้กินเพียงเท่านี้ ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับคน 30 กว่าคน ทำให้คนในคณะเกิดความไม่พอใจถามหาคนประสานกันยกใหญ่
ว่าเหตุใดจึงเลือกสวนนี้ และเริ่มมีเสียงบ่นจากคนที่เคยไปสวนอื่น ๆ มาก่อนและในขณะนั้นได้มีหนึ่งคนในทริปได้ถามป้าสาวว่าสามารถชมสวยหรือถ่ายรูปได้ไหม คุณป้าตอบทันทีว่าได้ และตะโกน ย้ำตะโกน เรียกลุงสุดใจมาพาคณะเราไปชมสวน แต่คุณลุงสุดใจได้ตอบกลับมาว่า "เดี๋ยวก่อน ให้กินเรียบร้อยก่อน" ในชอตนี้เองได้มีคนในทริปเราเห็น ว่าคุณป้ามองคุณลุงตาเขียว แถมค้อนใส่คุณลุงสุดใจไปอีกหนึ่งดอก 55++

แต่สุดท้าย ผู้ชายอย่างคุณลุงสุดใจก็พ่ายแพ้เมียไปตามระเบียบ คณะเราครึ่งหนึ่งได้เดินชมสวนแต่เราส่วนที่เหลือไม่ได้ไปชมด้วย เราจึงนั่งคุยกันที่เดิม และถามหาทุเรียนที่ยังสามารถทานได้อีก ก็ไม่มีผู้ใดกรีดให้เราทาน เราจึงได้แต่บ่นและปรับทุกข์กันอยู่ตรงนั้น จนมีคุณพี่คนหนึ่งเดินออกมาจากสวนและถามหาทุเรียนอีก พวกเราบอกว่าหมดแล้วและไม่มีการกรีดเพิ่มให้เราอีกแล้ว คุณพี่ท่านนั้นจึงได้เดินไปตามคุณป้าสาวที่อยู่ใต้ถุนเรือนอีกหลังหนึ่ง ปรากฏว่า

คุณป้ายอมเดินมาตรงที่พวกเรานั่งอยู่แล้วบอกกับพวกเราว่า "ทุเรียนหมดแล้ว ไม่มีบริการแล้ว หมดรอบแล้วค่ะ"

เราได้ยิน เราจึงถามคุณป้าไปว่า
"บุปเฟต์ทุเรียนมีหมดด้วยหรอคะ คุณป้าไม่ได้กำหนดเวลานี่คะ แล้วตอนกรีดคุณป้าก็กรีดทีละลูกสองลูก เราทานกันยังไม่พอ ถามหาคนกรีดก็ไม่มี"

คุณป้าบอกว่า
"บุปเฟต์ทานได้ตลอดถ้าเป็นผลไม้ในเรือ ไม่จำกัดเวลา"

แต่เราบอกว่าพวกเราจะทานทุเรียน คุณป้าบอกว่าจะกินใช่ไหม ถ้าจะกินจะไปกรีดให้แต่จริง ๆ มันหมดแล้วนะ ไม่มีแล้ว แล้วก็เดินไป

เราก็เลยพูดสร้อยไปว่า
"อ๋อค่ะหมดแล้วทุเรียนแบบบุปเฟต์มีหมดด้วย หัวละ 500 บาท"

คุณลุงเลยเดินเข้ามาบอกว่า เรื่องทุเรียนคุยกับป้าเขาเลยนะ ตามสบายเลย (หืมมมมมมคุณลุง) 

คุณป้าหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมทุเรียนหนึ่งลูก กรีดแล้วได้ประมาณ 5 พู พวกที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็หยิบทานกันคนละเม็ด

แต่เราทนไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราจึงเดินกลับมารอที่บนรถ แล้วได้แต่บ่นกับตัวเองและคนรอบข้างว่าไม่โอเคเลยกับสวนนี้

จนมานั่งคิดและค้นหาข้อมูลใน google ก็พบว่ามีสมาชิกท่านหนึ่งเคยตั้งกระทู้ไว้เมื่อ พ.ศ.2554  ซึ่งผ่านไปเกือบสิบปีแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
นอกจากการตลาดและกลยุทธ์ในการบริหารจัดการของคุณป้าสาวววววววววววววววววว นั่นเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่